นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ : อะไรทำให้ Joseph Schooling ว่ายน้ำชนะ Micheal Phelps? (1)

เหรียญทองโอลิมปิกที่ “ริโอเกมส์ 2016” จากการแข่งขันว่ายน้ำท่าผีเสื้อ ระยะทาง 100 เมตรชายของ โจเซฟ สคูลลิ่ง นักว่ายน้ำทีมชาติสิงคโปร์ ไม่ได้เป็นแค่ชัยชนะธรรมดา แต่กลายเป็นความสำเร็จของคนทั้งชาติ

เหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกในประวัติศาสตร์ของชาติสิงคโปร์สร้างแรงบันดาลใจและปลุกให้ชาวสิงคโปร์รู้สึกว่า ประเทศเล็กๆ ที่มีขนาดเท่ากับเกาะภูเก็ตก็มีศักยภาพที่จะคว้าเหรียญทองได้เช่นกัน

ที่สำคัญมันคือชัยชนะที่อยู่เหนือฮีโร่ตลอดกาลของสคูลลิ่งอย่าง ไมเคิล เฟลป์ส สุดยอดนักว่ายน้ำของโลก โดยฉลามหนุ่มชาวสิงคโปร์แตะขอบสระทำลายสถิติโอลิมปิกที่ 50.39 วินาที เร็วกว่า ไมเคิล เฟลป์ส ที่ทำไว้ 50.58 วินาที ในปักกิ่งเกมส์ 2008

จังหวะที่สคูลลิ่งแตะขอบสระ เขาหันไปพูดกับเฟลป์สว่า

“ผมไม่รู้จะรู้สึกยังไงเลย แม่งบ้ามาก”

แม้ว่าเฟลป์สจะผิดหวังที่ไม่สามารถเก็บเหรียญทองที่ 23 ให้กับตัวเองได้ แต่เขาก็ยินดีกับเด็กหนุ่มวัย 21 ปีคนนี้ ทั้งคู่รู้จักกันมานาน เฟลป์สยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า

“ผมเข้าใจ”

ไมเคิล เฟลป์ส (ซ้าย) และโจเซฟ สคูลลิ่ง (AFP PHOTO / Odd Andersen)
ไมเคิล เฟลป์ส (ซ้าย) และโจเซฟ สคูลลิ่ง (AFP PHOTO / Odd Andersen)

สคูลลิ่งเล่าความรู้สึกก่อนจะลงแข่งในวันนั้นว่าเขามั่นใจเป็นอย่างมาก

“วันนั้นผมรู้สึกดีมาก มันไม่ได้แปลว่าผมเป็นนักว่ายน้ำที่เก่งกว่าพวกเขานะครับ แต่ผมแค่รู้สึกว่าวันนี้คือวันของผม ผมน่าจะชนะได้ และก็ทำได้จริงๆ”

ความมั่นใจนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เขาเริ่มนั่งเครื่องบินมาริโอเดอจาเนโร ความคิดเดียวที่อยู่ในหัวสคูลลิ่งคือ “ต้องชนะ”

เขาผ่านรอบคัดเลือกไปเรื่อยๆ จนในที่สุด เมื่อถึงวันแข่งขันที่รถบัสแล่นเข้ามาในตัวสระว่ายน้ำ เขาคิดกับตัวเองตอนอยู่บนรถว่า “ทุกอย่างกำลังไปได้สวย”

“แต่ตอนที่ผมยืนอยู่ริมสระ ผมแค่โฟกัสและเคลียร์หัวให้โล่งที่สุด” สคูลลิ่งเล่าถึงวินาทีก่อนที่จะกระโดดลงไป “ผมประหม่านิดหน่อย แต่ก็ผ่อนคลาย ภายนอกผมรู้สึกนิ่งมาก แต่ภายในเต็มไปด้วยพายุที่พร้อมจะระเบิดออก แล้วมันก็ระเบิดทันทีที่ผมกระโดดลงไป…ที่เหลือหลังจากนั้นก็คือประวัติศาสตร์”

จากคำสัมภาษณ์จะเห็นได้ว่า ชัยชนะของสคูลลิ่งไม่ได้มาจากความฟลุก แต่คือความมั่นใจที่เขาพกมาอย่างเต็มเปี่ยมว่าต้องสร้างประวัติศาสตร์ได้แน่ๆ

คำถามก็คืออะไรทำให้เขามั่นใจมากขนาดนั้น?

อะไรทำให้เด็กหนุ่มจากชาติเล็กๆ ที่ไม่เคยเก่งกีฬา คว้าเหรียญทองแซงหน้ามหาอำนาจยักษ์ใหญ่อย่างอเมริกาได้?

อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จของสคูลลิ่ง?


1.ครอบครัวต้องสนับสนุน

สคูลลิ่งเป็นชาวสิงคโปร์เจเนอเรชั่นที่สาม พี่ชายของปู่ของเขา Lloyd Valberg เคยเป็นนักกีฬาชาวสิงคโปร์คนแรกที่ได้เข้ารวมการแข่งขันโอลิมปิกในปี 1948

ในวัย 6 ขวบ เด็กชายสคูลลิ่งพูดคุยกับพี่ชายของปู่แล้วจึงเกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะเป็นนักกีฬาตัวแทนของชาติไปแข่งโอลิมปิกบ้าง เขาจึงเริ่มฝึกว่ายน้ำนับแต่นั้น

จนเมื่ออายุได้ 9 ปี ฝีพายการว่ายน้ำของเขาก็ไปไกลกว่าเพื่อนร่วมเดียวกัน และโดดเด่นเป็นอย่างมาก พ่อแม่ของเขาจึงตัดสินใจส่งเขาไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา

โรงเรียนที่พ่อแม่เขาส่งไปนั้นคือ Bolles School ในรัฐฟลอริดา ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องกีฬาว่ายน้ำเป็นอย่างมาก หลังจากจบไฮสคูลเขาก็ศึกษาต่อที่ University of Texas ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีโปรแกรมการสอนกีฬาว่ายน้ำที่เก่งที่สุดในโลก เพราะมี Eddie Reese นักกีฬาเจ้าเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยเป็นเฮดโค้ชอยู่

การได้ไปฝึกซ้อมที่ต่างแดนทำให้ทักษะการว่ายน้ำของเขาพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก

เมื่อมีนักข่าวไปถามว่า อะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จของเหรียญทองโอลิมปิกนี้ เขาตอบอย่างรวดเร็วว่าคือ พ่อแม่

“ผมเป็นหนี้พวกเขาตลอดกาล พ่อและแม่เสียสละมากเหลือเกินเพื่อทำให้ผมมาถึงตรงนี้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำมันบ้ามาก ผมไม่อยากจะลงรายละเอียดสักเท่าไร แต่บอกได้เลยว่าถ้าคุณไปถามพ่อแม่คนอื่นๆ ผมคิดว่าพวกเขาจะไม่ได้ทุ่มเทเท่ากับพ่อแม่ผม”

“ผมโชคดีมากที่เกิดมามีพ่อแม่แบบพวกเขา”

 

2.อยู่ท่ามกลางคนเก่ง

ไม่ใช่แค่พ่อแม่สนับสนุนเท่านั้น อีกเหตุผลที่สคูลลิ่งเผยถึงเบื้องหลังความสำเร็จคือ การอยู่ท่ามกลางคนเก่ง

ทีมว่ายน้ำใน University of Texas ที่ฝึกสอนโดยนักว่ายน้ำชาวสหรัฐ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัย ถือเป็นหนึ่งในทีมว่ายน้ำที่ดีที่สุดในโลก นักกีฬาแต่ละคนเรียกได้ว่าคือดาวรุ่งอันดับต้นๆ ของโลกแทบทั้งนั้น

“พวกเราคือทีมที่ดีที่สุดในโลกครับ” สคูลลิ่งย้ำ

“เราชนะทุกคนในแทบทุกการแข่งขัน และเราก็ฝึกกันโคตรหนัก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพ่อแม่ถึงต้องส่งผมมาเรียนที่นี่ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ผมอยากเรียนที่นี่”

“ถ้าคุณอยากเป็นคนที่เก่งที่สุด…คุณต้องอยู่ท่ามกลางทีมที่เก่งที่สุดด้วย”