เปิดกลโกง ‘ดารุมะ ซูซิ’ ตุ๋นแฟรนไชส์-คูปองบุฟเฟ่ต์ เหยื่อนับพัน-สูญ 100 ล้าน ล็อกคาสนามบิน-กลับสู้คดี/อาชญา ข่าวสด

ตร.ตรวจร้านดารุมะ

อาชญา ข่าวสด

 

เปิดกลโกง ‘ดารุมะ ซูซิ’

ตุ๋นแฟรนไชส์-คูปองบุฟเฟ่ต์

เหยื่อนับพัน-สูญ 100 ล้าน

ล็อกคาสนามบิน-กลับสู้คดี

 

กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง สำหรับกรณีร้านอาหารญี่ปุ่น ดารุมะ ซูซิ ที่เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ ที่ปิดกิจการอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

นำมาซึ่งความหวั่นวิตกของบรรดาเจ้าของแฟรนไชส์ และลูกค้า ที่ถือคูปองบุฟเฟ่ต์ปลาแซลมอนเป็นจำนวนมาก จนเกิดการตรวจสอบว่าขัอเท็จจริงเป็นอย่างไร

จนเชื่อว่าก่อนจะปิดกิจการ เจ้าของหนุ่มได้เดินทางออกนอกประเทศไปเพียงคนเดียว จนมีหลักฐานเชื่อได้ว่าจะเป็นการเตรียมการฉ้อโกงขนานใหญ่

เมื่อพบว่ามีเหยื่อจำนวนมาก กองปราบปรามจึงเข้ามาตรวจสอบพบว่าความเสียหายมีมากกว่า 100 ล้านบาท และน่าจะเป็นกรณีจงใจฉ้อโกงอย่างแน่นอน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ

สุดท้ายเจ้าของหนุ่มก็บินกลับเข้ามา เพื่อมอบตัวสู้คดี ส่วนขั้นตอนจะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามดูกัน

ตร.ตรวจร้านดารุมะ

ช็อกซูชิดังปิดกิจการดื้อๆ

เหตุการณ์นี้ปรากฏอยู่ในความสนใจของสังคมตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน เมื่อพบว่าร้านอาหารญี่ปุ่น ดารุมะ ซูซิ ที่เปิดเป็นร้านบุฟเฟ่ต์ มีอยู่ 27 สาขา พร้อมใจกันปิดตัว โดยอ้างว่าระบบส่วนกลางล่ม

กรณีดังกล่าวส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ เนื่องจากร้านทั้ง 27 สาขานั้น ส่วนใหญ่เป็นการขายแฟรนไชส์ให้ผู้มาร่วมลงทุน ในราคา 2.5 ล้านบาทต่อสาขา แล้วไม่ต้องบริหารใดๆ รอรับส่วนปันผลเดือนละ 10 เปอร์เซ็นต์

ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษ ขายวอยเชอร์ รับประทานแซลมอนแบบบุปเฟ่ต์ ในราคาใบละ 199 บาท ไม่รวม VAT แต่ต้องซื้อเกิน 5 ใบ ส่งผลให้มีทั้งลูกค้าซื้อคูปองไว้กินอาหาร และพ่อค้าแม่ค้าที่ซื้อเก็งกำไรเอาไว้ขายต่อจำนวนมาก

อีกทั้งพนักงานตามสาขาต่างๆ ผู้จัดการร้าน รวมทั้งเจ้าของสถานที่ที่ให้เช่า ซัพพลายเออร์ที่ส่งสินค้า โดยเฉพาะปลาแซลมอนนั้นต่างไม่รู้เรื่องมาก่อนว่าเหตุใดร้านจึงปิดบริการ

เป็นผู้รับผลกระทบไปตามๆ กัน

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2559 ดำเนินธุรกิจให้บริการร้านอาหาร

มีนายเมธา ชลิงสุข เป็นกรรมการบริษัท ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลัง พบขาดทุนในปี 2559 ประมาณ 4 ล้านบาท แต่หลังจากนั้นมีกำไรเรื่อยมา แต่อยู่ในระดับ 1 ล้านบาทต่อปี

แล้วก็ยิ่งทวีความสงสัยมากขึ้น หนึ่งในผู้จัดการสาขาเผยว่า พนักงานไม่มีใครสามารถติดต่อเจ้าของกิจการได้ เจ้าตัวเด้งออกจากไลน์กลุ่ม ลบไลน์ตัวเอง

พร้อมระบุว่า ก่อนหน้าไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ กระทั่งพบว่าซัพพลายเออร์ไม่ส่งวัตถุดิบให้สาขา เพราะทางบริษัทยังมียอดหนี้เก่าติดค้างอยู่ประมาณ 30 ล้านบาท ทำให้ไม่มีวัตถุดิบ

และว่า บริษัทดังกล่าวไม่มีทีมบริหาร ไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล บัญชี หรืออะไรเลย อำนาจบริหาร การตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่ตัวเจ้าของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว

ความปั่นป่วนจึงปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ

โฆษณาคูปองเจ้าปัญหา

แฉตุ๋นลงทุน-ขายคูปองบุฟเฟ่ต์

หลังจากความโกลาหลที่เกิดขึ้น พอฝุ่นควันจางลง จนทุกฝ่ายเชื่อแน่แล้วว่ามีความพยายามหลอกลวง ไม่ใช่เรื่องของการทำธุรกิจร้านอาหารที่ผิดพลาด เรื่องราวก็ต้องมาถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อม น.ส.ธิดารัตน์ แท่นวิทยานนท์ และ น.ส.นุ่น (นามสมมุติ) เจ้าของแฟรนไชส์ร้านดารุมะ ซูชิ สาขาวัชรพล และสาขาสายไหม เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารดารุมะ ซูชิ ในคดีฉ้อโกง ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

น.ส.นุ่น เจ้าของร้านสาขาสายไหม กล่าวว่า เคยเป็นลูกค้าประจำ เมื่อเห็นทางร้านติดประกาศโฆษณาชักชวนให้มาซื้อแฟรนไชส์จึงสนใจติดต่อทำสัญญาเปิดร้านที่ย่านสายไหม โดยทางเจ้าของแฟรนไชส์จะจัดการดูแลบริหารให้ทั้งหมด แค่รอรับผลกำไร ช่วงแรกก็ไม่มีปัญหา กระทั่งเดือนที่ผ่านมาวัตถุดิบส่งช้า ขาดส่ง และไม่สามารถติดต่อได้

น.ส.ธิดารัตน์ เจ้าของร้านสาขาวัชรพล กล่าวว่า ทำสัญญาจ่ายเงินไป 2.5 ล้านบาท มีกำหนดเปิดร้านเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่กลับไม่ได้เปิดเพราะเกิดเรื่องขึ้น โดยเจ้าของแฟรนไชส์อ้างว่าไม่มีความรู้ด้านธุรกิจอาหารก็สามารถทำธุรกิจได้ แค่จ่ายเงินค่าสาขา การันตีรายได้ว่าจะได้เงินจากยอดขาย 10% พร้อมให้ไอแพดไว้ 1 เครื่อง มาดูยอดลูกค้าและการใช้คูปอง

นายอัญพัชร์ ปิยะสถิตย์โชติ ผู้จัดการสาขาคริสตัลปาร์ค กล่าวว่า เหตุที่ต้องมาแจ้งความ เนื่องจากพนักงานก็ได้รับผลกระทบจากการปิดร้าน ต้องตกงานโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า

น.ส.ซี (นามสมมุติ) กล่าวว่า เป็นลูกค้าประจำของร้านอาหาร สนใจแคมเปญของทางร้านที่โฆษณาอยู่ตามสื่อสังคมออนไลน์ จึงทยอยซื้อคูปองไว้กว่า 600 ใบ ในราคาใบละ 212.93 บาท เพื่อขายต่อราคา 240 บาท ช่วงแรกไม่มีปัญหาอะไร ลูกค้าที่ซื้อไปจึงกลับมาซื้อซ้ำ กระทั่งเกิดปัญหาขึ้นทำให้ตนต้องติดต่อไปหาลูกค้าเพื่อคืนเงินให้ทั้งหมด ก่อนรวมตัวกับผู้เสียหายรายอื่นเข้ามาแจ้งความ

เป็นแค่ส่วนหนึ่งของผู้เสียหาย

ล็อกคาสนามบิน

บินกลับไทยสู้คดี-ตร.ล็อกทันที

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายจำนวนมาก คาดว่าถึงหลักหมื่นราย ทางร้านออกโปรโมชั่นที่เกินความเป็นจริง แต่กลับปิดร้านหลบหนีไป จะเร่งประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อให้รวมคดีมาที่ บก.ปคบ.

“น่าเชื่อว่ามีเจตนาหลอกลวงประชาชน โดยสามารถอายัดเงินเพียงไม่กี่แสนบาท แต่ความเสียหายนั้นหลักร้อยล้านบาท หลังจากนี้จะตรวจสอบทุกอย่าง เช่น เส้นทางการเงิน การกระทำความผิดว่ามีใครเกี่ยวข้องหรือไม่ เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และหากมีการโอนเงินไปยังบุคคลใดก็อาจเข้าข่ายฟอกเงิน”

ต่อมาวันที่ 22 มิถุนายน ก็สามารถจับกุมนนายเมธา ชลิงสุข อายุ 42 ปี เจ้าของร้านดารุมะ ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากที่เจ้าตัวนั่งเครื่องบินกลับมาจากไต้หวัน

โดย พล.ต.ท.จิรภพแถลงผลการจับกุมว่า สอบปากคำผู้เสียหายที่มาแจ้งความแล้ว 100 ราย และแจ้งความออนไลน์อีก 300 ราย แต่รวมผู้เสียหายตามจริงได้หลักพันราย ก่อนจะขอศาลอาญาออกหมายจับ

จากนั้นทราบว่านายเมธาเดินทางออกไปเปลี่ยนเครื่องที่สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เพื่อไปยังปลายทางที่เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วกลับมาที่ไต้หวัน ก่อนกลับมาถูกจับกุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทยในเวลา 11.00 น.

สอบสวนนายเมธา ระบุได้ทำธุรกิจอาหารแล้วเกิดปัญหาสภาพคล่องตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาด มีหนี้สินกว่าร้อยล้านบาท จึงขายวอยเชอร์ออนไลน์ราคา 199 บาท ตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าความเป็นจริง สามารถทำยอดขายได้วันละ 1 ล้านบาท เพื่อนำเงินเข้าระบบให้ประคองธุรกิจต่อไปได้

แต่ท้ายสุดก็ไม่สามารถทำธุรกิจต่อไป จึงตัดสินใจหลบหนีไป แล้วถูกกดดันจากหลายทางจึงตัดสินใจกลับไทย

ทั้งนี้ ในการจับกุมสามารถยึดเงินสดติดตัวได้ 20,816 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 710,000 บาท พร้อมอายัดทรัพย์สินในบัญชีธนาคารหลักแสนบาท

หากตรวจพบเส้นทางการเงินเพิ่มเติมจะพิจารณาแจ้งข้อหาฟอกเงินเพิ่มเติม โดยตำรวจจะนำตัวฝากขังต่อศาลอาญา พร้อมสั่งคัดค้านการประกันตัว

ขณะที่รายงานระบุว่า นายเมธาต่อสู้คดีว่าไม่ได้ตั้งใจฉ้อโกง เป็นแค่การวางแผนธุรกิจที่ผิดพลาด แต่ก็ต้องดูเรื่องพยานหลักฐาน ซึ่งต้องต่อสู้กันตามกระบวนการยุติธรรม

รอผลสรุปว่าเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ อย่าลืมเหยื่อผู้เสียหาย ที่จะต้องได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน!!!