เปลี่ยนสูตรหาร ผวา “แลนด์สไลด์”/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

เปลี่ยนสูตรหาร ผวา “แลนด์สไลด์”

 

“เตะหมูเข้าปากหมา” สำนวนไทย ไม่ได้หมายความตรงถ้อยคำว่า เตะตัวหมูหรือเนื้อหมูให้ไปเข้าปากสุนัข แต่ใช้เป็นสำนวน มีความหมายว่า “ทำให้ประโยชน์ตกไปถึงผู้อื่นโดยไม่ต้องออกแรงมาก”

งงอ่ะ กลัว “แลนด์สไลด์” จนขี้ขึ้นสมอง หนองไหล แหละแล้วเมื่อวันวาน “2 ลุง” จับเข่าคุยกันระหว่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี กับ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ดีดนิ้วโป๊ะเชะ ส่งซิก ให้ชิงปิดดีล หักดิบสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จากหัสเดิมที่กรรมาธิการเสียงข้างมาก เลือกใช้บริการ หาร 100 เปลี่ยนเป็นสูตรหาร 500 ตามข้อเสนอพรรคเล็ก และพรรคร่วมบางส่วน

ย้อนเกล็ดตามไปดูมติของ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เสียงข้างมากเห็นด้วยให้ใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 100 จำนวน 32 เสียง และสูตรหาร 500 จำนวน 11 เสียง

เท่ากับว่า หมูกำลังจะขึ้นหาบ “กฎหมายลูก” น่าจะผ่านฉลุย เพราะเชื่อกันว่า ตามทิศทางของรัฐสภาคงจะโหวตหาร 100 เพราะ กมธ.มาจากตัวแทนพรรคการเมือง และตัวแทน ส.ว.เสียงส่วนมากสนับสนุน เป็นทุนอยู่แล้ว

การเลือกตั้งสมัยหน้าจะเกิดขึ้นภายใต้กติกาใหม่ หลังมีการปรับสัดส่วน ส.ส.ทั้ง 2 ระบบ โดย ส.ส.แบบแบ่งเขตเพิ่มเป็น 400 คน บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ เหลือ 100 คน พร้อมกำหนดให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ

แยกให้ประชาชนตัดสินใจลงคะแนนเลือก ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ ไม่เหมือนกับการเลือกตั้งปี 2562 ที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ส.ส.เขต 350 คน ปาร์ตี้ลิสต์ 150 คน แล้วนำคะแนนมหาชน หรือป๊อปปูลาร์โหวตที่แต่ละพรรคได้รับ ไปคำนวณจำนวน ส.ส.พึงมี และบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคพึงได้รับ

นำผลการเลือกตั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 มาเป็นตัวตั้ง สมมุติว่า มีประชาชนลงคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 35 ล้านเสียง หากนำไปหาร 100 ผลลัพธ์จะออกมาที่ 355,615 คะแนน เฉลี่ยจะได้ 1 ที่นั่ง ซึ่งฐานคะแนนจะสูงมาก แต่กรณีที่ใช้สูตร 500 คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 70,000 กว่าเสียงต้นๆ

เหนือสิ่งอื่นใด คือ การนำผลลัพธ์ไปหารจำนวนคะแนนรวมทั้งประเทศของแต่ละพรรคที่จะได้รับ ติดติ่งห้อยท้ายอยู่ว่า

“ถ้าพรรคการเมืองใดมีผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเท่ากับหรือสูงกว่าจำนวน ส.ส.ที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมี ให้พรรคการเมืองนั้น มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามจำนวนที่ได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และไม่มีสิทธิได้รับการจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ”

กล่าวโดยสรุปก็คือ “ถ้าพรรคใดมี ส.ส.เขตเท่ากับหรือมากกว่าจำนวน ส.ส.ของพรรคที่พึงมี พรรคนั้นจะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ”

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล ยกสถิติเลือกตั้งใหญ่ปี 2554 มาส่องกล้อง พรรคเพื่อไทยโกยเถอะโยมมา 15.7 ล้านเสียงทั่วประเทศกวาด ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ ตามสูตรหาร 100 ไปถล่มทลาย 265 เสียง

ขณะที่เลือกตั้งใหญ่ปี 2562 พรรคเพื่อไทยได้เพียง ส.ส.แบบแบ่งเขตส่วนเดียว 134 ที่นั่ง แต่บัญชีรายชื่อได้ 0 ที่นั่ง เพราะฐานคะแนนพึงมีเต็มตุ่ม จึงไม่ได้ที่นั่ง ส.ส.เพิ่มแม้แต่คนเดียว เพราะ “คะแนนพึงมี” เมื่อนำยอดคะแนนที่ได้รับเลือกตั้งทั่วประเทศราว 8 ล้านเสียง อยู่ที่ราว 114 ที่นั่ง

“เพื่อไทย” ได้ที่นั่ง ส.ส.เขตมา 134 ที่นั่ง เกินคะแนนพึงมีแล้ว พรรคนั้นจึงไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

 

จะว่าไปแล้ว ตอนเลือกตั้งใหญ่ปี 2562 “พรรคเพื่อไทย” คิดสลับซับซ้อน ดันไป “เล่นท่ายาก” ทะลึ่ง “แตกแบงก์พัน” ก่อตั้งพรรคลูก “ไทยรักษาชาติ” หรือ “ทษช.” มองข้ามช็อต หมายรองรับการจัดสรรปันส่วนผสม เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านจากคะแนนพึงมี ดึงเลือดใหม่ไฟแรง วางแผนเด็ดแยกกันเดินรวมกันตี เคียงคู่เป็นคอหอยลูกกระเดือกกับ “พรรคเพื่อไทย”

สุดท้าย “ไทยรักษาชาติ” เดินไปสะดุดปังตอ พรรคถูกยุบขณะสถานการณ์กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม จะเลือกตั้งใหญ่อยู่รอมร่อ

บางพื้นที่สับขาหลอก ด้วยการสลับฟันปลา หรี่ตาแยกกันส่งผู้สมัครลงเขตเลือกตั้ง ขณะที่ “เพื่อไทย” ส่งผู้สมัครระบบเขตเลือกตั้งทั่วประเทศเพียง 238 เขต จาก 350 เขต บางส่วนเปิดทางสะดวกให้ ทษช. กระนั้น เพื่อไทยยังยึดพื้นที่มาได้มากที่สุด 134 ที่นั่ง ไม่งั้นยอดคงมากกว่า ฐานคะแนนพึงมีก็เพิ่ม ยอดรวมคงจะสูงกว่าเดิม

เลือกตั้งครั้งใหม่ “เพื่อไทย” น่าจะเข็ดขี้อ่อนขี้แก เลิกเล่นท่ายาก ไม่แตกแบงก์พันอีกหัวเด็ดตีนขาด และน่าจะส่งครบทั้ง 400 เขต และระดมตัวกลั่นลงพื้นที่กันเต็มสนาม เพื่อยกระดับคะแนนพึงมีให้มากขึ้น

กรณีที่เพื่อไทยแลนด์สไลด์ ได้ ส.ส.เขตเลือกตั้งทะลุ 200 ที่นั่ง ฐานคะแนนบัญชีรายชื่อจากบัตรใบที่สอง ป๊อปปูลาร์โหวตมากที่สุด เพดานพึงมีน่าจะได้เข้ามาบ้างไม่มากก็น้อย ไม่เหมือนกับศึกเลือกตั้งใหญ่ปี 2562

การที่ “2 ลุง” ปิ๊งกันลั่นเปรี้ยง แอบกดปุ่ม ส่งสัญญาณให้พรรคร่วม-ส.ว.คว่ำสูตรหาร 100 มาใช้บริการสูตรหาร 500 ก็ใช่ว่าจะเตะสกัดไม่ให้เกิดปรากฏการณ์ “ชัชชาติ” ได้ อย่าเพิ่งกระหยิ่มยิ้มย่อง เพราะกระทบชิ่งต่อ “เพื่อไทย” น้อยมาก เพียง 20-30 เสียงโดยประมาณในสัดส่วน “บัญชีรายชื่อ” แค่จิ๊บๆ เท่านั้น

และสัดส่วนจากพึงมีที่ตกน้ำหายไปไม่น่าจะแอสซิสต์ ผ่านไปยัง “พลังประชารัฐ”

ขณะที่ “ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย” ก็คงได้ประโยชน์จากสูตรหาร 500 บ้างแต่ไม่มาก

พรรคที่จะได้รับอานิสงส์ ส้มหล่นใส่เต็มๆ เป็นพรรคที่มีแนวโน้มได้ ส.ส.เขตน้อย แต่ป๊อปปูลาร์โหวตไม่เป็นลูกเป็ดขี้เหร่ คือ “พรรคก้าวไกล” กับ “เสรีรวมไทย”

แบบนี้แหละครับ ถึงเรียกว่า “เตะหมูเข้าปากหมา” (ฮา)