‘ซูซูกิ สวิฟต์’ – ‘นิสสัน นาวารา’ ‘2 ค่าย – 2 สไตล์’ ปรับโฉมเพิ่มชุดแต่ง / ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : สันติ จิรพรพนิต

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์

สันติ จิรพรพนิต

[email protected]

 

‘ซูซูกิ สวิฟต์’ – ‘นิสสัน นาวารา’

‘2 ค่าย – 2 สไตล์’

ปรับโฉมเพิ่มชุดแต่ง

 

ในช่วงเหงาๆ ซึมๆ แบบนี้ ตลาดรถยนต์เมืองไทยเหมือนเน้นหนักไปทางรถรุ่นไมเนอร์เชนจ์ หรือปรับโฉม และรุ่นตกแต่งพิเศษ

ที่ผ่านมาหลายค่ายออกมากระตุ้นตลาดกันมากพอสมควร

ล่าสุดเป็นคิว 2 ค่ายที่เด่นในแต่ละเซ็กเมนต์

“ซูซูกิ” เจ้าพ่อรถเล็กเมืองไทย ออกรุ่นพิเศษ “NEW SUZUKI SWIFT GL PLUS”

ส่วน “นิสสัน” เปิดตัวปิกอัพไซซ์จัมโบ้รุ่นปี 2022 และรุ่นแต่งพิเศษ “Navara Black Edition”

มาเริ่มกันที่ “นิสสัน นาวารา” มาพร้อมคุณสมบัติที่ดียิ่งขึ้น รุ่น PRO-Series เพิ่มเบาะที่นั่งผู้ขับขี่ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง ช่วยให้การปรับองศาเบาะทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้วกด

รวมทั้งเบาะนั่งพรีเมียม Quole Modure ใหม่ ไม่สะสมความร้อน ทำให้นั่งสบายตลอดการเดินทาง

ในรุ่น Double Cab รุ่น PRO-4X, PRO-2X และ King Cab Calibre V 7AT เติมเต็มความสะดวกสบายและความปลอดภัยด้วยช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงหรือ Advance Driver Assistance System (ADAS)

ทั้งเทคโนโลยีเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) ที่จะส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด หากพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า

เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) จะช่วยลดความเร็วและเบรกเพื่อลดความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นหากเกิดอุบัติเหตุ

เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning : LDW) จะเตือนผู้ขับขี่หากระบบจับทิศทางได้ว่ารถกำลังเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว

หากรถยังคงออกนอกเส้นทางมีเทคโนโลยีช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทางอัจฉริยะ (Intelligent Lane Intervention – ILI) ทำงานโดยส่งสัญญาณให้ระบบเบรกทำงานและส่งแรงเบรกเพื่อดึงรถกลับสู่ช่องทางให้ผู้ขับขี่รู้ตัว

เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) จะส่งเสียงสัญญาณพร้อมไฟกะพริบที่กระจกมองข้างเตือนให้รู้ว่าขณะนั้นกำลังมีรถคันอื่นอยู่ในช่องทางขับขี่ด้านข้างซึ่งผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็น

ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีป้องกันการชนจากจุดอับสายตาอัจฉริยะ (Intelligent Blind Spot Intervention – IBSI) ที่จะส่งแรงเบรกดึงรถกลับสู่ช่องทางอย่างนุ่มนวล ฯลฯ

ขณะที่รุ่นแต่งพิเศษ “นาวารา แบล็ค อิดิชั่น” ใหม่ เข้ม แกร่ง มากขึ้นกับชุดแต่งสีดำ

ด้านนอกจัดเต็มกับชุดแต่งสีดำสุดเท่ตั้งแต่กระจังหน้า แบบ interlock กระจกข้าง มือจับประตู กันชนหน้าด้านล่าง มือจับประตูท้าย และซุ้มล้อ

ติดตั้งเสาอากาศแบบครีบฉลามที่ดูทันสมัยและมีประสิทธิภาพ และสติ๊กเกอร์ตกแต่งสีดำรอบคัน

ล้ออัลลอยสีดำเข้มลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว

ภายในตกแต่งรับกับรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตภายนอก ด้วยการตกแต่งภายในด้วยโทนสีดำ ได้แก่ ช่องแอร์ มือจับประตู ที่วางแก้ว ฐานเกียร์ ที่พักแขนที่ประตู และขอบประตู

เครื่องยนต์ YS23DDTT แบบ 4 สูบ 2.3 ลิตร DOHC เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติแบบ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนน่วล (M mode)

ประหยัดเชื้อเพลิงโดยรองรับน้ำมันดีเซลทุกแบบทั้ง B7, B10 และ B20

ขณะที่รุ่น King Cab Calibre และ Double Cab เกียร์ธรรมดา 6 สปีด มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล YS23DDT 2.3 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC VGS พร้อมเทอร์โบชาร์จที่ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 403 นิวตัน-เมตร

นิสสัน นาวารา รุ่นปี 2022 ราคาเริ่มต้น 595,000-849,000 บาท

รุ่นแต่งพิเศษ Black Edition 799,000-884,000 บาท

และรุ่นท็อปทรงพลังสุดๆ PRO-series 1,030,000 บาท

ส่วน “ซูซูกิ” ที่แม้สวิฟต์ อีโคคาร์รุ่นยอดนิยมจะทำตลาดมาหลายปีดีดัก แต่กระแสไม่มีแผ่วกวาดยอดขายสะสมมากกว่า 148,000 คัน

เนื่องจากรูปทรงน่ารักน่าชัง ทำให้ผู้ซื้อจำนวนไม่น้อยนำไปตกแต่งเพิ่มเติมในสไตล์ของตัวเอง

ยิ่งในเวลานี้ราคาน้ำมันแพงบ้าเลือด จึงได้รับความสนใจมากขึ้น จึงต้องตีเหล็กตอนร้อนส่งรุ่นแต่งพิเศษออกมาเอาใจ

มาภายใต้แนวคิด “Limitless Edition สไตล์ท้าทาย ทุกขีดจำกัด” พัฒนามาจากรุ่น SUZUKI SWIFT GL

อัพเกรดความสปอร์ตให้มากขึ้นกว่าเดิมด้วยชุดแต่งดีไซน์ใหม่ กับชุดสเกิร์ตรอบคันพร้อมด้วยสปอยเลอร์หลัง

เสาอากาศครีบฉลาม ซุ้มล้อสีดำ ชุดสติ๊กเกอร์ GL PLUS ลายใหม่

ดีไซน์ภายนอก สปอร์ต ปราดเปรียว กระจังหน้าสีดำตกแต่งลายเส้นโครเมียม ไฟหน้าแบบแบบฮาโลเจนมัลติรีเฟลกเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED บริเวณกันชนหน้ารถ พร้อมไล่ฝ้ากระจกหลัง

ล้อกระทะพร้อมฝาครอบและยางขนาด 175/65R15

ภายในตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินสไตล์สปอร์ต พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรง D-Shape เพิ่มพื้นที่วางขา ปรับระดับ 4 ทิศทาง

เบาะนั่งโอบกระชับสรีระผู้ขับขี่ให้รู้สึกสบายตลอดการเดินทาง ที่นั่งคู่หน้าปรับตำแหน่งสูง-ต่ำบริเวณคนขับ พร้อมพนักพิงศีรษะแยกส่วน

ที่นั่งด้านหลังสามารถปรับพับแบบ 60:40 พร้อมพนักพิงศีรษะแบบแยกส่วน 3 ตำแหน่ง รองรับทุกไลฟ์สไตล์ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระขนาด 265 ลิตร

เครื่องยนต์รหัส K12M แบบเบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร หัวฉีดคู่ DUALJET ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

กำลังสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT

แม้เป็นขุมพลังเดิมแต่บอกเลยว่าจากที่ผมเคยทดสอบแรงเกินตัวจริงๆ ความเร็วระดับ 130-140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไปได้สบายๆ

ทั้งเป็นรถที่ขับสนุก คล่องตัว เพราะบอดี้กำลังเหมาะ พวงมาลัยเบามือ หาที่จขอดในห้างหรือเข้าซองแคบๆ ไม่ต้องเครียดมาก

ความประหยัดมาตรฐานอีโคคาร์ระดับ 23 กิโลเมตร/ลิตร รองรับน้ำมันสูงสุด E20

แม้จะเป็นอีโคคาร์ แต่ความปลอดภัยจัดมาให้ครบๆ อาทิ แพลตฟอร์ม HEARTECT ที่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของซูซูกิ รถมีน้ำหนักน้อยลงแต่คงความแข็งแกร่งและประหยัดน้ำมันมากขึ้น

โครงสร้างตัวถังแบบ TECT ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตัวรถ พร้อมระบบ NVH ช่วยกันการสั่นสะเทือน และลดเสียงรบกวนจากภายนอก

ระบบ TCS ช่วยในการควบคุมรถขณะขับขี่บนถนนลื่นหรือในทางโค้ง

ระบบเบรก ABS และ EBD ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP

ระบบ Idling Stop ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง

ระบบ Hill Hold Control ที่ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน

ปลอดภัยมากขึ้นด้วยถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้าพร้อมคานกันกระแทกด้านข้าง

จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก 2 ตำแหน่ง ถูกกฎหมายเป๊ะ

มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดง Ablaze Red Pearl, สีน้ำเงิน Speedy Blue Metallic, สีเทา Star Silver Metallic, สีเทา Mineral Gray Metallic, สีดำ Super Black Pearl

ราคา 572,000 บาท

สีขาว Pure White Pearl ราคา 577,000 บาท •