ไพลินไม่ชอบกินทุเรียน / ประกวดเรื่องสั้น : ประเสริฐศักดิ์ ปัดมะริด

ประกวดเรื่องสั้น

ประเสริฐศักดิ์ ปัดมะริด

 

ไพลินไม่ชอบกินทุเรียน

 

ทุเรียน เป็นผลไม้ที่ประหลาดมหัศจรรย์ มันสามารถทำให้บางคนหลงรักมันหัวปักหัวปำ ขณะเดียวกัน ก็ทำให้อีกหลายคนเกลียดมันเข้ากระดูกดำ

ไพลินอยู่ฝ่ายหลัง ไพลินไม่ชอบกินทุเรียน ออกจะเกลียดมันเสียด้วยซ้ำ

ถึงแม้มันจะมีตำแหน่งเป็นใหญ่เป็นโต เป็นถึง “ราชาแห่งผลไม้” แต่ก็มีเหตุผลมากมายที่ทำให้ไพลินหลีกเลี่ยงจะเข้าใกล้ แรกเลยก็รูปร่างแสนประหลาดของมัน ผลไม้บ้าอะไรถึงมีหนามแหลมปุ่มป่ำไปทั่ว ถ้าป้องกันตัวไม่อยากให้สัตว์อื่นแตะต้องขนาดนั้น จะเกิดออกมาเป็นผลไม้ทำไม ไหนจะเปลือกที่หนาปอกยากนั่นอีก จะเข้าถึงทีก็ต้องใช้ความพยายามที่ต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อจากปลายหนามและคมมีด รสชาติที่ต้องลิ้น ก็ยากจะแยกว่าคือความล้ำเลิศของผลทิพย์หิมพานต์ หรือความโสมมของกองขยะเปียกเทศบาลกันแน่

ไม่ต้องพูดถึงกลิ่นของมันให้มากความ ทุกคนรู้กิตติศัพท์เรื่องกลิ่นดีว่าฉาวโฉ่แค่ไหน กลิ่นชวนเบือนหน้าโชยมาแต่ไกลตะโกนบอกการปรากฏตัวของมันแม้ยังไม่ทันได้เห็นหน้าค่าตา กลิ่นหอมสะอิดสะเอียนที่ไพลินไม่อยากเฉียดเข้าไปสุงสิง แต่กลับดึงดูดคนบางกลุ่มที่โหยหากลิ่นเหลืองนวลชวนสยองนั่น คนบางกลุ่มที่พิสมัยหลงใหลมันถึงขนาดที่ปวารณาตนเป็นทาสของมันโดยดุษดี คนบางกลุ่มที่มักค่อนแคะคนไม่ชอบกินอย่างไพลินว่าไม่มีรสนิยม ไม่รู้จักของดี กระแดะทำตัวขวางโลก ขวางความสุขของคนอื่น

ไพลินคงไม่ใส่ใจเท่าไหร่ ถ้าคนบางกลุ่มพวกนั้นไม่ใช่คนในครอบครัวของไพลินเอง

 

บ้านไพลินเป็นเจ้าของสวนทุเรียนขนาดใหญ่ในจันทบุรี ปีๆ หนึ่งทำเงินจากการขายทุเรียนได้หลายสิบล้าน ยิ่งตอนที่มีกำลังซื้อมหาศาลจากกระแสคลั่งไคล้ทุเรียนในแผ่นดินใหญ่ ราคาทุเรียนพุ่งสูงจนพ่อเรียกมันว่า ทองคำมีหนาม สวนบ้านไพลินฟันกำไรเนาะๆ พ่อแม่ขึ้นแท่นเป็นเศรษฐีบ้านนอก แม่มีทองหยองคล้องเกี่ยวขึ้นมาเต็มตัว พ่อออกรถกระบะโฟร์วีลล์คันใหม่ป้ายแดง พ่อสอนว่าไพลินควรสำนึกบุญคุณทุเรียนให้มาก ที่ครอบครัวสุขสบายมีกินมีใช้ส่งไพลินเรียนหนังสือหนังหาสูงๆ ก็เพราะทุเรียนทั้งนั้น ไพลินไม่เถียงพ่อข้อนั้น เพราะก็ต้องยอมรับว่าทุเรียนสร้างคุณประโยชน์ให้บ้านของเธอจริงๆ เช่นเดียวกับที่สร้างงานสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนและคนงานหลายร้อยหลายพันชีวิตให้ได้มีอยู่มีกิน ส่งลูกเรียนหนังสือเติบใหญ่ได้ดิบได้ดีมาก็มาก

แต่นั่นมันก็คนละเรื่อง ยังไงไพลินก็ยังไม่ชอบกินทุเรียนอยู่ดี

ตอนแรกไพลินเองก็ใช่ว่าจะเกลียดทุเรียนขนาดนั้น เธอแค่ไม่ชอบกลิ่นมัน จมูกเธอทำใจให้หอมเหมือนที่พ่อแม่บอกได้ยาก เธอเห็นค้านตลอด แค่เธอเก็บงำไม่ได้พูดอะไร ไพลินสำเหนียกว่าเธอคือเสียงส่วนน้อย คนส่วนใหญ่ในบ้านเห็นดีเห็นงามกับทุเรียนทั้งนั้น ทุเรียนเหลืองนวลพูอวบต้องได้ขึ้นตั้งเด่นกลางโต๊ะกินข้าวทุกมื้อ ทุกคนกินคาวเสร็จก็จะต้องกินทุเรียนล้างปาก ไพลินได้แต่กลั้นหายใจตักข้าวเข้าปากไปพอแกนๆ ฆ่าเวลาให้หมดไปในแต่ละมื้อ แต่แม่ชอบหยิบทุเรียนพูใหญ่แบ่งให้ไพลินเป็นประจำหลังกินข้าว ไพลินหาข้ออ้างตลอดว่ากินข้าวอิ่มจนจุกไม่เหลือที่ให้ทุเรียนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ไพลินอ้างได้สำเร็จทุกมื้อหรอก พ่อชอบรู้ทัน บังคับให้ไพลินจัดการทุเรียนส่วนแบ่งนั่นให้เรียบร้อย พ่อบอกว่ามันเป็นหน้าที่ของไพลิน แต่ละคนก็ต้องกินทุเรียนของตัวเอง

ไพลินต้องชอบทุเรียนเหมือนที่คนในบ้านชอบ

 

ทุกคนในบ้านรู้ดีว่าไพลินตั้งแง่กับทุเรียนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่กระนั้นก็ไม่มีใครกล้าว่ากล้าทัดทาน ตลอดเวลาไพลินเองก็ไม่ได้กระโตกกระตากเพราะไม่อยากจะทำให้บรรยากาศในบ้านเสีย แต่พักหลังๆ มานี้ พอคนในบ้านและชาวสวนคนอื่นชอบทุเรียนกันมากขึ้นนั่นแหละ ความไม่ชอบของไพลินเลยดูแปลกแยกขึ้นมาชัดเจน พ่อจึงเป็นคนแรกที่ออกปากบังคับไพลิน เพราะเป็นคนเดียวที่ใช้อำนาจทำกับไพลินอย่างนั้นได้

หลายต่อหลายครั้งที่มื้ออาหารแสนกระอักกระอ่วนจบลงด้วยการที่ไพลินต้องกระเดือกเนื้อเละสีเหลืองน่าสะอิดสะเอียนนั่นเข้าปาก เธอต้องกลั้นข่มไส้ไม่คลื่นเคลื่อนอาเจียนออกมาทั้งน้ำตา เนื้อตัวเธอสั่นเทา ขนทั่วร่างลุก ประท้วงชูชัน แม่รับรู้ถึงความพยายามของไพลิน แม่สงสารและคิดว่าพ่อทำกับเธอเกินไป แต่กลับไม่พูดอะไร แม่เงียบปากเพราะคิดว่าการบังคับให้ไพลินชอบกินทุเรียนเป็นสิ่งที่พ่อทำถูกต้องแล้ว

หลังจากที่พ่อเหิมเกริมใช้อำนาจกับไพลินอย่างไม่เป็นธรรมคราวนั้น ไพลินก็ผ่ายผอมลงอย่างมาก เธอยอมอดข้าวดีกว่าต้องยอมถูกบังคับให้กินทุเรียน เธอขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมออกไปไหน แม่มาเรียกก็บอกว่าจะทำการบ้าน อิสระทางกายของเธอถูกจำกัดให้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม แต่อิสระทางใจ ขบถปลดแอกจากข้อบังคับไร้สาระของพ่อ เธอไม่เข้าใจว่าแค่เธอไม่ชอบกินทุเรียนถึงกลายเป็นปัญหาใหญ่โตขึ้นมาขนาดนี้ ทุเรียนมันก็อยู่ของมันดีๆ มีแต่คนรอบตัวไพลินนั่นแหละที่เหมือนจะเป็นบ้าไปกันหมด

ยังดีที่ไพลินอาศัยกินข้าวเที่ยงที่โรงเรียนพอประทังชีวิตได้ ดูเหมือนที่โรงเรียนจะไม่มีใครมีปัญหากับคนที่ไม่ชอบกินทุเรียนอย่างเธอเท่าไรนัก ไพลินมีเพื่อนหลายคนที่ไม่ชอบกินทุเรียนเหมือนกับเธอ และก็มีเพื่อนอีกหลายคนที่ชอบกินทุเรียน แต่ไพลินกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับเพื่อนกลุ่มนั้นเท่าพวกผู้ใหญ่ที่อยู่บ้าน ดูเหมือนว่าสังคมที่โรงเรียนเปิดกว้างและยอมรับกับความแตกต่างอย่างมีเหตุผลมากกว่า ไม่มีใครจับทุเรียนยัดปากคนที่ไม่ชอบเหมือนที่บ้านเธอ เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครตั้งแง่กับคนที่ไม่ชอบหรือชอบกินผลไม้อย่างอื่น ไพลินไม่เคยมีปัญหากับคนที่เกลียดน้อยหน่า เธอสามารถกินสับปะรดต่อหน้าคนที่เกลียดสับปะรดได้ และยังมีเพื่อนสนิทที่เกลียดกล้วยที่ไพลินชอบกิน ไพลินคิดว่านั่นเป็นเพราะพวกที่โรงเรียนเข้าใจเธอ เหมือนที่เธอเข้าใจคนอื่นโดยไม่ต้องพยายาม เมื่อมีความเข้าใจ ความเคารพซึ่งกันและกันก็จะตามมา ไอ้ความเคารพนี่แหละที่อนุญาตให้คนเกลียดทุเรียนอย่างเธอไปโรงเรียนได้อย่างสงบสุข

เธอมารู้เอาทีหลังว่าเพื่อนที่โรงเรียนหลายคนก็ถูกที่บ้านบังคับให้กินทุเรียนเหมือนกัน เท่าที่เธอคุย แต่ละคนมีเหตุผลที่จะไม่ชอบทุเรียนต่างกัน ส่วนมากไม่มีใครเกลียดทุเรียนถึงขนาดไพลิน สเปกตรัมไล่ระดับความไม่ชอบมากน้อยแตกต่างกันไปตามประสบการณ์และมุมมองของชีวิตที่แต่ละคนสั่งสมมา

แต่สิ่งที่ไพลินแน่ใจว่าทุกคนต่างเกลียดจับใจ คือการที่คนชอบทุเรียนมาตีตราว่าพวกเธอผิดแผก ไม่คิดจะเปิดโอกาสให้พวกเธอได้ปริปากแก้ต่างอะไรเลย แค่ไม่ยอมกินทุเรียนเหมือนคนส่วนใหญ่ ก็ถูกกาตัวแดงที่หน้าผากแล้วว่าเป็นพวกไม่กินทุเรียน หลังจากนั้นทุกคนก็จะปฏิบัติกับพวกเธอต่างบอกไป อะไรที่เคยทำได้ก็ถูกห้ามทำ ที่ไหนที่เคยไปได้ก็ถูกห้ามไป เรื่องอะไรที่เคยพูดได้ก็ถูกห้ามพูด ข้อความไหนที่เคยเขียนได้ก็ถูกลบ

เหมือนตัวตนและความคิดของพวกเธอถูกทำให้หายไปจากโลกนี้ เพียงเพราะว่าไม่ชอบกินทุเรียน

 

กระแสความคลั่งไคล้ทุเรียนจึงกลายเป็นกระแสหลักที่พัดกระโชกโกรกใส่ทุกบ้านโดยเฉพาะบ้านที่มีสวนทุเรียน เหล่าผู้แปลกแยกและได้รับความอึดอัดจึงมารวมกลุ่มกันลับๆ ที่โรงเรียน มีไม่น้อยที่เลือกจะอดหารเพื่อประท้วงการถูกบังคับให้ชอบทุเรียนเหมือนกับไพลิน เหล่าผู้ผ่ายผอมหัวอกเดียวกัน ผลัดกันปลอบประโลม สมานแผลบรรเทาความเจ็บปวดทางใจให้แก่กัน แลกเปลี่ยนวิธีเอาตัวรอดในสังคมที่ให้ความสำคัญกับทุเรียนเป็นใหญ่ บางคนพูดถึงแนวทางการตอบโต้ ขบถต่ออำนาจของทุเรียนที่กดทับ ไพลินได้แต่ถอนหายใจ การเปลี่ยนแปลงให้คนที่ชอบทุเรียนมาให้เห็นข้อเสียของทุเรียนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มองไปทางไหนก็ไม่มีแสงสว่างแห่งความหวัง

แต่ไม่นานความริบหรี่ที่ปลายอุโมงค์ก็ถูกถ่างออกให้เป็นรูกว้างพร้อมๆ กับลมพายุพิศวาสที่ค่อยๆ สงบลง โลกเกิดกลับตาลปัตรพลิกคว่ำหงายเพียงแค่ชั่วหลับตื่น จู่ๆ ทุนจีนหนาหนักก็พากันบินหนีออกจากจันทบุรี อพยพไปกว้านซื้อที่ดินร้อนชื้นบริเวณอื่นรอบๆ เส้นทางรถไฟลาวจีน ผืนดินต่างประเทศที่อุดมสมบูรณ์กว่า โอบอุ้มต้นทุเรียนให้เจริญงอกงามหอมหวานไม่ต่างจากทุเรียนที่จันทบุรี เพียงแต่ปริมาณที่มากกว่า ราคาทุเรียนตกวูบไม่เหลือชิ้นดีจนพ่อแม่ไพลินต้องปล่อยให้ทุเรียนในสวนตกเน่าใต้ต้น ทุนรอนสายป่านไม่ยาวพอจะจ้างคนงานมาเก็บ มากำจัด

เมื่อไม่มีงาน คนงานเลยหนีไปทำงานอย่างอื่นที่ได้เงินมากกว่า และที่น่าเจ็บใจคือคนงานที่อยู่กับสวนมาหลายสิบปีขอลาออกเพื่อข้ามแม่น้ำโขงไปทำงานที่สวนทุเรียนแห่งใหม่ของนายทุนจีน แม่ถามพ่อว่าทำไมพวกนั้นเลือกไปที่นั่นทั้งที่ลำบากกว่าและดูว่าจะได้เงินน้อยกว่า พ่อก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วก็บอกว่าพวกนั้นไม่มีทักษะอย่างอื่นนอกจากทำสวนทุเรียน

ไพลินอยากจะเสริมใจจะขาดว่า นั่นเป็นเพราะพวกคนงานถูกทำให้เชื่อทำให้ชอบทุเรียนมาทั้งชีวิตต่างหาก แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป

 

เช้าวันต่อมาโต๊ะกินข้าวมีทุเรียนปอกมาวางไว้มากกว่าปกติเป็นสองเท่า แม่ถึงกับเอากุญแจไขเปิดเข้ามาในห้องไพลินแล้วลากตัวไพลินลงมาร่วมวงโต๊ะกินข้าวที่เธอไม่สมัครใจ อิสระในร่างกายท้องไส้ของไพลินถูกพรากไปให้ทุเรียนพูอวบที่จัดวางเรียงไว้ในจานสวยงาม ไม่แค่นั้น มันยังลามเข้าไปอยู่ในเมนูอาหารลอยอล่างฉ่างในถ้วยของหวาน และอัดอยู่ในกล่องแช่อยู่เต็มตู้เย็น ทุกแห่งหนในบ้านมองไปทางไหนไพลินก็เห็นแต่ทุเรียน

แม่บอกว่าต้องช่วยกันกินให้หมด ไม่อย่างนั้นทุเรียนที่ขายไม่ออกจะเน่าเสียของ นั่นนับว่าเป็นฝันร้ายของไพลินชัดๆ บรรยากาศรอบตัวอบอวลไปด้วยกลิ่นทุเรียน กลิ่นทุเรียนปอกใหม่ของแม่ในบ้านตีตลบผสมกับกลิ่นทุเรียนเน่าใต้ต้นที่โชยมาจากนอกบ้าน กลิ่นเหม็นฉุนเสียดจมูกไพลินจนแทบจะฆ่าเธอให้ตายได้ พ่อรู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นไพลินทำหน้าเหยเกและดึงคอเสื้อขึ้นมาปิดจมูก พ่อตวาดใส่ไพลินเสียงดังและบังคับให้ทุกคนช่วยกันกินทุเรียนที่วางอยู่บนโต๊ะจนหมด ไพลินถูกพ่อบังคับให้กินเพราะพ่อเคยรู้ว่าไพลินเกลียด ส่วนแม่ถูกพ่อบังคับให้กินเพราะพ่อเคยรู้ว่าแม่ชอบ ที่โต๊ะอาหารเย็นนั้น ทุเรียนพูแล้วพูเล่าถูกหยิบเข้าปากด้วยเรื่องราวภูมิหลังและสภาวะจิตใจที่แตกต่างไปในแต่ละคน

เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไป มูลค่าและคุณค่าของทุเรียนไม่ได้มีมากและมั่นคงเหมือนแต่ก่อนแล้ว ผลไม้อย่างอื่นมีราคาและเป็นที่ต้องการมากกว่า คนเริ่มมองเห็นทุเรียนเป็นทุเรียนอย่างที่มันควรจะเป็นตั้งแต่ทีแรก ไม่ได้วิเศษวิโสไปกว่ากล้วย กว่าสับปะรด กว่ามังคุด หรืออะไรอย่างอื่นเลย

ความกดดันที่เพิ่มขึ้นควบแน่นกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ไพลินพบว่าไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่ถูกบังคับให้กินทุเรียนเพิ่มเพื่อชดเชยอุปสงค์ที่ลดลง คนที่ไม่ชอบทุเรียนคนอื่นในกลุ่มลับๆ ของเธอที่โรงเรียนก็เช่นกัน ทุกคนรู้สึกอึดอัดและไม่อยากทนกับสถานการณ์นี้อีกต่อไปแล้ว ทุกคนต้องการความเปลี่ยนแปลง ไพลินและเพื่อนๆ เห็นด้วยว่าช่วงเวลานี้เหมาะสมที่สุดที่จะแสดงจุดยืนว่าไม่ชอบกินทุเรียน การกินทุเรียนไม่ควรถูกบังคับจากคนอื่น สังคมรอบตัวและที่บ้านของทุกคนควรจะยอมรับได้สักทีว่า การไม่ชอบกินทุเรียนถือว่าเป็นเรื่องปกติ

ไพลินและเพื่อนต้องการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับคนไม่กินทุเรียนใหม่ เธอถึงขนาดค้นข้อมูลทางวิชาการว่าคนเราตอบสนองกับกลิ่นของทุเรียนไม่เหมือนกัน มีรายงานถึงอาการเวียนหัวและคลื่นไส้อาเจียนในรายที่ทนกับกลิ่นทุเรียนไม่ได้ นั่นถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เอกสารทางการแพทย์ว่าอย่างนั้น แถมยังมีข้อห้ามไม่ให้กินทุเรียนมากเกินไปพร้อมกับแอลกอออล์อีก นั่นเป็นผลลัพธ์ของคนที่มัวเมา คลั่งไคล้ทุเรียน โดยไม่สนใจอย่างอื่น ไพลินอยากให้ทุกคนตระหนักรู้ถึงจุดนี้ จุดที่ทุเรียนอาจทำให้คนตายได้

ข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่ถือว่าเป็นความจริงแท้ที่สุดของโลก ณ เวลานี้ ถูกไพลินและเพื่อนนำมาเผยแพร่ เริ่มจากที่โรงเรียน แล้วขยายกว้างขวางออกไปลงตามถนน ตึกรามบ้านช่อง บริษัทร้านรวง หรือที่ต่างๆ ที่ไพลินและเพื่อนๆ มีกำลังจะพาไป

หลายคนหยุดรับฟัง หลายคนตั้งข้อสงสัย ซึ่งนั่นไพลินถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดี ที่แต่ละฝ่ายจะได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ไพลินคิดว่าจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงคือต้องเอาข้อเท็จจริงมาโต้แย้งกัน ไม่มีแพ้ ไม่มีชนะ ดีหรือไม่ดี มีแต่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง ข้อเท็จจริงไหนที่ถูกต้องมากกว่าก็ควรเติบโตขึ้นมาแทนที่ชุดความคิดที่ถูกต้องน้อยกว่า ไพลินและเพื่อนของเธอมองโลกว่าควรจะเป็นอย่างนั้น

แต่โลกกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น คนบางกลุ่มแม้จะมีความจริงมากองอยู่ตรงหน้า แต่อคติก็ทำให้หูตามืดมัว เลือกสนใจเฉพาะข้อมูลที่ตัวเองชอบ

คนบางกลุ่มอย่างเช่นคนในครอบครัวเธอ

 

การเปิดรับที่สวนทุเรียนต่างจากบนถนนลิบลับ พ่อแม่รู้เรื่องที่ไพลินทำแล้ว พ่อโกรธมากเพราะคิดว่า ยิ่งทำให้คนรู้ตัวว่าไม่ชอบทุเรียนเท่าไหร่ ทุเรียนในสวนที่ค้างอยู่จะยิ่งขายได้น้อยลง บรรยากาศในบ้านอึมครึม หนักอึ้งยิ่งกว่ากลิ่นเหม็นของทุเรียน ไพลินพยายามจะอ้าปากอธิบายเพื่อนำความถูกต้องที่โลกพิสูจน์มาอย่างดีแล้วเข้ามาในบ้าน แต่ความถูกต้องอย่างเดียวในบ้านหลังนั้นคือความถูกที่ออกมาจากปากพ่อ ความถูกต้องที่พ่อเข้าใจ ความถูกต้องที่แม่เออออตามอย่างว่าง่าย ว่าทุเรียนคือของดี ว่าทุเรียนถือของที่ทุกคนควรกิน ว่าทุเรียนคือของที่ทุกคนควรบอกว่าอร่อย

ความถูกต้องและความยุติธรรมเดียวที่พ่อให้กับไพลินได้คือการห้ามไม่ให้ไพลินไปทำกิจกรรมใดๆ ที่ถือเป็นการกล่าวหาว่าร้ายทุเรียนอีก ขังไพลินให้กินทุเรียนอยู่แต่ในบ้าน นั่นคือบทลงโทษของพ่อ ส่วนบทลงโทษของแม่ก็มีให้ไพลินเช่นกัน แม่จับทุเรียนลูกใหญ่ขึ้นมาวางบนโต๊ะด้วยมือเปล่า และใช้มีดปลายแหลมผ่าลูกทุเรียนอย่างชำนิชำนาญ แหวกเปลือกแข็งเหนียวด้วยกำลังแขนสุดแรงให้ฉีกออก เผยให้เห็นพูเหลืองนวล แน่นเปล่งประกายลอยหน้าลอยตาพร้อมกับกลิ่นฉุนรุนแรงที่เสแสร้งว่าหอมนั่น แม่ควักพูที่ใหญ่สุด ได้รูป แน่นกลมกลึงที่สุด ยื่นป้อนให้ไพลินตอดกินอย่างขมขื่นทั้งที่ฝ่ามือของแม่เปื้อนเลือดที่ซึมอกมาจากรูหนามทุเรียนที่ปักทิ้งไว้ในเนื้อ

ทุเรียนเปื้อนเลือดแม่บังเกิดเกล้าป้อนเข้าปากลูกในไส้ นั่นคือบทลงโทษของแม่

 

ไพลินจำใจต้องทนกินทุเรียนต่อไปหลังจากนั้นอีกหลายสัปดาห์ กว่าพ่อแม่จะยอมให้เธอกลับไปโรงเรียน โอกาสทางการศึกษาของเธอหายไปเพียงเพราะเธอออกมาพูดว่าเธอไม่ชอบกินทุเรียน พ่อแม่ของเธอคิดว่าการห้ามไพลินไม่ให้ไปโรงเรียนจะทำให้กระแสการเกลียดทุเรียนซาลงไปบ้าง แต่พ่อแม่เธอกลับคิดผิด ถึงปิดปากไม่ให้ไพลินพูดได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับไพลินกลับทำให้คนอื่นที่ต้องเจอแบบเดียวกันกล้าลุกขึ้นมาพูดแทนเธออีกหลายปากเป็นไฟลามทุ่ง สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลงกำลังพัดโกรกใส่สวนทุเรียน ต้นทุเรียน ทุกต้นสั่นไหวสะท้านผลัดใบทิ้งตามผลที่ร่วงตกเรี่ยราดระเกะระกะไม่มีใครสนใจที่พื้น

ทุเรียนไม่เคยผลัดใบ ครั้งนั้นถือเป็นการพลัดใบครั้งแรก

 

กลิ่นของทุเรียนเหม็นเน่าตลบอบอวลทั่วทั้งสวน ฝูงแมลงวันหัวเขียวบินตอมหึ่ง ผลเละเหลืองที่พื้นเริ่มมีหนอนชอนไช งูเงี้ยวเขี้ยวขอมดมอดกิ้งก่ากิ้งกือตะขาบต่างๆ ก็เริ่มมาอยู่อาศัยหากินอยู่ที่สุมทุมพุ่มไม้และบนซากผลผุไร้ชีวิต สวนทุเรียนไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับหลายคนอีกต่อไป กลายเป็นแดนลึกลับสนธยาที่ไม่มีใครย่างกลายเข้าใกล้ ทุเรียนคงค้างที่เหลืออยู่ก็ไม่มีใครเข้าไปเก็บ ไม่มีใครขอซื้อ เห็นว่าทุเรียนจากสวนคนจีนบุกตลาดไทยจนราคาตกต่ำเป็นประวัติการณ์ จนเอาไปแลกไข่ไก่ยังต้องแถมข้าวสารกลับคืนไปให้เขา ทองหยองบนคอและข้อมือของแม่เริ่มหายไปทีละเส้น รถกระบะโฟร์วีลล์ของพ่อต้องเอาไปเข้าไฟแนนซ์ แต่กระนั้นบนโต๊ะอาหารในบ้านของไพลินก็ยังมีทุเรียนตั้งอยู่กลางโต๊ะเหมือนอย่างเคย

พอถึงตอนนี้ ไม่มีใครบังคับไพลินให้กินทุเรียนอีกแล้ว เหมือนบ้านอื่นหลายบ้านที่พ่อแม่เริ่มยอมรับกลายๆ ว่าบางทีทุเรียนมันก็ไม่ได้น่ากินขนาดนั้น ยิ่งมีข่าวว่ามีคนตายเพราะกินทุเรียนพร้อมกับเหล้าแก้เครียดเกินขนาดยิ่งทำให้พ่อแม่ไพลินขยาด ที่กลัวไม่ใช่เพราะยอมรับว่าทุเรียนไม่น่ากิน แต่เป็นเพราะกลัวตายและมีจุดจบน่าอนาถเหมือนคนที่กินทุเรียนมากเกินไป ความตายนั้นเข้าใจง่ายกว่าเหตุผลใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคิดว่ามันมีโอกาสเกิดขึ้นกับตัว พ่อแม่ของไพลินเริ่มขบกินทุเรียนอย่างระมัดระวังมากขึ้น แต่ถ้าถามว่ายังชอบอยู่ไหม ไพลินว่าพวกท่านก็คงยังชอบอยู่ ความชอบ ความปักใจมันเป็นอะไรที่ถอนขึ้นมายาก จะใช้ตรรกะ เหตุผลมาหักล้มเรื่องที่ตระหง่านตั้งอยู่กลางใจมาหลายปีก็คงต้องใช้เวลา เวลาที่ว่า ไพลินและคนที่ไม่กินทุเรียน คงต้องปรับตัวหาจุดกึ่งกลางกับคนที่กินทุเรียนร่วมกัน

อย่างแรกเลยคือทำให้คุณค่าทุเรียนที่เสียไปแล้วให้กลับมามีมูลค่าคืนอย่างเก่า

ไพลินเสนอให้เอาทุเรียนที่เหลืออยู่มาแปรรูป เปลี่ยนสภาพจากทุเรียนแก่ที่รอวันเน่าเสียหนอนไชทิ้งเปล่าๆ ให้เปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ที่เอาไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ที่สำคัญคือเก็บไว้ได้นานขึ้นไม่บูดไม่เสีย ไพลินว่านี่น่าจะทำให้คนที่ไม่ชอบทุเรียน กินทุเรียนได้ง่ายขึ้น เพราะอย่างตัวเธอเองแม้จะเกลียดทุเรียนปานใด แต่เธอก็ไม่เคยมีปัญหากับทุเรียนทอดเลย แถมชอบกินด้วยซ้ำ

ไพลินขอครูที่โรงเรียนให้ช่วยชาวสวนทุเรียนจัดตั้งสหกรณ์ชุมชนขึ้น ดูแลทิศทางและกำหนดนโยบายราคาต่อรองกันเองโดยไม่ต้องสนใจราคาทุเรียนที่มีอยู่ในตลาด อนาคตของชาวสวนจะได้ไม่ถูกทุเรียนกำหนดอีกต่อไป แต่เป็นชาวสวนที่เอาทุเรียนมาสร้างสินค้าใหม่แล้วกำหนดราคาด้วยตัวเอง แยมทุเรียนเอย ทุเรียนทอดเอย แครกเกอร์ทุเรียนเอย หรือแม้แต่ตังเมลูกอม ก็ถูกผลิตออกมาเพื่อหารายได้กลับมาจุนเจือชาวสวนทุเรียน ทุเรียนในคลังและทุเรียนค้างต้นก็เริ่มถูกนำไปแปรเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย ไพลินและเพื่อนกลุ่มไม่กินทุเรียนก็ยังมาช่วยขายทางออนไลน์ และไลฟ์สดแจกจ่ายทุเรียนที่พวกเธอไม่กินส่งจำหน่ายต่อไปถึงคนที่พร้อมจะกินทุเรียนในที่ต่างๆ มากขึ้น

โต๊ะกินข้าวที่บ้านไพลินนานวันเข้าก็เริ่มมีผลไม้อย่างอื่นมาตั้งแทนทุเรียนบ้างแล้ว พ่อแม่เริ่มเปิดใจกินอย่างอื่นที่ไพลินชอบและบอกกับไพลินไปตรงๆ ว่าท่านชอบหรือไม่ชอบยังไง โดยไม่มีใครโกรธเคืองกัน ไม่มีใครบังคับให้อีกฝ่ายกินของที่ตัวเองชอบ ทุกคนเข้าใจและเคารพความแตกต่างของกันและกัน เริ่มตั้งแต่เรื่องพื้นฐานอย่างผลไม้ ไล่ไปถึงเรื่องใหญ่อย่างทัศนคติทางการเมือง

ตัวไพลินเอง เธอก็ยังยืนยันว่าเธอไม่ชอบกินทุเรียน แต่เธอก็ไม่ถึงขั้นเกลียดทุเรียนเหมือนที่ผ่านมา การแปรรูปทุเรียนทำให้ไพลินทำกิจกรรมอย่างอื่นร่วมกับทุเรียนได้อีกมากมายหลากหลาย เธอคุยกับคนที่ชอบกินทุเรียนได้อย่างสบายใจมากขึ้น มีหลายทีที่เธอคิดว่าตัวเองนึกชอบทุเรียนขึ้นมากว่าแต่ก่อน จากการที่ได้เข้าไปคลุกคลีกับทุเรียนโดยที่เธอไม่ต้องถูกใครบังคับให้กินมัน

ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ประหลาดมหัศจรรย์ มันสามารถทำให้ใครบางคนหลงรักมันหัวปักหัวปำ ในขณะเดียวกันก็ทำให้อีกหลายคนเกลียดมันเข้ากระดูกดำ แต่ไพลินคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องรักหรือเกลียดมัน แค่เธอเข้าใจก็หาทางที่จะอยู่ร่วมกับมันได้อย่างสงบสุข

 

ถึงวันหนึ่งตอนที่พ่อแม่ยกสวนทุเรียนให้ไพลินแล้ว เธออาจจะโค่นต้นทุเรียนทิ้งทั้งหมด แล้วเอาที่ดินไปปลูกต้นอย่างอื่นที่เธอชอบกินมากกว่า แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ทุเรียนทุกลูกจากต้นทุกต้นยังมีประโยชน์และเป็นที่ต้องการอยู่ อย่างน้อยก็สำหรับคนบางกลุ่ม คนบางกลุ่มอย่างเช่นคนในครอบครัวเธอ

วันนี้ไพลินเลือกสอยทุเรียนลูกหนึ่งให้ตกลงมาจากต้น ใส่ถุงมือป้องกันแล้วใช้มีดปลายแหลมปอก ผ่ามันออกอย่างระมัดระวัง สวมแมสก์ปิดจมูกกันกลิ่นหอมฉุนน่าเวียนหัวของก้อนสีเหลืองแน่นอวบที่เปิดเผยออกมาจากเปลือกสีขาวนวล เธอบรรจงหยิบมันออกมาช้าๆ ทุเรียนพูสมบูรณ์สวยงามอยู่ในอุ้งกำมือของเธอ เธอนึกคะนองอยากจะบีบให้เละคามือ แต่เธอก็ข่มกลั้นความคิดพิเรนทร์นั่นเอาไว้ก่อน ค่อยๆ แบ่งส่วนหนึ่งเก็บเข้ากล่องแช่ตู้เย็นไว้เผื่อไปแปรรูปทำแยมวันพรุ่งนี้ อีกส่วนหนึ่งจัดใส่จานขนาดพอดีหนึ่งอิ่ม แล้วยื่นให้พ่อแม่นั่งที่รอรับประทานอยู่บนโต๊ะ เธอวางทุเรียนจานนั้นทิ้งไว้เป็นทางเลือก ไม่ได้บังคับให้พ่อแม่กิน เหมือนที่ท่านเคยทำกับเธอ ถ้าท่านกินเธอก็ตามใจท่าน ถ้าท่านไม่กินเธอก็แค่เก็บกลับเข้าตู้

ชีวิตไพลินไม่ได้ขึ้นอยู่กับทุเรียนอีกต่อไปแล้ว

แต่ความเป็นไปของทุเรียนขึ้นอยู่กับคนที่ไม่ชอบกินทุเรียนอย่างเธอ

อย่างน้อยก็ในบ้านหลังนี้ •

 

รวมเรื่องสั้น-กวีนิพนธ์ ประกวด #มติชนอวอร์ด

https://www.matichonweekly.com/matichon-award