ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | สูตรเลือกตั้ง สู่การทำลายอนาคตประเทศ

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ผมเคยพูดไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่าการยุบสภาจะไม่เกิดขึ้นอย่างที่ฝ่ายค้านบอก, คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นนายกรัฐมนตรีไปจนถึงประชุมเอเปคในเดือนธันวาคม 2565 และเป็นไปได้อย่างสูงว่าจะลากยาวจนเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งเท่ากับคุณประยุทธ์จะเป็นนายกฯ ไม่กี่คนที่อยูในตำแหน่งจนครบวาระจริงๆ

แน่นอนว่าการตัดสินใจตั้งแต่ปลายปี 2564 ว่าจะอยู่ยาวถึงปี 2566 มาจากความทะเยอทะยาน แต่สำหรับสถานการณ์เดือนกรกฎาคม 2565 การลากยาวอายุรัฐบาลถึงปี 2566 กลายเป็นความจำเป็นทางการเมืองอย่างยิ่งยวด หากคุณประยุทธ์ไม่อยากเป็นคนหยิบยื่นตำแหน่งนายกฯ ให้พรรคเพื่อไทย

ถ้าเปรียบคุณประยุทธ์เป็นหุ้น หุ้นตัวนี้ก็เน่าจนควรถูกห้ามซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ คะแนนนิยมของคุณประยุทธ์ในนิด้าโพลแพ้อุ๊งอิ๊งจนตกไปอยู่ที่ 4 จนแพ้เด็กอย่างอุ๊งอิ๊ง ซ้ำความนิยมในปัจจุบันก็ถดถอยเมื่อเทียบกับการสำรวจความนิยมในอดีตอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

หากถือว่าคุณประยุทธ์ตกต่ำราวหุ้นเน่านอกกระดาน พรรคพลังประชารัฐก็ตกต่ำเหมือนหุ้นที่ทำนิวโลว์ทุกวันจนยังไม่รู้จุดต่ำสุด คุณประวิตร วงษ์สุวรรณ ยอมรับว่าพลังประชารัฐเป็นรองเพื่อไทย จากนั้นย้ำอีกว่าพรรคตกต่ำ ขณะคุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ บอกว่ารัฐบาลทำพีอาร์สู้ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว

ภายใต้ความตกต่ำคู่ขนานกันระหว่างคุณประยุทธ์, พรรคพลังประชารัฐ และเครือข่าย 3 ป. การตัดสินใจยุบสภาคือการประเคนอำนาจใส่พานให้คุณทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยเข้าทำเนียบผ่านการเลือกตั้งแน่ๆ ซ้ำยังเป็นการเลือกตั้งที่ฝ่ายค้านมีโอกาสชนะแลนด์สไลด์ม้วนเดียวจบแบบถล่มทลาย

เพื่อให้เห็นภาพยิ่งขึ้น คุณประยุทธ์ตอนนี้ตกที่นั่งเดียวกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่คะแนนนิยมตกต่ำหลังสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงจนคนตายเป็นร้อยในปี 2553 และทันทีที่คุณอภิสิทธิ์ยุบสภา คุณอภิสิทธิ์ก็กลายเป็นคนปูบันไดให้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแบบพุ่งกระฉูดทั้งที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล

ถ้าคุณประยุทธ์ยุบสภาและจัดเลือกตั้งใหม่ในปี 2565 หรือ 2566 สิ่งที่จะเกิดขึ้นพรรคเพื่อไทยจะกวาดคะแนนจากประชาชนทั้งประเทศมากที่สุด

ยิ่งกว่านั้นคือพรรคก้าวไกลมีโอกาสชนะเลือกตั้งในเขตเมืองของจังหวัดใหญ่ๆ จนการเลือกตั้งกลายเป็นการแสดงฉันทานุมัติของประชาชนว่าไม่เอารัฐบาล

นักการเมืองแทบทั้งสภาเชื่อเหมือนคนทั้งประเทศเชื่อว่าเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมาแรง ผลก็คือแม้จะยังไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงๆ ความเชื่อเรื่องเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งก็ทำให้พรรคมีอำนาจต่อรองเหนือนักการเมืองทั้งในและนอกสภามากถึงขั้นหัวกระไดไม่แห้งเลยทีเดียว

ต่อให้พรรคเพื่อไทยจะไม่มีอำนาจเลือก ส.ว.มาตั้งตัวเองเป็นนายกฯ เหมือนคุณประยุทธ์ พรรคเพื่อไทยก็เป็นทางเลือกของนักการเมืองที่ต้องการเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างน้อย 2 พรรคก็มีรายงานว่าเริ่มเชื่อมต่อกับพรรคเพื่อไทยในช่วงที่ผ่านมา

ยิ่งกระแสพรรคเพื่อไทยมาแรงพร้อมกับข่าวการยุบสภา พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลก็ยิ่งมีทางเลือกในการเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้งปี 2566 โดยไม่จำเป็นต้องยึดติดอยู่กับคุณประยุทธ์ต่อไปอีก อำนาจต่อรองของคุณประยุทธ์เหนือพรรคการเมืองจึงหายวับไปอย่างมีนัยยะสำคัญ

พรรคคุณธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่เคยลังเลที่จะแสดงออกว่ามีการพูดคุยกับคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคใหญ่ในรัฐบาลพรรคหนึ่งมีการสื่อสารเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกับพรรคเพื่อไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่พรรคใหญ่ในรัฐบาลอีกพรรคเริ่มพูดถึงทางเลือกในการย้ายค่ายจากฝ่ายรัฐบาล

 

หากไม่นับ 250 ส.ว.และกลุ่มอิทธิพลเหนือระบบที่สนับสนุนคุณประยุทธ์ด้วยวิธีต่างๆ ข่าวยุบสภาทำให้พรรคเพื่อไทยมีตัวเลือกทางการเมืองมากจนมีอำนาจต่อรองในมือเหนือกว่าพรรคอื่น ขณะที่คุณประยุทธ์มีทางเลือกแค่พรรคพลังประชารัฐ, พรรคสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพรรคคุณแรมโบ้เท่านั้นเอง

ไม่มีใครรู้ว่าพรรคที่จะสนับสนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ในปี 2566 จะมีมากกว่าสามพรรคที่กล่าวไปหรือไม่ แต่เฉพาะสามพรรคนี้สะท้อนว่าคุณประยุทธ์แทบไม่เหลือไพ่ในมือให้เล่น พรรคคุณแรมโบ้ไม่รู้ยังอยู่หรือเลิก พรรคคุณสุเทพไมมีผลงานเป็นโล้เป็นพาย ส่วนพลังประชารัฐก็ลูกผีลูกคน

มีการประเมินในหมู่นักการเมืองว่าพลังประชารัฐรอบหน้าคงเหลือ ส.ส.ราว 50 คน กรุงเทพฯ ที่มี ส.ส.ถึง 12 คนอาจไม่เหลือเลยเมื่อคำนึงถึงผลเลือกตั้ง ส.ก.ที่พลังประชารัฐได้แค่ 2 เช่นเดียวกับ ส.ส.ภาคเหนือที่มีความสัมพันธ์กับคุณธรรมนัสทั้งหมด ต่อให้บางคนจะยังไม่ย้ายพรรคก็ตาม

คุณธรรมนัสสร้างพรรคใหม่โดยดึง ส.ส.พลังประชารัฐไป 18 คน ซึ่งเท่ากับ 1 ใน 5 จนกลายเป็นพรรคใหญ่อันดับ 4 ของรัฐบาล แต่เครือข่ายของคุณธรรมนัสครอบคลุมถึงพรรคปัดเศษที่เชื่อกันว่าคุณธรรมนัสดูแลอยู่เกินครึ่ง เช่นเดียวกับผู้สมัครที่พลาดเข้าสภาคราวที่แล้วแบบฉิวเฉียดอีกหลายคน

ด้วยจำนวน ส.ส.พลังประชารัฐที่จะลดฮวบลงเกือบครึ่ง พลังประชารัฐโดยเนื้อแท้แล้วจะเป็นพรรคของกลุ่มสามมิตรซึ่งมี ส.ส.ในมือสูงกว่ากลุ่มอื่นทั้งหมด

คำถามคือสถานการณ์แบบนี้จะทำให้คุณประยุทธ์กุมชะตากรรมกลุ่มสามมิตร หรือจะทำให้กลุ่มสามมิตรกุมอนาคตคุณประยุทธ์ไว้ในมือ

ทางเลือกของคุณประยุทธ์ในการเพิ่มอำนาจต่อรองให้ตัวเองคือการเจรจากับพรรคภูมิใจไทย แต่ขณะที่ภูมิใจไทยเป็นพรรคใหญ่ที่มีจำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้นมากที่สุดหลังเลือกตั้ง 2562 รวมทั้งมีโอกาสจะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นในภาคใต้และอีสาน อำนาจต่อรองเดียวที่คุณประยุทธ์มีเหนือภูมิใจไทยคือความเกรงใจ

คำถามคือ ภูมิใจไทยเกรงใจคุณประยุทธ์เพราะความเป็นคุณประยุทธ์เองจริงๆ หรือภูมิใจไทยเกรงใจคุณประยุทธ์เพราะเครือข่ายที่คุณประยุทธ์มีความเชื่อมโยง?

พรรคปัดเศษคล้ายเป็นทางเลือกของคุณประยุทธ์ แต่เมื่อคำนึงว่า ส.ส.กลุ่มนี้จากทุกพรรคมีจำนวนรวมกันราวๆ 10 คน ซ้ำแต่ละคนก็ไม่ได้มีฐานคะแนนที่จับต้องได้จริงๆ จนอาจได้เข้าสภารอบนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย พรรคปัดเศษย่อมไม่ใช่ทางเลือกที่คุณประยุทธ์จะฝากอนาคตได้เลย

ไม่มีทางที่คุณประยุทธ์จะชนะเพื่อไทยจนมีอำนาจต่อรองเพิ่มทางการเมือง ไพ่ในมือคุณประยุทธ์ใบเดียวได้แก่การลดอำนาจต่อรองของคุณทักษิณและเพื่อไทยให้มากที่สุด การเปลี่ยนวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นสูตร 500 จึงเป็นทางเลือกที่คุณประยุทธ์ต้องใช้แน่ๆ เพื่อเตะตัดขาเพื่อไทย

มีความเป็นไปได้ที่คุณประยุทธ์จะประสบผลสำเร็จในการกดดันให้พรรครัฐบาลหนุนสูตร 500 และถึงแม้วิธีนี้จะไม่สามารถทำให้คุณประยุทธ์ชนะเพื่อไทย แต่ก็ทำให้เพื่อไทยเสียโอกาสชนะขาด และคุณประยุทธ์ได้โอกาสจากการมี ส.ส.ปัดเศษมาโหวตตัวเองแบบการเลือกนายกฯ ครั้งที่ผ่านมา

ก่อนคุณประยุทธ์จะผลักดันสูตร 500 จำนวน ส.ส.ที่หนุนสูตร 100 จากเพื่อไทย-พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนารวมกันคือ 355 ขณะที่การลงมติต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา คือ 363 จาก 726 การหดหายของ ส.ส.รัฐเพียงพรรคเดียวจึงล้มเรื่องนี้ได้ทันที

คุณประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ ทั้งที่เพื่อไทยชนะเลือกตั้งปี 2562 จากการเขียนกติกาให้คุณประยุทธ์ตั้ง ส.ว.มาเลือกตัวเองเป็นนายกฯ อำนาจรัฐในมือคุณประยุทธ์มาจากการกำหนดกติกาให้เอาเปรียบคนอื่น และการปรับสูตรเลือกตั้งคืออีกครั้งที่คุณประยุทธ์สร้างความได้เปรียบในการเข้าสู่อำนาจของตัวเอง

ถ้าคุณประยุทธ์ผลักดันสูตรเลือกตั้งแบบ 500 สำเร็จ พรรคเพื่อไทยคงหาทางออกด้วยการตั้งพรรคสาขาแบบรอบที่แล้ว การหาเรื่องยุบเพื่อไทยสาขาสองแบบไทยรักษาชาติก็อาจมีขึ้นอีก เช่นเดียวกับการเกิดพรรคปัดเศษจำนวนมากที่เป็นต้นตอของความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองในปัจจุบัน

ยุทธศาสตร์ดันสูตร 500 คืออีกครั้งที่รัฐบาลประจานตัวเองว่ากลัวแพ้จนพร้อมจะทำลายระบบการเมืองเพื่อชัยชนะในการครองอำนาจรัฐของตัวเอง

ไม่มีการปฏิรูปการเมืองเกิดขึ้นในรัฐบาลปัจจุบัน มีแต่การทำให้ระบบการเมืองเป็นเครื่องมือเข้าสู่อำนาจของผู้มีอำนาจหน้าเดิมๆ ที่ต้องการยึดประเทศไปตลอดกาล