กาละแมร์ พัชรศรี : รัสเซีย ไม่เสียเงิน

การเดินทางไปรัสเซียคราวนี้ไม่มีเหตุผลอะไรมาก ง่ายๆ คือ ยังไม่เคยไปก็ไปซะ! และไปประเทศที่ไม่หนาวมากและร้อนมากในช่วงกลางปีแบบนี้ รัสเซียจึงเป็นตัวเลือกนั้น แต่ทว่า…ฝนเป็นข้อยกเว้น!

ฉันเดินทางกับเพื่อนคู่หูคนเดิม เรานัดเจอกันที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ฉันอ่านข้อมูลก่อนมา ทั้งยังมีคำบอกเล่า คำเตือนภัย คำขู่ต่างๆ นานาเรื่องรัสเซียว่าให้ระวังมิจฉาชีพ จี้ ปล้น เงิน โทรศัพท์ พาสปอร์ตระวังให้ดี

ฉันเจอเลยค่ะที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง คนไทยเข้ารัสเซียไม่ต้องทำวีซ่า พอถึงคิวเราเจ้าหน้าที่เอาพาสปอร์ตไปก้มมองที่เล่ม เงยหน้ามามองที่ฉัน แล้วกลับไปมองที่เล่ม และกลับมามองที่ฉัน ทำอย่างนี้เป็นสิบรอบ แถมบางครั้งยังจ้องเขม็ง

ไม่พอยังเอาแว่นขยายส่องดูรูปในพาสปอร์ตแล้วบอกให้ฉันเปิดผมที่ปิดหูออก เขาต้องการเทียบใบหูฉันกับรูปในพาสปอร์ต เพ่งเหมือนต้องการหาที่จับผิดอะไรสักอย่าง

ดีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้หญิง ไม่อย่างนั้นจ้องนานๆ มีท้องตรงนั้นแน่ค่ะ!!!

IMG_6067

ขากลับก็ไม่น้อยหน้าค่ะ นอกจากพิจารณาแบบละเอียดเช่นเดิมแล้ว คราวนี้ยังสะกิดเจ้าหน้าที่ข้างๆ มาช่วยกันดูอีก จ้องเหมือนเกมจับพิรุธค่ะ บางครั้งมียิ้มมุมปากใส่ เราก็ต้องอมยิ้มใจดีสู้เสือ คิดในใจ “กรูมาดี กรูไม่ได้ทำอะไรผิด” ผ่านมาได้ค่อยยังชั่วค่ะ หายใจได้ทั่วท้องหน่อย

ฉันกับเพื่อนมานั่งวิเคราะห์ว่า ในขณะที่ของเพื่อนนั้นหน้ามันเขายังไม่อยากมอง แต่ของฉันมองจนตาหลุด น่าจะมาจากรูปในพาสปอร์ตที่ผมเป็นผมบ๊อบและแต่งหน้าฉ่ำ ติดขนตาแน่น ในขณะที่ตัวจริงหน้าสดหน้าจริง ผมซอยสั้น ก็เข้าใจได้ว่า “เครื่องสำอางทำให้คนดีขึ้นพันเปอร์เซ็นต์”

ดังนั้น เข้าออกรัสเซียคราใด ฉันจะแต่งหน้าให้ฉ่ำ เปิดหูรอให้ดูกันอย่างใกล้ชิดทีเดียว

 

ความกลัวโจรผู้ร้ายของเรานั้นเข้าขั้นขึ้นสมอง คราวนี้แลกเงินน้อยมาก พกก็น้อย คอยระวังตัวตลอดเวลา แต่ตำรวจรัสเซียก็วางกำลังแน่นหนาดีนะคะ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว ถึงแม้คนรัสเซียจะมีใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่เราก็เจอคนมีน้ำใจช่วยเหลือบอกทางอยู่เนืองๆ

สิ่งที่ฉันตระหนักเมื่อได้เยือนรัสเซียครั้งนี้คือ เขาเป็นประเทศมหาอำนาจจริงๆ ในยุคของพระนางแคทเธอรีน จักรพรรดินีที่ครองราชย์ยาวนานถึง 34 ปีซึ่งนานที่สุด ยุคนั้นเป็นยุคที่รัสเซียเรืองอำนาจที่สุด ร่ำรวยมาก สร้างพระราชวังใหญ่โตมโหฬาร เดินกันไม่ไหวในวันเดียว ข้าวของเครื่องใช้ การประดับประดาห้องต่างๆ ใช้ดีไซเนอร์หลากหลายประเทศ ตึกรามบ้านช่อง มีแต่ใหญ่โตทั้งนั้น

เราจึงเข้าใจเลยว่า เขาเป็นมหาอำนาจจริงๆ ประเทศที่มาทีหลังจะมาคิดต่อกร งัดข้อกับเขา จะมายึดครองเขา เขาก็ต้องโกรธและลุกขึ้นสู้เป็นธรรมดา และฉันก็ได้เห็นหน้าของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน อยู่ตามเสื้อยืด แก้วน้ำ ตุ๊กตา

ทำให้รู้ว่าเขาชื่นชม เทิดทูนผู้นำของเขาจริงๆ

IMG_6068

ฉันได้ลองนั่งรถไฟใต้ดินของรัสเซีย ทำให้เห็นว่าบันไดเลื่อนลงไปนั้น ยาวมากกกกกกกกก และคนรัสเซียก็นิยมใช้บริการรถไฟใต้ดินเพราะบนถนนนั้นรถติดเอาเรื่องเหมือนกัน

รถไฟใต้ดินของเขาประตูปิดเร็วและแรงมาก กระแทกเพื่อนฉันอย่างแรง แถมขับเร็วเหมือนรถเมล์สายซิ่งบ้านเรา ออกตัวแรงและพุ่งไปด้วยเสียงอันแสบแก้วหู หายใจ 3 ครั้งถึงสถานีต่อไปละ ถึงก็ต้องรีบลง เดี๋ยวโดนหนีบอีก

สิ่งที่พิเศษที่สุดของฉันและเพื่อนในการเดินทางครั้งนี้คือ การได้วิ่งที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สำหรับฉันมันคือการได้วิ่ง 10 กิโลเมตรครั้งแรก!!!

สำหรับเพื่อน เขาเคยวิ่งมาแล้วแต่ฉันไม่เคย เราตื่นเช้าเพื่อรับอากาศ วอร์มร่างกายแล้วออกวิ่งไปด้วยกัน วิ่งไปสักพักร่างกายก็ปรับตัวได้ และวิ่งต่อไปได้เรื่อยๆ แบบสบายๆ

ฉันไม่คิดว่ามันผ่านไปกี่กิโลแล้ว ไม่คิดว่าเวลาเท่าไหร่แล้ว และไม่รู้ว่าเราจะวิ่งไปถึงไหน รู้แต่เราอยู่กับปัจจุบัน ทางข้างหน้าแค่ตามองเห็น ขาที่กำลังก้าวสลับไปมา ลมหายใจที่เข้าออก และสมองที่โล่งว่างเปล่า ซึมซับกับบรรยากาศรอบๆ ตัว ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงชอบวิ่งกัน มันเป็นแบบนี้นี่เอง

ฉันตั้งใจไว้เลยว่า ฉันจะวิ่งไปให้ทั่วโลก ทุกที่ที่ฉันเดินทางไปไม่ว่าที่ใด ฉันจะตื่นเช้าออกไปวิ่ง

IMG_6070

วันที่สองเราออกวิ่งอีกครั้งเพื่อหวังว่าเวลาจะดีขึ้นกว่าวันแรก แต่สำหรับฉัน วันที่สองมันไม่เหมือนกับวันแรกด้วยประการทั้งปวง ขาที่เมื่อย เกร็ง ตึง การยกแต่ละข้างมันยากและหนักไม่เหมือนวันแรก ใจมันไม่ร่าเริงเบิกบาน ตาคอยดูแต่นาฬิกาว่าวิ่งไปนานแค่ไหนแล้ว ยิ่งใกล้จะครบ 10 กิโลยิ่งคอยถามเพื่อนว่า “ใกล้รึยัง ถึงรึยัง”

ฉันรู้ตัวเลยว่า ขาปวดตึงมาก รู้สึกเหมือนเป็นแท่งเดียวกันทั้งหมด การยกขาเพื่อก้าวข้ามอะไรสักอย่างดูยากเย็น การวิ่งติดกันทำให้ฉันรู้แล้วว่า ร่างกายมันรับไม่ไหว มันมากเกินไป แต่ก็อีกนั่นแหละถ้าไม่ทำก็ไม่รู้ตัวเอง คราวนี้เราจะหาจุดที่พอดีและสมดุลของตัวเองได้

หลังวิ่งเราใช้เวลายืดเหยียดร่างกายอยู่นานมาก เพราะรู้ว่าตึงไปทุกส่วน เวลาก็ไม่ได้ดีขึ้นมากมายจากเมื่อวาน แต่ถึงอย่างไรฉันก็ยังคงความตั้งใจที่จะวิ่งไปให้ได้ทุกที่เหมือนเดิม

เพิ่มเติมคือรู้จักประมาณตัว!

ไปรัสเซียครั้งนี้ฉันเสียเงินซื้อของน้อยมาก และการมาครั้งนี้ทำให้ฉันกับเพื่อนหันมามองหน้ากันว่า เรารู้แล้วว่าเป้าหมายการเดินทางของเราต่อไปคือ ธรรมชาติและวิถีชีวิต

ฉันไม่ค่อยช็อปปิ้งมานานแล้ว เปลี่ยนมาเที่ยวดูอารยธรรม ประวัติศาสตร์ คราวนี้เห็นมาหลายที่มันก็เริ่มไม่ตื่นเต้นละ

แต่เมื่อใดที่เราได้อยู่กับธรรมชาติ เราจะรู้สึกดีทุกครั้ง เป็นเพราะเราได้พลังชีวิตอันบริสุทธิ์จากธรรมชาตินั่นเอง

ในวันที่อยากวิ่งฉันจะวิ่ง ในวันที่ฉันยังอยากเดินทางฉันจะเดินทาง

และในวันที่ฉันอยากหยุด ฉันก็จะหยุดของฉันเอง

ขอบคุณที่ซื่อสัตย์ต่อความต้องการของตัวเองเสมอ…