2503 สงครามลับ สงครามลาว (89)/บทความพิเศษ พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

บทความพิเศษ

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

 

2503 สงครามลับ

สงครามลาว (89)

 

ที่หมายซำทอง

8พฤษภาคม ฝ่ายเราสามารถเข้ายึดซำทองไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ

ขณะที่ข้าศึกพยายามต้านทานอย่างเต็มที่ด้วยกำลังจำกัด

ความสำเร็จในการเข้าตีและยึดซำทองได้ในครั้งนี้ทำให้ล่องแจ้งปลอดภัยยิ่งขึ้น

และฝ่ายเรายังสามารถใช้ซำทองเป็นฐานออกตีต่อไปได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

 

ที่หมายภูถ้ำแซ

24 พฤษภาคม ฝ่ายเราก็สามารถยึดภูถ้ำแซได้ โดยมีการต้านทานจากข้าศึกเพียงเบาบาง

การยึดภูถ้ำแซได้ทำให้ข้าศึกไม่สามารถแทรกซึมเข้ามายังสกายไลน์ได้อีกต่อไป

และยังไม่สามารถใช้อาวุธหนักวิถีโค้งยิงรบกวนเข้ามายังล่องแจ้งได้อีกด้วย

 

ที่หมายเนินซีบร้า

18 พฤษภาคม ฝ่ายเราเริ่มต้นการเข้าตีเพื่อยึดเนินซีบร้า โดยใช้ซำทองเป็นที่รวมพล

สามารถเข้าตีและยึดที่หมายเนินซีบร้าได้เป็นบางส่วน แต่ไม่สามารถขยายผลไปทางตะวันออกบริเวณเนิน 1800 ซึ่งข่มเนินซีบร้า เพราะได้รับการต้านทานอย่างหนัก

ข้าศึกวางฉากการยิงไว้อย่างหนาแน่น แม้ฝ่ายเราจะยึดที่หมายนี้ได้เป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่สามารถรักษาไว้ได้ตลอด เพราะข้าศึกตีโต้ตอบและใช้อาวุธหนักระดมยิงอย่างรุนแรงจนต้องถอนตัว

ถึงแม้ว่าฝ่ายเราจะไม่สามารถยึดเนินซีบร้าไว้ได้โดยสมบูรณ์ตามแผน

แต่ก็สามารถสกัดกั้นข้าศึกมิให้เคลื่อนที่รุกเข้าสู่ซำทองจากเนินซีบร้านี้ได้

 

ที่หมายภูผาไซ

21 พฤษภาคม กรมจีเอ็ม 30 ของนายพลวังเปาเริ่มการเข้าตีเพื่อยึดภูผาไซ

โดย ฉก.วีพีได้เคลื่อนย้ายกำลัง ทสพ. 2 กองพันจากล่องแจ้งไปยังบ้านป่าดงเพื่อเป็นกองหนุนให้แก่การเข้าตี

ซึ่งหากยึดที่หมายภูผาไซนี้ได้ ก็จะเข้าตีต่อไปยังบ้านหินตั้งเพื่อบรรจบกับกำลังของ ฉก.วีพีที่จะเข้ามาจากเนินซีบร้าและถ้ำตำลึง

ทสพ.ทั้ง 2 กองพันได้ให้การสนับสนุนการเข้าตีของ ทชล. กรมจีเอ็ม 30 ด้วยอาวุธหนักอย่างต่อเนื่องและให้การระวังป้องกันพื้นที่ข้างหลังอย่างได้ผล

แต่กำลังทั้ง 2 กองพันนี้ต้องเคลื่อนย้ายกลับ ฉก.ผาสุก ทางตอนใต้ของลาวในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2515 เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ของ ฉก.ผาสุก ในภาคใต้ของลาวเริ่มรุนแรงขึ้น

การเข้าตีทางด้านภูผาไซจึงจำเป็นต้องยุติลง

 

ที่หมายภูล่องมาดและถ้ำตำลึง

3มิถุนายน พ.ศ.2515 บีซี 618 และบีซี 619 เริ่มการเข้าตี ข้าศึกต้านทานอย่างหนัก การสู้รบยืดเยื้อ

5 สิงหาคม พ.ศ.2515 ข้าศึกยิงอาวุธหนักอย่างหนักมายังที่มั่นของบีซี 618 และบีซี 619 ทางภูล่องมาด และในคืนเดียวกันนี้ข้าศึกได้ส่งกำลัง 1 กองพันเข้ามาเพิ่มเติมกำลัง

กองพันทั้งสองของฝ่ายเราจึงต้องถอนตัวมาทางตะวันตกเฉียงใต้ของภูล่องมาด และได้กลับขึ้นไปยังภูล่องมาดอีกครั้งหนึ่งในวันรุ่งขึ้น

สามารถยึดภูล่องมาดคืนได้ในสัปดาห์ต่อมา

การที่ฝ่ายเรายึดรักษาที่มั่นบริเวณภูล่องมาด รวมทั้งถ้ำตำลึงไว้ได้ทำให้สามารถสกัดกั้นการรุกของข้าศึกจากทางเหนือของภูล่องมาดได้

และยังควบคุมเส้นทางเคลื่อนที่ของข้าศึกจากทางใต้ของทุ่งไหหินผ่านถ้ำตำลึงเข้าสู่ซำทองได้อีกด้วย

 

มิถุนายน 2515 นายพลวังเปาไปสหรัฐ

มีเหตุการณ์ซึ่งไม่เป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไป แต่เป็นสิ่งบอกเหตุสำคัญถึงอนาคตของสงครามกลางเมืองในลาว กล่าวคือ นายพลวังเปาได้เดินทางไปสหรัฐโดยมีการปกปิดข่าวอย่างเข้มงวด “ผลาญชาติ สงครามลับของซีไอเอในลาว และความเชื่อมโยงกับสงครามในเวียดนาม” ของโรเจอร์ วอร์นเนอร์ ได้บันทึกไว้ดังนี้

“เขา (วังเปา) ได้ตั้งรับทหารเวียดนามเหนือถึง 2 กองพลอยู่ในล่องแจ้ง ในความพยายามปกป้องล่องแจ้ง วังเปาทำให้ข้าศึกต้องล่าถอยไป แต่ในการตั้งรับอย่างเหนียวแน่น เขาได้ตรึงข้าศึกเอาไว้ในลาว ทำให้กองพลเวียดนามเหนือไม่สามารถเข้าร่วมในการจู่โจมช่วงเทศกาลอีสเตอร์ในเวียดนามใต้ และในเมื่อกองทหารเวียดนามใต้และอเมริกันมีชัยเหนือข้าศึกในการสู้รบครั้งนี้อย่างเพียงฉิวเฉียดจึงอาจเป็นไปได้ แม้จะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า วังเปามีส่วนช่วยสำคัญในความอยู่รอดของรัฐบาลเวียดนามใต้ในครั้งนี้

แม้วังเปาจะเพิ่งได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต หรือได้ทำทุกอย่างที่มหามิตรอย่างอเมริกาพึงหวังจากเขา เขาก็ได้สูญเสียบางอย่างไปเช่นเดียวกัน ซีไอเอและกองทัพอากาศอเมริกันนำเจ้าหน้าที่และเครื่องมือเครื่องใช้เกือบทั้งหมดออกจากล่องแจ้งแล้ว พวกอเมริกันก็จะไม่กลับมาที่นี่อย่างมากมายเหมือนแต่ก่อนอีก แม้ว่าจะมีทหารม้งกลับมาเสริมกำลัง แต่ยุคสมัยที่ล่องแจ้งคึกคักจอแจไปด้วยกองทหารในฐานะเมืองยุทธศาสตร์สำคัญจะไม่หวนกลับมาอีก กระท่อมไม้ไผ่และโรงทหารร้างเรียงรายไปตามไหล่เขาในล่องแจ้ง ตอนนี้มีผู้คนเหลืออยู่ราวครึ่งเดียวจากเมื่อก่อน

ผู้อาวุโสของเผ่ามาหาวังเปาเสนอให้อพยพคนแก่และเด็กไปยังไชยบุรี แต่วังเปาขอให้พวกเขาอดทนรออีกนิด วังเปาต้องการรอดูว่าผู้นำของอเมริกาตั้งใจจะทำอะไรต่อไปกับพวกเขา

มิถุนายน 2515 วังเปาบินไปอเมริกาเพื่อพบพ็อพ บูล อย่างลับๆ ไม่บอกแม้กระทั่งลูกน้องคนสนิทของเขา วังเปาและบูลเดินทางไปพบพวกนักการเมืองในวอชิงตัน ดี.ซี. แล้วข้ามแม่น้ำไปยังเพนตากอนและสำนักงานใหญ่ซีไอเอที่แลงก์ลีย์ แม้จะไม่มีหลักฐานบันทึกการพูดจาอย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็นที่ชัดเจนแก่คนทั้งสองว่า รัฐบาลอเมริกันได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากสมรภูมิเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว อเมริกันเริ่มเข้าไปเสริมกำลังทางอากาศในประเทศไทยและเป็นครั้งแรกที่จำนวนเจ้าหน้าที่อเมริกันในไทยมีมากกว่าในเวียดนามใต้ แต่การถอนทหารอเมริกันออกจากเวียดนามใต้ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และการเจรจาสันติภาพที่กรุงปารีสก็ยังคงดำเนินต่อไป

วังเปาและบูลบินไปยังมิสโซลล่าในมอนทานา บ้านเกิดของเจอร์รี่ แดเนียล แดเนียลเป็นธุระจัดการให้ลูกชาย 3 คนของวังเปาเข้าเรียนในโรงเรียนในมิสโซลล่า อันเป็นเมืองเล็กๆ ท่ามกลางขุนเขากว้าง มีอะไรคล้ายๆ ทุ่งไหหิน

พ็อพ บูล เขียนเล่า ‘ที่มิสโซลล่านี้ไม่เลวเลยจริงๆ บ้านพักอยู่ห่างจากเมืองประมาณ 10 ไมล์ และอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลราว 3,500 ฟุต เป็นสถานที่งดงามทีเดียว พวกเขาชอบที่นี่กันมาก แต่ออกจะหนาวไปสักนิดสำหรับม้ง ฉันหวังว่ามันคงจะอุ่นขึ้นเร็วๆ นี้ ทิวทัศน์วันที่เราขับรถออกจากเมืองไปยังไอดาโฮกันนั้น ช่างสวยงามจริงๆ ป่าไม้เขียวครึ้มตัดกับหิมะสีขาวบนยอดเขา ฉันสงสัยว่าวังเปาและลูกๆ คงตื่นเต้นกันน่าดูเมื่อได้สัมผัสหิมะของจริงบนนั้น’

พวกม้งไม่เคยเห็นหิมะมาก่อนในชีวิต

เมื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อมา มีคำถามชวนให้คิดว่าวังเปาคิดทรยศคนของเขาหรือไม่ ในตอนที่เดินทางไปยังมิสโซลล่าเป็นครั้งแรกในปี 2515 นั้น หรือว่าเป็นหลังจากนั้น

เป็นคำถามที่ตอบลำบากทีเดียว แต่อาจเป็นเพราะตัวคำถามเองที่ไม่เข้าท่าก็ได้ เนื่องจากวังเปาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ซับซ้อนและเขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากการหาช่องทางหนีออกมาให้ได้

การหนีเอาชีวิตรอดจากสมรภูมิที่ไม่เห็นทางชนะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิมของชาวม้งมาแต่ไหนแต่ไร วังเปาเคยหนีเอาตัวรอดมาก่อนหลายครั้งก่อนหน้า เพียงแต่ไม่เคยมีใครตราหน้าเขาว่าเป็นคนที่ขี้ขลาดตาขาวแค่นั้นเอง

วังเปารู้ดีว่า หากข้าศึกยึดครองลาวสำเร็จ พวกมันย่อมไม่ปล่อยเขาไว้อย่างแน่นอน นอกจากตัวเขาเองยังมีภรรยา 6 คนและลูกๆ อีก 25 คนที่ต้องคำนึงถึงด้วยหากเทียบตามมาตรฐานนายทหารระดับสูงของเราแล้ว วังเปาถือเป็นบุคคลซื่อสัตย์ทีเดียว เขามีบัญชีในธนาคารสวิตเซอร์แลนด์หรือซื้อบ้านพักไว้ในฝรั่งเศส หรือแม้กระทั่งในอเมริกาเหมือนนายพลลาวหลายๆ คน บ้านพักนอกเมืองมิสโซลล่าที่พ็อพ บูล เอ่ยถึงก็เป็นเพียงบ้านที่เช่าไว้อยู่กันตอนไปเที่ยวครั้งนั้น หาได้เป็นของนายพลหรือใครคนใดในครอบครัวของวังเปา

ที่จริงแล้วเมื่อวังเปาเดินทางกลับถึงลาว เขายังไม่เลิกล้มแผนการเกี่ยวกับไชยบุรีเสียทีเดียว วังเปาเดินทางไปประเทศไทยเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการนำชาวม้งอพยพไปอยู่ที่นั่น แต่วังเปายังไม่ได้เอ่ยปากบอกใครในเรื่องการตัดสินใจอพยพไปอยู่มอนทานาของเขา ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนประเภทชอบเปิดทางเลือกไว้จนนาทีสุดท้ายนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม อเมริกันหลายคนที่รู้จักวังเปามานานและเข้าอกเข้าใจตัวเขา สามารถสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงหลังการเดินทางกลับมาของวังเปา ไม่มีใครคิดถามวังเปา แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถามด้วย พวกอเมริกันย่อมเข้าใจดีว่า หากวังเปาคิดหาหนทางรอดส่วนตัวโดยยอมละทิ้งคนของเขาไว้เบื้องหลัง พวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่สุดหากวังเปาจะทำเช่นนั้น ไม่ว่าอเมริกันพวกนี้จะรู้ตัวหรือไม่ ขณะนั้นรัฐบาลอเมริกันก็เตรียมแผนจะทิ้งพวกเขาไปเช่นกัน”

“พ็อพ บูล” หรือเอ็ดการ์ บูล เป็นอาสาสมัครชาวอเมริกันปฏิบัติงานให้ยูเสดซึ่งเป็นองค์กรบังหน้าของซีไอเอ และเป็นอเมริกันคนแรกที่เข้าไปในพื้นที่ทุ่งไหหินตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2503 ก่อน ร้อยเอกกองแลปฏิวัติในเดือนสิงหาคม เพื่อแนะนำการเกษตรสมัยใหม่ ได้รู้จักสนิทสนมและได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างมากจากนายพลวังเปาตั้งแต่เริ่มแรก

 

กันยายน 2515

เมื่อสามารถยึดครองพื้นที่สำคัญทางตอนใต้ของทุ่งไหหินได้แล้ว ฝ่ายเราจึงได้ส่งกำลังรุกเข้าสู่ทุ่งไหหิน โดยชั้นต้นให้ไปยึดภูแท่นซึ่งเป็นที่สูงของทุ่งไหหินด้านตะวันตก

การยุทธ์ที่ภูแท่นนี้ ฝ่ายเราได้ถูกข้าศึกต่อต้านด้วยการเข้าตีโฉบฉวยและยิงโจมตีอาวุธหนักอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ทัศนวิสัยอันจำกัดทำให้การโจมตีทางอากาศของฝ่ายเราไม่ได้ผลเท่าที่ควร เฮลิคอปเตอร์ก็ไม่สามารถส่งสิ่งอุปกรณ์และส่งกลับผู้บาดเจ็บได้โดยราบรื่น

ในขณะเดียวกันข้าศึกได้เพิ่มเติมกำลังเข้ามาในพื้นที่ทุ่งไหหิน จึงไม่สามารถยึดภูแท่นได้

 

ตุลาคม 2515

กองทัพแห่งชาติลาว ภาค 2 ได้เปิดการรุกใหญ่เข้าสู่ทุ่งไหหิน โดยใช้กำลังที่มีอยู่ทั้งหมด 8 กรม เพิ่มเติมด้วยกำลังจากภาค 1 และภาค 3 อีก 2 กรม ฉก.วีพีได้ส่งกำลังบีซี 616 และบีซี 618 สนับสนุนการรุกเข้าสู่ทุ่งไหหินตอนใต้ซึ่งเป็นด้านเข้าตีหลักเพื่อยึดลาดแสนและภูเทิงตามลำดับโดยบีซี 617 เป็นกองหนุนอยู่ที่บ้านป่าดง

27 ตุลาคม พ.ศ.2515 เวียดนามเหนือได้ทุ่มเทกำลังที่เหนือกว่าเข้าปิดล้อมบีซี 616 และบีซี 618 แต่ฝ่ายเรายืนหยัดต่อสู้ถึงเช้าทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง จนต้องถอนตัวจากที่มั่นทางใต้ลาดแสน ตามเส้นทางลาดแสน-บ้านคังโค้-บ้านป่าดง

การต่อสู้ในพื้นที่นี้เป็นไปอย่างยืดเยื้อ จนถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2515 ข้าศึกจำนวนมากสนับสนุนด้วยปืนใหญ่และรถถังได้เข้าตีที่มั่นฝ่ายเราที่บ้านคังโค้ทำให้บีซี 617 ต้องถอนตัวมาที่บ้านป่าดง

ผลการรบในพื้นที่ทุ่งไหหินตอนใต้ครั้งนี้ แม้ฝ่ายเราไม่สามารถรักษาที่มั่นไว้ได้ แต่ก็สามารถทำให้ข้าศึกหันเหความสนใจมาพื้นที่ด้านนี้ทำให้การรุกคืบหน้าของฝ่ายเราทางพื้นที่อื่นๆ ได้ผลดี

ปฏิบัติการส่วนใหญ่เป็นการตั้งรับพร้อมกับเข้าตีที่หมายจำกัดเพื่อกวาดล้างข้าศึกให้ออกไปนอกพื้นที่รับผิดชอบด้านล่องแจ้งและซำทอง ทำให้ฝ่ายเราสามารถสถาปนาแนวตั้งรับตามแนวภูล่องมาด-ภูผาไซไว้ได้อย่างค่อนข้างมั่นคง ซึ่งเป็นการสกัดกั้นไม่ให้ข้าศึกรุกคืบหน้าเข้าสู่ล่องแจ้ง-ซำทอง