สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร/หวังของขั้ว ปชต.

สถานีคิดเลขที่ 12/สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

————————

หวังของขั้ว ปชต.

————————

หวัง แบบ ลมๆแล้งๆไปตามประสา

พรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะเพื่อไทย คงไม่เสียสมาธิ ไปกับท่าทีของพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กลุ่ม 16 และพรรคเล็กทั้งหลาย

ที่ประกาศขึงขังว่า ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจจะโหวตไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีบางคน

โดยหวังว่า พรรคและกลุ่มนักการเมืองเหล่านี้ จะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปไม่รอด

เหมือนตอนที่หวังไว้เมื่อพิจารณาพ.ร.บ.งบฯ ปี 2566 จะมี”ขบถ”เกิดขึ้น

ซึ่ง ขบถ ก็เกิดขึ้นจริง

แต่เป็นขบถในฝ่ายค้านเสียเอง เมื่อมี”งูเห่า”ไปโหวตสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล จนเสียงชนะท่วมท้น

ฝ่ายค้านเสียเครดิตไปหลายขีด

ตรงกันข้ามกับกลุ่มพรรคเล็ก ที่อิ่มหมีพีมันกันถ้วนหน้า

ปรากฏการณ์เช่นนั้นอาจเกิดขึ้นอีกในศึกซักฟอกครั้งนี้

ดังนั้นฝ่ายค้านจะต้อง มีสมาธิดีๆ

ยิ่งประกาศว่า การซักฟอกครั้งนี้ เป็นการซักฟอกครั้งสุดท้ายยิ่งต้องทำการบ้านให้ดี

อย่าไปหวังลมๆแล้งๆว่าใครจะมายกมือช่วยสนับสนุน

การยืนอยู่บนลำแข้งตัวเองดีที่สุด

ผลโพลนิด้า ที่ออกมา เป็นบวก ทั้งในเรื่องตัวบุคคล คือสนับสนุน น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขึ้นเป็นผู้นำรุ่นใหม่ ในลำดับที่ 1 และที่ 2

สอดคล้องกับการสนับสนุน พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ในลำดับแรกและลำดับที่สองเช่นกัน

ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคร่วมรัฐบาล คะแนนตกกราวรูด

แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะด้อยค่าว่า โพลก็แค่โพล

แต่เราเห็นฝ่ายรัฐบาลพากันเตรียมการเดินสายเข้าหาชาวบ้านกันจ้าละหวั่น

อย่างนี้ โพลไม่ใช่แค่โพลแล้วล่ะ

หากแต่เป็นสัญญาณเตือนดังๆไปยังฝ่ายรัฐบาลว่าจะนั่งเฉยไม่ได้มีโอกาสพ่ายสูง

และยิ่ง หากพรรคฝ่ายค้าน มีสมาธิแน่วแน่ ทำการบ้านดีๆ ให้ศึกซักฟอกขับเคลื่อนอย่างแหลมคม มีน้ำหนัก

เสียงสนับสนุน ฝ่ายค้านมาแน่ๆ

ไม่ต้องหวังให้ใครมาช่วย

ตรงกันข้ามควรจะเสริมซึ่งกันและกันให้แข็งแกร่ง เพื่อก้าวไปสู่”ความหวัง”ที่มีน้ำหนักและดูดีกว่าไปพึ่ง”จมูก”ของคนอื่นหายใจ

แม้จะมีการมองว่า เพื่อไทย และก้าวไกล ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของกันและกัน

ซึ่ง ก็คงเป็นเช่นนั้น และเป็นเรื่องปกติธรรมดา ของระบอบประชาธิปไตย ที่แต่ละพรรคต้องนำเสนอสิ่งดีๆให้ประชาชนเลือกแล้วตัดสิน

ไม่ใช่มาฮั้ว หรือแอบจับมือเป็นขั้วเดียวกัน โดยไม่เปิดให้ประชาชนเลือกโดยเสรีก็ไม่น่าจะถูกต้อง

ทั้งเพื่อไทยและก้าวไกล ต้องแข่งขันกันอย่างจริงจังและปฏิบัติเช่นนี้กับทุกพรรค เพื่อให้ประชาชนตัดสินเลือกสิ่งที่ดีที่สุด

ภายใต้ความเชื่อและความหวังว่า ผลจะออกมาตามที่โพลบ่งชี้

นั่นก็คือ ขั้วประชาธิปไตย ทั้งเพื่อไทย ก้าวไกล จะได้รับการสนับสนุนเหนือขั้วอำนาจนิยมเดิม

ถ้าเพื่อไทย ทำแลนด์สไลด์ทะลุ 250 เสียงได้ตามเป้า ก็ตั้งรัฐบาลไป

แต่ ว่าที่จริงก็ยาก

ซึ่งถ้าเช่นนั้นขั้วประชาธิปไตยก็ควรตั้งโจทย์ก้าวสู่การผนึกเกิน 250 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน แล้วผลักดันนโยบายและแนวทางที่เป็นประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น

เพราะตอนนี้ ความหวัง ที่จะเห็นการขับเคลื่อนร่วมกันระหว่าง”อุ๊งอิ้ง-พิธา” ระหว่าง “เพื่อไทย-ก้าวไกล” มีอยู่สูง

และมีความเป็นไปได้ไม่น้อย

โดยเริ่มจากทำศึกซักฟอกให้ดี

แล้วไปแข่งขันกันอย่างเต็มที่ในสนามเลือกตั้ง

จากนั้น หากได้เสียงข้างมากเกิน 250 เสียง ก็ใช้ฉันทามติของประชาชนนี้แสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่าง เดินหน้าขับเคลื่อนรัฐบาลในแนวทางประชาธิปไตยร่วมกัน

ถือเป็นความหวังที่น่าลุ้นของขั้วประชาธิปไตย

————-