‘เสรีรวมไทย’ แลนด์สไลด์เลือกตั้งซ่อมลำปาง เขย่าบารมี ‘ธรรมนัส’ สู่จุดเปลี่ยนถอนตัวร่วม รบ. จับมือฝ่ายค้าน พิสูจน์ตัวตน/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

‘เสรีรวมไทย’

แลนด์สไลด์เลือกตั้งซ่อมลำปาง

เขย่าบารมี ‘ธรรมนัส’

สู่จุดเปลี่ยนถอนตัวร่วม รบ.

จับมือฝ่ายค้าน พิสูจน์ตัวตน

 

สร้างความหวังให้กับฝั่งประชาธิปไตยได้อย่างเกินคาด สำหรับผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 หลัง “นายเดชทวี ศรีวิชัย” จากพรรคเสรีรวมไทย ชนะขาดลอยไปด้วยคะแนน 55,638 คะแนน เรียกได้ว่าเป็นการชนะแบบแลนด์สไลด์ครั้งแรกของพรรคเสรีรวมไทยและฝ่ายค้าน นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งซ่อมก็ว่าได้

การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เกิดจากกรณีที่ “นายวัฒนา สิทธิวัง” อดีต ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ แชมป์เก่า ถูกร้องเรียนพบการทำทุจริตเลือกตั้งด้วยการแจกเงินซื้อเสียง ก่อนจะกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง ในฐานะสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย ภายใต้การนำของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคเต็มตัว

ชัยชนะของพรรคเสรีรวมไทยครั้งนี้ ถือเป็นชัยชนะก้าวสำคัญของพรรค และได้มาซึ่ง ส.ส.เขตคนแรกได้สำเร็จ ภายใต้การนำของ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” ที่ลงพื้นที่ช่วยผู้รับสมัครเลือกตั้งซ่อมหาเสียงด้วยตัวเองเป็นเวลาร่วมเดือน และมี “นายสมชัย ศรีสุทธิยากร” ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ลงไปร่วมด้วยช่วยอีกแรง

ในที่สุดก็ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนชาวลำปางเขต 4 จนคว้าชัยได้สำเร็จ

“นายสมชัย ศรีสุทธิยากร” ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก วิเคราะห์ถึงปัจจัยความสำเร็จก้าวแรกของพรรคไว้อย่างน่าสนใจ ทั้งการได้มาซึ่ง ส.ส.เขตคนแรก และชัยชนะที่สำคัญในฟากฝั่งประชาธิปไตย ใจความระบุว่า

“เสรีรวมไทย ได้ ส.ส.เขต คนแรก คือ เดชทวี ศรีวิชัย หรือหนานแมว ที่ลำปางเขต 4 ซึ่งประกอบด้วย 5 อำเภอ คือ เกาะคา เสริมงาม สบปราบ เถิน และแม่พริก โดยมีคะแนนชนะขาดในทุกอำเภอ

สาเหตุสำคัญของชัยชนะครั้งนี้ ประกอบด้วยหลายปัจจัย คือ

1) เป็นแข่งระหว่าง 2 พรรคที่อยู่ในคนละขั้วการเมือง คือ ฝ่ายค้าน พรรคเสรีรวมไทย และฝ่ายรัฐบาล พรรคเศรษฐกิจไทย โดยผู้สมัครเศรษฐกิจไทยเป็น ส.ส.เดิมของพลังประชารัฐ ที่โดนใบเหลืองและย้ายมาพรรคของคุณธรรมนัส

2) แนวทางการหาเสียงที่แตกต่างกัน เสรีรวมไทยใช้เดินเคาะประตูบ้านทุกหลังใน 5 อำเภอ ในขณะที่เศรษฐกิจไทยเน้นระดมคนมาฟังปราศรัย และใช้เครือข่ายหัวคะแนนในพื้นที่

3) ชื่อของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ในการจับการทุจริตการเลือกตั้งอย่างได้ผลในคราวที่ผ่านมา จน กกต.ต้องให้ใบเหลือง ทำให้กระบวนการซื้อเสียงที่เคยเกิดขึ้นในอดีตไม่สามารถกระทำได้อย่างเต็มที่

4) คุณสมบัติและบุคลิกของผู้สมัครพรรคเสรีรวมไทย ที่นอบน้อม ใกล้ชิดประชาชน และแสดงออกถึงความสามารถในการพูด ที่ประชาชนเชื่อว่าจะทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้ประชาชนได้

5) ทีมงานที่เข้มแข็งของพรรคเสรีรวมไทย ที่แบ่งกันทำงานถึง 5 ทีม และยังมีหัวหน้าพรรคที่เดินเข้าหาประชาชนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เช้าถึงค่ำ เป็นเวลากว่า 30 วัน

สุดท้าย พรรคเสรีรวมไทยขอขอบคุณประชาชนที่ให้โอกาส และเป็นเสียงสะท้อนของความอยากเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของคนไทยทั้งประเทศ

ประชาธิปไตยจากปลายปากกากำลังจะเกิดขึ้นแล้ว”

การคว้าชัยเลือกตั้งซ่อมของพรรคเสรีรวมไทย มีเพื่อนจากพรรคฝ่ายค้านออกมาร่วมแสดงความยินดีจำนวนมาก อาทิ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ได้ทวิตข้อความผ่านทางแอ็กเคาต์ @Pita_MFP ระบุว่า “ขอยินดีกับ คุณเดชทวี ศรีวิชัย ผู้สมัครจากพรรคเสรีรวมไทย และหัวหน้าพรรค พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตัวแทนฝ่ายค้าน ที่ทำงานอย่างหนักในการเลือกตั้งครั้งนี้ที่ลำปาง เขต 4 ชัยชนะครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลแค่ลำปาง แต่ส่งผลต่อประชาธิปไตยสำหรับการเลือกตั้งใหญ่แน่นอน!”

รวมถึงทางฝั่งพรรคเพื่อไทย มี “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ออกมาแสดงความยินดี และเปรียบเทียบผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ว่าเป็นการแลนด์สไลด์ในฝั่งพรรคฝ่ายค้าน สะท้อนชัดเจนว่าความนิยมในฝั่งประชาธิปไตยไม่ได้มีเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่เริ่มขยายไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าคะแนนเสียงที่ได้มาไม่ใช่พลังเล็กๆ ดังนั้น ผู้มีอำนาจจะคิดอะไรต้องระมัดระวัง

“คุณคิดว่าคุณจะอยู่ได้หรือ ในเมื่อประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจเขาไม่เอา ศรีลังกาเป็นภาพตัวอย่าง ยกตัวอย่าง การบริหารล้มเหลวมาก ทำให้พี่น้องประชาชนลำบาก ทำให้ประชาชนล้มละลาย สุดท้ายเขาก็ต้องแสดงออกต่อผู้มีอำนาจว่าอย่าได้เหิมเกริมการใช้อำนาจที่ไม่ชอบ”

นพ.ชลน่านกล่าว

 

การพลิกขึ้นมาคว้าชัยชนะของพรรคฝ่ายค้านในศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ สะท้อนชัดเจนว่าประชาชนเริ่มหูตาสว่างมากขึ้น ชัยชนะที่พรรคฝ่ายค้านได้มา จะส่งผลต่อการเลือกตั้งใหญ่ที่นับวันถอยหลังใกล้มาถึงมากในระดับไหน

คำตอบอาจจะยังมองภาพได้ไม่เต็มร้อยมากนัก แต่การสะสมชัยชนะไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความนิยมของรัฐบาลที่กำลังตกต่ำลง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความหวังและความสำเร็จที่เกิดขึ้นในพรรคฝั่งประชาธิปไตย

ขณะเดียวกันทางฝั่งของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ภายหลังผลการเลือกตั้งซ่อมออกมาว่าพรรคของตนพ่ายแพ้อย่างเป็นทางการ ก็ได้โพสต์ข้อความแสดงความยินดีกับพรรคเสรีรวมไทย และขอบคุณทุกเสียงที่ยังสนับสนุน ผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า

“ผมขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่สนับสนุนพรรคเศรษฐกิจไทยและขอแสดงความยินดีกับพรรคเสรีรวมไทยที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวลำปาง ผมเข้าใจแล้วว่าพี่น้องประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลงและผมก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกันครับ”

ผลจากการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ทำให้ ร.อ.ธรรมนัสเสียฟอร์มไม่ใช่น้อย เนื่องจากที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัสเป็นคนที่มีบารมียิ่งใหญ่ในทางการเมือง โดยเฉพาะภายใต้ร่มเงาของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” และพรรคพลังประชารัฐ

การแยกตัวออกมาตั้งพรรคใหม่ และยังพ่ายแพ้การเลือกตั้งซ่อมอย่างยับเยินในรอบนี้ ยิ่งทำให้ ร.อ.ธรรมนัสดูตัวเล็กลงไปอีกในเกมการต่อรอง ต่อราคาทางการเมือง บวกกับไม่มีอำนาจจากฝั่งข้าราชการมาเป็นแรงหนุน เหมือนครั้งที่อยู่ภายใต้ชายคาพลังประชารัฐ ยิ่งทำให้บารมีในตัวของ ร.อ.ธรรมนัสดูลดน้อยถอยต่ำลงไปมาก

และกลายเป็นเรื่องที่สังคมเฝ้าจับตารอดูว่าหลังจากนี้ ร.อ.ธรรมนัสจะแก้เกมการเมืองอย่างไร เพื่อกลับไปมีอำนาจในเส้นทางการเมืองเหมือนในอดีต ความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งซ่อมนอกจากจะส่งแรงสั่นสะเทือนเขย่าบารมี ร.อ.ธรรมนัสอย่างหนัก ยังมีเรื่องความชัดเจนในจุดยืนของ ร.อ.ธรรมนัสและพรรค ที่ประชาชนอยากเห็น

และจำเป็นจะต้องมีความชัดเจนมากขึ้นในสายตาประชาชน

 

ความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นจากศึกเลือกตั้งซ่อม ทำให้ ร.อ.ธรรมนัสรีบประกาศเปลี่ยนจุดยืนทางการเมืองทันที โดยได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย ทางช่อง 9 อสมท เผยว่า หลังการเลือกตั้งซ่อมเขต 4 จ.ลำปาง ที่ผ่านมา ผลคะแนนที่เกิดขึ้นทำให้ทางพรรคเศรษฐกิจไทยต้องมาทบทวนบทบาททางการเมือง จึงประชุมพรรคและพูดคุยทบทวนการทำงานที่ผ่านมา พบว่าพรรคมีความไม่ชัดเจนในบทบาท เบื้องต้นได้ให้ “นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ “นายไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นกรรมการวิปรัฐบาลอยู่ ลาออกจากการเป็นวิปรัฐบาล เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจน

“ร.อ.ธรรมนัส” กล่าวต่อว่า จากนี้ไปพรรคเศรษฐกิจไทยจะเตรียมตัวไปทำงานร่วมกับฝ่ายค้านอย่างชัดเจน เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และจะขอเข้าพบ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อกราบลาในการที่จะออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะตนถือว่า พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ตามธรรมเนียมของคนไทย ต้องไปลามาไหว้

ท้ายที่สุดหลังจากนี้เป็นต้นไป สังคมจะเฝ้าจับตาดูบทบาทของ ร.อ.ธรรมนัส หลังประกาศถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และเลือกไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน 100% อย่างไม่กะพริบตาแน่นอน

ซึ่งยังคงพอมีเวลาให้ ร.อ.ธรรมนัสได้พิสูจน์จุดยืนให้ประชาชนได้เห็นว่าไม่ได้ยืนฝั่งเดียวกับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อีกต่อไป จากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้

ว่าสุดท้ายจะเลือกทำเพื่อประชาชนจริง อย่างที่ลั่นวาจาไว้ได้หรือไม่?