การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ : ทวีปที่สาบสูญ ตกแตกในตาฉัน

“น้อง! น้อง…ตื่น!”

ตอนแรก ยินเสียงเรียกไกลๆ แว่วๆ แต่แล้วก็รู้ว่าอยู่ใกล้แค่ข้างหูเอง ถลันลุกพรวดขึ้น พร้อมกับเจ็บแปลบที่แขนจนเหมือนร้าวถึงไหล่ เฝือกหนาเตอะยังเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย

…เช้าแล้วหรือ ทำไมยังรู้สึกคัดจมูก และเหมือนคราบน้ำตาค้างเปื้อนหน้าอยู่เลย

ปราศจากแสงจันทร์ ฉันเห็นใบหน้าซีดเซียวของคนร่วมห้อง

“…อีโฟ”

ฉันเบิกตา ใจร่วงวูบ

“…มีอะไรพี่ฝน”

พี่ฝนมองฉันอย่างโศกเศร้าสุดแสน สายตานั้นทำให้ฉันใจหายวาบกว่าเดิม

“พี่โฟเป็นอะไร!”

 

“กูไม่เป็นไร…มึงไม่ต้องวุ่นวาย อีพี่”

เสียงที่แผ่วเบาแทบจะกลายเป็นแหบพร่า กับใบหน้าที่ดูเผือดขาวอยู่ในแสงไฟนีออน ถึงจะเป็นคำปฏิเสธอย่างไร ฉันกลับรู้สึกได้ว่า มันไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ

“…พี่เป็นอะไร”

“ไม่ได้เป็นอะไร…มึงไปนอนต่อเถอะ”

ฉันจะนอนได้อย่างไร ดูจากสภาพที่เห็นต่อหน้า ร่างอวบของพี่สาวร่วมพ่อนอนตัวงอคดคู้อยู่บนพื้นห้องผ้าห่มหนาเตอะคลุมเกือบถึงอก ดูแค่ตาก็เห็นว่า ใบหน้าแทบไร้สีเลือด ปากกระตุกระริกอย่างนั้น

“แล้วเฮียเขาอยู่ไหน ใครมาส่งพี่”

“ไม่ต้องถามหามัน” พี่โฟสวนปากทันควัน “กูไม่เป็นไร…ไม่เป็นไร”

พี่ฝนดูจะหน้าซีดเสียยิ่งกว่าพี่โฟ ยืนตัวแข็งอยู่ข้างๆ

“โฟ…อีกแล้วเหรอ”

“ไม่ต้องพูดอีฝน กูไม่ได้เป็นอะไร พาอีพี่ไปนอนเสีย!”

“ไม่ ฉันไม่นอน”

เร็วเท่าที่จะมีแรงทำได้ ฉันใช้มือเดียวกระชากผ้าห่มออก สิ่งที่เห็น คือท่อนร่างพันไว้ด้วยผ้าซิ่นลายดอกสีส้ม ตีนเปลือยของพี่โฟงองุ้มอยู่ วงเลือดเปื้อนถึงเสื่อน้ำมัน

“พี่โฟ!”

“มึงจะตกเลือดตาย อีโฟ! มึงต้องไปโฮงยาบะเด่วนี้!” พี่ฝนร้องออกมา

“ไม่ กูไม่ไป!”

“มึงต้องไป”

“ไม่ เดี๋ยวกูก็หาย”

“มึงไม่หาย! มึงจะตายละไม่ว่า อีโฟ!”

“งั้นเอาไปส่งโรงยาเลย” รอยพูดออกมา

ฉันเกือบลืมไปแล้วว่า ตลอดเวลาเหล่านั้น รอยยังอยู่ในห้องตลอดเวลา

 

โรงพยาบาลช่างเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ถึงจะมีแสงไฟไสวสว่าง ผู้คนเข้าออกกันให้คึก ได้ยินว่ามีรถชนกันอีกคัน กำลังเอาผู้ป่วยเข้ามา เสียงคนร้องครางด้วยความเจ็บปวดอยู่ภายในห้องฉุกเฉิน พี่ฝนเดินวนเป็นหนูติดจั่น

จนมีพยาบาลเดินออกมาจากม่านกั้นข้างใน

“…มันเป็นยังไงบ้างหมอ” พี่ฝนรีบถลันเข้าหา

“คนไข้เสียเลือดมาก” หญิงสวมแว่นพูด “คนไหนเป็นญาติคะ”

พี่ฝนเหลียวหาฉัน พยาบาลมองตาม พลันนิ่วหน้า

“แล้วนั่นเป็นอะไรมาคะ”

“…เห็นว่าข้อมือหัก”

“เฝือกเลอะเทอะอะไรอย่างนั้น”

ฉันรู้ว่าสภาพตัวเองคงดูแทบไม่ได้เหมือนกัน แต่ความสำคัญอยู่ที่พี่โฟ…

“งั้นมาทางนี้ค่ะ”

“…เอ้อ ไม่…ฉันไม่ได้มาหาหมอ”

“ไม่ต้องกลัวนะคะ” พยาบาลผู้อารีกลับตรงรี่เข้ามาหาฉัน “หนูไม่เจ็บหรอก ป้าจะดูช่วยให้”

จู่ๆ ก็เหมือนมีนางฟ้ามาโปรด ฉันถูกพาตัวไปอีกห้องหนึ่ง แล้วหลังจากนั้น แขนที่ยังเจ็บปวดก็ได้รับการดูแล พยาบาลที่คงอายุมากกว่าแม่ เรียกคนมาช่วยดูเฝือกให้ ฉันได้แต่นิ่งทื่อเหมือนตุ๊กตา

จนเกือบเสร็จดีแล้ว ค่อยได้เอ่ยปากถามไป

“…ต้องจ่ายสตางค์เท่าไหร่”

“ไม่ต้องหรอก ต่อไปก็ให้ดูแลทำความสะอาดให้ดี อย่าให้สกปรกได้ขนาดนี้”

…อะไรกัน ฉันแทบพูดไม่ออกกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย

“เอาละ ออกไปได้แล้ว”

ฉันลุกขึ้น

“แล้ว…พี่เขาเป็นยังไงบ้าง”

“คนไหน…”

ฉันบอกชื่อสกุลจริงของพี่โฟ

“คนที่ทำแท้งมาจนตกเลือดใช่มั้ย”

ฉันใจวูบหล่น ลางสังหรณ์ผุดขึ้นจนขนคอลุกเกรียว…ฉันรู้จักคำคำนั้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

“…มันทำให้อีโฟแท้ง มันทำแน่ๆ”

พี่ฝนกัดฟันพูด น้ำเสียงที่เล็ดลอดออกมาบอกความขมขื่นชิงชัง ไม่ปิดบังแต่น้อย

“มันเคยทำมาแล้วหนหนึ่ง อีโฟก็ยังไม่รู้จักเข็ดหลาบ”

ฉันตัวชา ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองจะไม่แปลกใจอะไรอีก

“เมื่อไหร่พี่ฝน”

“นานแล้ว แต่มันก็ทำหยั่งนี้แหละ ทำอีโฟท้อง แล้วมันก็พาไปทำแท้ง หนนั้นก็ตกเลือดปางตายเหมือนกัน…อีโฟนะอีโฟ มันก็โง่ง่าวสิ้นดี คิดว่าถ้ามีลูกชายให้…เขาจะได้ยกย่องมัน”

ฉันไม่ควรแปลกใจอะไรเลย แต่แล้วก็ยังประหลาดใจ คนฉลาดและไวต่อทุกๆ เรื่องอย่างพี่โฟ ทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้นได้อย่างไร

ใช่ มันคือความโง่

โง่อย่างไม่น่าเป็นไปได้

“น้อง มานี่” พี่ฝนนั่งลงบนม้านั่งข้างโถงทางเดิน

ถึงออกมาจากห้องทำเฝือกแล้ว เราก็ยังเข้าไปหาพี่โฟไม่ได้ ต้องรอในบริเวณที่เขากำหนด

อากาศในโรงพยาบาลเย็นยะเยือก

…รุ่งอรุณจะมาถึงเรากันอีกเมื่อไหร่

“มาสิ”

“น้องไม่ต้องกลัวนะ” พอหย่อนตัวลง แขนอุ่นก็พาดมาโอบไหล่

“พี่จะดูแลโฟเอง สตางค์ยังพอมีอยู่บ้าง…น้องก็เหมือนกัน…ถึงไม่ได้เป็นอะไรกัน ก็คิดเสียว่า พี่เป็นพี่อีกคนหนึ่ง”

 

คําพูดของพี่ฝน เป็นมากเสียยิ่งกว่ามีดคมๆ อีกเถี่ยนหนึ่ง มันคงจะดีกว่า ถ้าคนที่เพิ่งนอนร้องไห้ให้กับความเลวร้ายของฉัน ลุกขึ้นมาด่าทอฉัน แสดงความโกรธเกลียดฉัน หรือจะผลักไสขับไล่ฉัน ย่อมทำได้

แต่สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำ คือรีบนำพี่โฟมาโรงยา แล้วหาทางให้พี่โฟได้รับการรักษา

อ้ายหมารอยเสียอีก พออุ้มพี่โฟลงมาจากรถให้แล้วก็หายตัวไปเหมือนภูตผี

มีแต่พี่ฝนที่เฝ้าเกาะกุมมือฉัน ลูบผมฉัน และแสดงความดีใจกับฉัน เมื่อพยาบาลจะพาไปดูเฝือกให้

ทำไม…

ทำไมต้องเป็นอย่างนี้

“น้องจะหลับก็ได้นะ พิงไหล่พี่นี่”

ไม่เพียงแต่พูด ยังกดฝ่ามือแนบกระหม่อม

ในอกของฉัน เหมือนมีกระแสแรงดันขึ้นมาอีก…ความรู้สึกมากมายเหมือนสายน้ำไหลบ่าท่วมท้น จนต้องรีบกดมันให้ยุบยวบลงไป

[กรุณาเถอะ

ได้โปรดอย่าดีกับฉัน

การกระทำของคุณนั้น

มีแต่จะทำให้ฉันหมองไหม้]

บทกวีผุดขึ้นมาในความนึกคิด เหมือนมีปลายเข็มแหลมสะกิด แม้ไร้กระดาษปากกา ฉันยังพบมันอื้ออึงหมุนวนอยู่ข้างใน

[คุณเป็นคนดี

แต่ฉันไม่มีแล้วหัวใจ

ยิ่งนับจากนี้ไป

อาจไม่มีแม้แต่เงาฉัน]

พี่ฝนบอกว่า พี่โฟพยายามมีลูกเพื่อจะผูกมัดเอาผู้ชายคนหนึ่งไว้ แต่ตัวฉันกลับพยายามตัดทุกอย่างให้ขาด…เพื่อจะจากทุกคนไป

แต่สุดท้าย เราก็ยังเลือดไหลอยู่ที่นี่

[…ยิ่งนับจากนี้ไป

อาจไม่มีแม้แต่เงาฉัน

คุณยังไม่เห็นอีกหรือ สายลมของการเปลี่ยนแปลง

กำลังพัดแรงอยู่นั่น

และโน่นดวงตะวัน

ตกแตกในตาฉันอยู่ช้าๆ]

“น้องไม่ต้องกลัวนะ”

พี่ฝนยังพูดคำซ้ำเก่า พลางลูบผมฉันเบาๆ อย่างอาทร แต่ฉันต่างหาก ที่ต้องรีบหลับตาลงตามคำสั่ง เพราะอยากซ่อน…

ความร้าวรอนที่ปะทุคุคั่ง

ฉันชังตัวเองนัก

ที่ไม่เคยรักได้ถูกต้องสักครั้ง