หน้ากาก / ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ : หนุ่มเมืองจันท์

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

หนุ่มเมืองจันท์

www.facebook.com/boycitychanFC

 

หน้ากาก

 

วันนี้เราสามารถถอด “หน้ากาก” ได้แล้วครับ

เป็นอิสรภาพที่ทุกคนโหยหามานาน

ลองย้อนเวลากลับไปสัก 3 ปี เคยคิดบ้างไหมครับว่าเราจะต้องใส่หน้ากากคุยกัน

เดินไปไหนก็ต้องใส่หน้ากาก

ใส่จน “หน้ากาก” กลายเป็นอวัยวะหนึ่งของเรา

นึกถึงวันแรกๆ ที่คนเริ่มใส่หน้ากาก

คนนั้นเหมือนตัวประหลาด

เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่ใส่

แต่หลังจากเกิดโควิด ใครไม่ใส่หน้ากาก

เราจะมองเขาเหมือนเป็น “เชื้อโรค”

เดินห่างด้วยความรังเกียจ

ผมนึกถึงสำนวนไทยที่บอกว่าอย่าใส่หน้ากากเข้าหากัน

คำว่า “หน้ากาก” มีความหมายถึง “ความไม่จริงใจ”

แต่พอโควิดเข้ามา ทุกคนใส่หน้ากากเข้าหากันตลอดเวลา

ที่สำคัญใส่อย่าง “จริงใจ” ด้วย

ใครไม่ใส่หน้ากากต่างหากที่ “ไม่จริงใจ”

มีคนบอกว่า “ดารา” หรือคนดังได้ประโยชน์มากจาก “หน้ากาก”

เพราะสมัยก่อน เวลาไปเดินห้าง จะต้องใส่แว่นดำหรือใส่หมวก

ไม่อยากให้ใครรู้

แต่บางทีการปกปิดที่มากเกินไปกลับกลายเป็นจุดสนใจ

ใส่แว่นดำใหญ่ๆ เดินห้าง

คนจะยิ่งมอง

แต่พอช่วงโควิด สบายเลยครับ

เพราะทุกคนใส่หน้ากากหมด

ดาราก็แค่ใส่หน้ากากเนียนไปกับทุกคน

แค่นั้นก็จำยากแล้ว

“โน้ส” อุดม แต้พานิช

ช่วง 2 ปีกว่าที่ทุกคนใส่หน้ากาก มีทักษะใหม่ๆ หลายเรื่องที่เราได้เรียนรู้

เรื่องแรก คือ การฟังแบบไม่เห็นปากคู่สนทนา

ถ้าใครพูดเบาๆ หรือมีน้ำเสียงที่ไม่ชัด

บางครั้งเราจะฟังไม่ออก

เพราะธรรมชาติของการคุยกัน เราจะฟังทั้งเสียง และอ่านปากคู่สนทนาโดยที่เราไม่รู้ตัว

พอไม่เห็นปาก บางทีเราจะงงๆ

ทุกคนต้องปรับตัวกับการฟังแบบไม่อ่านปาก

ผ่านไป 2 ปีตอนนี้เริ่มชินแล้วกับการฟังเสียงใต้หน้ากาก

แต่มีคนหนึ่งที่ไม่ชิน

คือ “โน้ส” อุดม แต้พานิช

เขามีปัญหากับ “เดี่ยว 13” มาก

เพราะต้องเล่นให้คนดูที่ใส่หน้ากาก

การโชว์เดี่ยวบนเวทีนั้น ต้องการแรงส่งจากคนดูมาก

นึกถึงภาพที่เราคุ้นชินในเดี่ยวครั้งที่ผ่านๆ มาสิครับ

พอ “โน้ส” ยิงมุขไป

คนจะหัวเราะเสียงดัง

ได้ยินทั้งเสียงหัวเราะ และปฏิกิริยาท่าทางของคนดู

แต่ครั้งนี้ “โน้ส” ที่อยู่บนเวทีได้ยินแต่เสียงหัวเราะ

และเสียงหัวเราะใต้หน้ากากก็ไม่ดังเหมือนปกติด้วย

ที่สำคัญ เขาไม่เห็นใบหน้าคนดูตอนหัวเราะ

ทั้งที่เป็นเรื่องที่เขาต้องการมาก

เพราะเป็นแรงส่งกลับมาหาตัว “โน้ส” ที่ทำให้เขาปล่อยพลังในการเล่นต่อไปได้

เรื่องที่สอง เราเคยจำหน้าคนจากการเห็นใบหน้าเต็มๆ

พอใส่หน้ากาก เราจะเห็นแต่คิ้วและดวงตา

จมูกด้านบนอีกครึ่งหนึ่ง

แต่เราไม่เห็นรูจมูก ริมฝีปาก คาง

บางทีก็จำไม่ได้

วัฒนธรรมใหม่ของการทักทายกันในยุคโควิด ถ้าเจอกันโดยบังเอิญและไม่ได้คุ้นเคยกันมาก

หากเราเป็นฝ่ายทัก เราต้องชิงบอกก่อนว่าเราคือใคร

หรือเปิดหน้ากากให้ดูหน้าจริงสักนิด

เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเคอะเขิน

และเพื่อให้การสนทนาดำเนินไปด้วยดี

ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ผมมีปัญหามากเพราะเป็นช่วงเปิดเรียนหลักสูตร ABC รุ่น12

มีนักเรียนประมาณ 120 คน

ตามปกติ ตอนทักทายกัน ผมจะเห็นใบหน้าเต็มๆ

คุยไม่กี่ครั้งก็จำชื่อได้

แต่ครั้งนี้ผ่านไป 3 สัปดาห์ยังจำหน้านักเรียนได้ไม่กี่คน

เพราะส่วนใหญ่เจอกันตอนใส่หน้ากาก

การจำชื่อคนที่เห็นเพียงครึ่งหน้า

ยากมากเลยครับ

 

ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ใครเดินทางไปต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศแถบยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา

ภาพที่ทุกคนจะถ่ายมาโชว์เพื่อนในเมืองไทย

คือ การเดินในที่สาธารณะโดยไม่ใส่หน้ากาก

เพราะอิสรภาพแบบนี้หาไม่ได้ในเมืองไทย

ใครจะไปคิดว่าเรื่องที่สุดแสนปกติธรรมดาในวันก่อน

กลายเป็นสิ่งที่โหยหาในวันนี้

แค่เราสามารถหายใจได้เต็มปอดโดยไม่มีหน้ากาก

แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

เมื่อไม่กี่วันรัฐบาลเพิ่งประกาศแล้วว่าเราไม่ต้องใส่หน้ากาก

โดยเฉพาะในพื้นที่โล่งแจ้ง

ทุกคนได้อิสรภาพที่ปรารถนามานานแล้ว

แต่เชื่อไหมครับ ตอนนี้เดินไปไหน

ทุกคนก็ยังใส่หน้ากากเหมือนเดิม

ส่วนหนึ่ง เพราะยังกลัวติดโควิด

แต่อีกส่วนหนึ่ง เพราะคนที่ไม่ใส่หน้ากากยังเป็นคนส่วนน้อยอยู่

เดินไปไหนคล้ายเป็นตัวประหลาด

คงต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง

คนไทยจึงจะเลิกใส่หน้ากากเข้าหากัน •