ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 กรกฎาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง |
เผยแพร่ |
สมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง
มูลนิธิสุขภาพไทย
www.thaihof.org
ผักชู ชูรส ชูกำลัง
การเดินทาง คือ การเรียนรู้
มีทริปหนึ่งได้ไปเชียงรายแล้วได้แวะกินอาหารกลางวันที่ผาฮี้
เมนูที่เป็นไฮไลต์ในวันนั้น คือ ผัดผักชู ยอมรับว่าได้กินผัดผักที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย คนพื้นที่หรือท้องถิ่นนั้นนำมาผัดให้กินกันอย่างเอร็ดอร่อยมากๆ มีกลิ่นเฉพาะตัวอยู่ระหว่างต้นหอมและต้นกุยช่าย
ความประทับใจทำให้เมื่อกลับมาถึงบ้าน จึงสนใจทำการค้นหาข้อมูลของผักชนิดนี้ พบว่า ผักชูเป็นผักที่อยู่ในกลุ่มกระเทียม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Allium hookeri Thwaites
จากฐานข้อมูลของ Plant of the World ระบุว่าผักชูเป็นพืชพื้นเมืองของภูฏานไปจนถึงจีนตอนใต้และศรีลังกา
แต่ฐานข้อมูลพรรณไม้ของอินเดียกล่าวว่า ผักชูเป็นพืชพื้นเมืองของอินเดีย ศรีลังกา เมียนมา ภูฏาน และจีนตอนใต้
ผักชูมีชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า Hooker chives และ garlic chives ซึ่งเป็นพืชที่มีการนำไปปลูกในพื้นที่อื่นๆ อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศจีนและอินเดียมีการปลูกเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อนำไปใช้เป็นอาหาร
ผักชูที่อยู่ในธรรมชาติมักพบได้ตามแนวชายป่า ทุ่งหญ้าหรือบริเวณที่มีความชื้นสูง อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1,400-4,200 เมตร ผักชูเป็นผักที่มีรากอวบจำนวนมาก ส่วนหัวค่อนข้างเล็ก มีก้านดอกยาวขึ้นจากรากหรือเหง้าโดยตรง ก้านดอกยาวได้ถึง 60 เซนติเมตร ใบแบนและแคบ คล้ายกับใบผักแป้นหรือใบกุยช่าย ดอกเป็นแบบร่มสีขาวหรือเขียวอมเหลือง
ผักชูจึงจัดเป็นพืชอวบน้ำ มีอายุได้หลายปี มีใบแตกออกมาเป็นกลุ่ม ทุกประเทศที่รู้จักผักชูจะมีการเก็บจากธรรมชาติ แต่มีการปลูกกันมากในจีนตอนใต้และทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ปัจจุบันก็แพร่มาปลูกในประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ซึ่งจะพบว่าบางพื้นที่มีจำหน่ายในท้องตลาดด้วย
ผักชูนิยมนำมาประกอบเป็นอาหารกันมาก สามารถกินได้ทุกส่วน ใบ ดอก หัวและราก กินได้ทั้งดิบและนำมาปรุงให้สุก เมนูยอดฮิตกินเป็นผักสลัด นำมาแต่งกลิ่น ผัดหรือต้มก็ได้
ผักชูชอบขึ้นในที่ไม่มีน้ำท่วมขัง มีความชื้นสูง ชอบแดด สามารถแข่งขันกับหญ้าและพืชขนาดเล็กชนิดอื่นๆ ได้ดี ยังไม่มีรายงานความเป็นพิษของผักชู
แต่มีบางรายงานกล่าวว่า สุนัขจะมีความไวต่อการเกิดพิษต่อผักชนิดนี้มากกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ (ผู้ที่รักน้องหมาก็ให้ระวังถ้าคิดจะปรุงอาหารให้กิน)
แม้ว่าผักชูไม่ได้มีข้อกำหนดแน่ชัดในการใช้เป็นยาสมุนไพร แต่ก็จัดได้ว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจากผักชูมีซัลเฟอร์สูง ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ใช้เป็นยาบำรุงทำให้ระบบย่อยอาหารเป็นปกติและช่วยทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น
ในทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียนิยมใช้ผักชูปรุงกับเมนูแกงปลาแทนการใช้หัวหอม ในหลายพื้นที่ที่เป็นอาหารพื้นเมืองดั้งเดิมจะนำผักชูไปตากให้แห้ง บดเป็นผงใช้แทนเครื่องเทศและหัวหอม แต่มีกลิ่นและรสชาติดีกว่า นอกจากนี้ ยังนิยมนำน้ำที่สกัดได้จากผักชูไปทำเป็นน้ำยาบ้วนปากและยาไล่แมลง
หมอยาพื้นบ้านในเมืองมณีปุระของอินเดีย ใช้ผักชูเป็นทั้งอาหารและยา (nutraceutical) ในการชะลอความชรา ในเมืองมณีปุระมีภูมิปัญญาในการเก็บรักษาผักชู โดยการทำให้แห้งด้วยการผึ่งแดดเป็นเวลานานๆ ใช้พกติดตัวเมื่อต้องเดินทางไกล เพื่อใช้ประกอบอาหารในระหว่างเดินทาง จากการศึกษาพบว่า ผักชูมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบและต้านจุลินทรีย์ ช่วยการเจริญและความแข็งแรงของกระดูก
รากของผักชูมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระในระดับสูง ลดคอเลสเตอรอล ทำให้ดีต่อหัวใจ เนื่องจากสารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ในผักชู มีโครงสร้างคล้ายกับคอเลสเตอรอล ทำให้สารมารถไปแย่งที่ในการดูดซึมคอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกายได้ ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
นอกจากนี้ ยังพบว่าช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารและระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานได้ดี
ผักชูเป็นผักที่มีซัลเฟอร์ค่อนข้างสูง ในตำรับยาของหมอพื้นบ้านในเมืองมณีปุระใช้ใบผักชูคั้นเอาน้ำ ผสมกับเกลือเล็กน้อยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และใช้ใบผักชูตำให้แหลกพอกที่หน้าผาก เพื่อลดอุณหภูมิและความดันของร่างกาย
ถ้าร่างกายมีอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ให้เอารากแห้งของผักชูนำมาบดให้เป็นผงละเอียด แล้วนำผสมกับน้ำใช้สีฟัน เพียง 2-3 วัน จะทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
ผักชูจึงจัดเป็นอาหารชั้นยอด
นอกจากนี้ ในหลายประเทศ โดยเฉพาะเกาหลีและญี่ปุ่นมีการนำเอาผักชูไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น เครื่องสำอางในการดูแลผิวพรรณและทำผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารเสริม เครื่องดื่มบำรุงกำลัง และเครื่องดื่มที่ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น ชะลอวัย
เมืองไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัวแล้ว
ผักชู ผลิตภัณฑ์ผักชู อาจเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งเพื่อชูรส ชูใจ ชูกำลังก็ได้ •