เที่ยวงานวันชาติ 2482 กับสามเกลอ (3)/My Country Thailand ณัฐพล ใจจริง

ณัฐพล ใจจริง

My Country Thailand

ณัฐพล ใจจริง

 

เที่ยวงานวันชาติ 2482

กับสามเกลอ (3)

ความยิ่งใหญ่ของงานฉลองวันชาติปีแรกนั้น ป.อินทราปาลิตบันทึกไว้ในสามเกลอจอมแก่น (2482) ว่า รัฐบาลจัดเตรียมงานวันชาติและฉลองสนธิสัญญาเป็นเวลานานร่วมเดือน มีการเตรียมตกแต่งสถานที่ แต่งประทีปโคมไฟอย่างสวยงาม มีกำหนดการชัดเจน มีการโฆษณาชักชวนให้พี่น้องชาวไทยให้ความร่วมมือร่วมใจตกแต่งธงทิวตามเคหสถาน ซึ่ง เขาเห็นว่า งานวันชาตินี้จะต้องเป็นงานที่มโหฬารที่สุด อันเป็นประวัติการณ์ของชาติ

สำหรับความสนุกสนานของงานวันชาติเป็นอย่างไรนั้น “พระนครและส่วนภูมิภาคมีการประดับตกแต่งเป็นที่เจริญตา ในทางความจำเริญใจก็มีมหรสพกระจายไปทั่วบ้านเมือง เราต้องการหาความเพลิดเพลินในมหรสพชะนิดใดที่ไหนก็ได้ตามความต้องการ”

(ความสำคัญของวันชาติ, 2483, 24)

ขบวนรถแห่งานวันชาติ และพลนิกรฯ ตอนสองเกลอจอมแก่น เครดิตภาพ พล.ต.ต.พีระพงศ์ ดามาพงศ์

ชมความเข้มแข็งของชาติ

ในปีนั้น จอมพล ป. นายกรัฐมนตรีปราศรัยถึงพลังของชาติ ในความหมายใหม่ว่า “ความเจริญก้าวหน้าของเราใน 7 ปีนั้น ไม่ใช่เกิดจากข้าพเจ้า, ไม่ใช่เกิดจากคณะราษฎร, ไม่ใช่เกิดจากคณะรัฐมนตรีปรัตยุบัน แต่เกิดจากความ่ร่วมแรงร่วมใจของพี่น้อง 14 ล้านคนเศษ ความเจริญเหล่านี้ เป็นงานทำสำเร็จมาจากน้ำมือของท่านเป็นส่วนรวมของคณะไทยทั้งสิ้น” (กรมโฆษณาการ, 2482, 21)

ในช่วงบ่าย มีการสวนสนามของทหารแสดงความเข้มแข็งของชาติในยุคประชาธิปไตยที่ถนนราชดำเนิน โดยเหล่าทัพต่างๆ พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย รวมทั้งเหล่ากำลังสำรองจากยุวชนทหาร จากนั้นไปรวมชุมนุมกันที่สนามหลวง ส่วน ป.อินทรปาลิตคาดว่าคงได้ไปเดินเที่ยวงานในวันนั้นเช่นกัน เขาบันทึกบรรยากาศของการสวนสนามไว้ในสามเกลอจอมแก่นว่า “ประชาชนต่างตื่นตาตื่นใจในกำลังแสนยานุภาพของกองทัพบกไทย นักรบของชาติซ่อนร่างอยู่ในเครื่องสนาม ทุกๆ คนองอาจผึ่งผาย สมกับเป็นผู้พิทักษ์รักษาประเทศชาติ” (ป.อินทรปาลิต, 2520, 109)

จากความทรงจำครั้งนั้น ครูเปลื้อง ณ นคร บันทึกสิ่งที่พบเห็นไว้ว่า “รัฐบาลจัดให้มีการสวนสนาม ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า การสวนสนามครั้งนี้ประกอบด้วยทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยุวชน และยุวนารี เป็นการสวนสนามอันยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ไทยมาก่อน เสียงครางของเครื่องบิน รถรบ เสียงฝีเท้าทหารอันกังวานดังสะพรึบพร้อม ภาพเครื่องแบบนักรบไทยอันมีสง่า ทำความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ที่ได้แลเห็น…” (ความสำคัญของวันชาติ, 2483, 23)

ในครั้งนั้น ต่อหน้าสายตาพลนิกรของ ป.อินทรปาลิต คือ

“งานสวนสนามอันมโหฬารในวันชาติครั้งนี้ได้ผ่านไปด้วยความสำเร็จเรียบร้อยเป็นอย่างดี ยังความปรีดาปราโมทย์ให้แก่บรรดาประชาชนคนไทยทั้งหลายที่ได้เห็นกำลังแสนยานุภาพของไทยเข้มแข็งถึงเพียงนี้ ต่อจากสวนสนามบนพื้นดิน ก็มีการสวนสนามทางอากาศเปิดฉากด้วยฝูงเครื่องบินแอโร่ว์บินแปรขบวนเป็นตัวอักษรปรากฏว่า ไทย ต่อจากนั้น เครื่องบินของกองทัพอากาศแบบ 23 คอร์แซ เครื่องบินแบบ 17 เคอร์ทิสฮ็อกชนิดพับฐาน เครื่องบินแบบ 18 เคอรทิสฮ็อกหุ้มฐาน แล้วก็ถึงเครื่องบินยักษ์แบบ 41 มาร์ตินบอมเบอร์ กับเคอร์ทิสฮ็อกแบบ 75 ขับไล่ประจัญบาน…” (ป.อินทรปาลิต, 127)

ขบวนถัดไป คือ เหล่ายุวชนทหาร ครูเปลื้องบันทึกไว้ว่า “ยุวชน ยุวนารีผู้เป็นลูกหลานของเราเดินแถวด้วยฝีเท้าอันมั่นคง ด้วยใบหน้าอาบไปด้วยความภูมิใจในเกียรติแห่งความเป็นไทย” (ความสำคัญของวันชาติ, 2483, 23)

ด้านหนังสือพิมพ์นั้น รายงานถึงความคึกคักว่า “ผู้คนนับแสนรื่นเริงแต่เช้าจนค่ำ” และ “ชาวไทยและเทศในกรุงเทพฯ ได้มีส่วนรับความสนุกสนานบันเทิงจากวันชาติแห่งราชอาณาจักรนี้ทั่วถึงกันตั้งแต่เริ่มงานคือ 5 นาฬิกา จนถึง 24 นาฬิกาล่วงแล้ว ยิ่งกว่านั้นมีเป็นอันมากที่ออกเที่ยวเตร่เอาฤกษ์กันแต่ก่อนถึงวันงาน 2 วัน ทั้งหนุ่มสาวเฒ่าแก่ต่างอุ้มลูกจูงหลานชักชวนเพื่อนฝูงเดินไปดูไฟและธงทิวที่ตามและประดับอาคารพุ่มพฤกษ์ในย่านงาน-ถนนราชดาเนินอย่างสราญใจไม่ผิดอะไรกับวันงานจริงๆ”

(ณัฐกมล ไชยสุวรรณ์, 164)

ชุมนุมรถเกราะที่สนามหลวง งานวันชาติ 2482

ขบวนสวนสนามยุวชนทหาร-ยุวนารี

สําหรับกิจกรรมของเหล่ายุวชนทหารในช่วงค่ำนั้น สมุดกำหนดการระบุว่า ราว 2 ทุ่ม ขบวนยุวชนทหาร 6 กองพัน ยุวนารี 1 กองร้อยร่วมถือคบเพลิง 2,000 คน แบ่งเป็นจำนวน 3 สาย สายที่ 1 ออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง ผ่านแยกวัดตึก ถนนวรจักร ถนนนครสวรรค์ ถนนกรุงเกษม เลี้ยวขวาข้ามสะพานมัฆวาฬรังสรรค์ไปสิ้นสุดที่ลานพระบรมรูปทรงม้า

สายที่ 2 ออกจากท่าราชวรดิษฐ์ ถนนน่าพระลาน ถนนราชดำเนินใน ข้ามสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนจักรพงษ์ เลี้ยวขวาเข้าถนนกรุงเกษม เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานมัฆวาฬรังสรรค์ สิ้นสุดที่ลานพระบรมรูปฯ

และสายที่ 3 ออกจากกองพัทหารมหาดเล็ก ถนนสนามไชย ถนนราชดำเนินใน-กลาง-นอก สิ้นสุดที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เวลา 21.00 น. ที่ลานพระบรมรูปฯ แปรขบวนเป็นรูปต่างๆ และร้องเพลงปลุกใจ เจ้ากรมยุวชนทหารให้โอวาท ยุวชนเปล่งเสียงไชโย และร้องเพลงปลุกใจเป็นชั้นสุดท้าย (สมุดกำหนดการงานฉลองวันชาติฯ, 2482, 20-21)

สำหรับมหรสพที่แสดงในพระนครและธนบุรี เขตชั้นนอกเริ่มแสดงตั้งแต่ 09.00-24.00 น. เขตชั้นใน 19.00-24.00 น.

มหรสพในพระนคร เช่น งิ้ว 4 โรงประชันกันที่สนามหลวง ภาพยนตร์ที่เชิงสะพานพุทธ ลิเกที่วัดชนะสงคราม เพลงที่เชิงสะพานผ่านฟ้า เสภารำที่ข้างวังบางขุนพรหม ภาพยนตร์ของสหศินีมาที่แยกถนนดินสอ อำเภอสัมพันธวงศ์ มีภาพยนตร์ที่ว่าการอำเภอ ละครร้องที่วัดจักรวรรดิราชาวาส อำเภอป้อมปราบฯ มีภาพยนตร์ที่วัดเทพศิรินทร์ อำเภอบางรัก ลิเกที่วัดหัวลำโพง ดนตรีสากลที่ลานวัดสวนพลู อำเภอปทุมวัน แตรวงที่ว่าการอำเภอ ละครรีวิวเชิงสะพานกษัตริย์ศึก

ส่วนอำเภอรอบนอก เช่น ที่อำเภอหนองจอก มีแตรวง ลำตัด มโหรีที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอลาดกระบังมีประชันลำตัด ลิเกที่ว่าการอำเภอ อำเภอธนบุรีมีแตรวงที่เชิงสะพานพุทธ ละครที่วงเวียนใหญ่ ลำครรำที่วัดราชคฤห์ กิ่งอำเภอคลองสานมีลิเกที่วัดทองนพคุณ อำเภอภาษีเจริญมีแตรวงที่ว่าการอำเภอ กระตั้วแทงเสือที่วัดนิมมานรดี เป็นต้น

และในเวลา 22.00 น. ประกวดพลุดอกไม้ไฟ และจุดดอกไม้ไฟที่มีผู้บริจาคให้กับงาน ที่สนามเสือป่า และวงเวียนใหญ่ สำหรับดอกไม้ไฟแบบฝรั่งจุดที่ภูเขาทอง (สมุดกำหนดการฯ, 35-41) โดยงานสิ้นสุดในเวลา 24.00 น.

ป.อินทรปาลิตสรุป “ถ้ารั้วของประเทศไทย ทั้งบก เรือ และอากาศเข้มแข็งไปกว่านี้อีกสัก 3-4 เท่าก็เป็นอันแน่ใจได้ว่า อิสรภาพของชาติจะดำรงอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย แต่ความเจริญรุ่งเรืองของกำลังรบก็ต้องอาศัยการเสียสละและทุนทรัพย์ของพี่น้องร่วมชาติทั้งหลาย” (ป.อินทรปาลิต, 128)

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ร่วมสมัยสรุปบรรยากาศงานวันชาติว่า เป็นงานยิ่งใหญ่และมีประชาชนร่วมงานมากมาย บริเวณงานแออัดยัดเยียดไปด้วยฝูงชน ยวดยานรับจ้างต่างๆ มีผู้โดยสารเต็ม บริษัทห้างร้านเอกชนปิดร้านไปร่วมงาน พร้อมแสดงความเห็นว่า

“เหตุการณ์ในวันชาติ เราได้พบแต่สิ่งที่น่าชื่นชมยินดี จะเหลียวไปด้านไหน พบแต่สิ่งเย็นตา เย็นใจทั้งนั้น ถ้าประชาชนทั้งหลายจะมีจิตผ่องแผ้วเสมอต้นเสมอปลายอย่างกับในวันชาติ ก็ไม่ต้องสงสัยว่าไทยรัฐนาวาจะไม่ลอยลำฝ่าคลื่นลมไปสู่จุดที่หมายคือความวิวัฒนาการเบื้องหน้านั้นโดยราบรื่นสวัสดีที่สุด” (ณัฐกมล, 164)

การแสดงปืนใหญ่ งานวันชาติ 2482
ยุวนารีพยาบาล
ชุมนุมยุวนชนทหารราว 8,000 คน งานวันชาติ