มองอดีต บ้านทหารเสือฯ เห็นอนาคต ‘3 ป.’ ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป๊อก’ ไม่แน่ แต่ ‘บิ๊กป้อม’ ไปต่อ! ‘บิ๊กน้อย’ ตั้งพรรคใหม่/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

มองอดีต บ้านทหารเสือฯ

เห็นอนาคต ‘3 ป.’

‘บิ๊กตู่-บิ๊กป๊อก’ ไม่แน่

แต่ ‘บิ๊กป้อม’ ไปต่อ!

‘บิ๊กน้อย’ ตั้งพรรคใหม่

 

สัญญาณยุบสภา สะพัดในหมู่นักการเมืองฝั่งรัฐบาล ว่า อย่างช้าไม่เกินมกราคม 2566 หรืออย่างเร็วคือหลังประชุมเอเปคในเดือนพฤศจิกายน 2565 เพื่อมีเวลาให้ ส.ส.ย้ายพรรค

จึงไม่แปลกที่มีข่าวว่า บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และพี่ใหญ่ 3 ป. เร่งหาพรรคการเมืองสำรองมาทดแทนพรรคเศรษฐกิจไทย หลังจากที่บิ๊กน้อย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เกิดขัดแย้งกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จนถูกบีบให้ลาออกจากหัวหน้าพรรค

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะให้ พล.อ.วิชญ์ไปดูแลพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ทว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังต้องการเก็บไว้เป็นพรรคสำรองของตนเอง

จึงทำให้ พล.อ.ประวิตรและฝ่ายสนับสนุน ไปหาพรรคใหม่ให้ โดยเป็นพรรคที่มีการจดทะเบียนไว้แล้ว ที่ชื่อ “พรรคพลังไทยชัยชนะ” ที่จะให้ พล.อ.วิชญ์เป็นหัวหน้าพรรค และจะมีการเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมนี้

งานนี้ นอกจากจะมีนักการเมืองรุ่นเก๋าหลายคนมาช่วยกัน ทั้งจากพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเศรษฐกิจไทย ที่อาจย้ายมาซบพรรคใหม่นี้ ในอนาคตอันใกล้

และยังพบว่า มีทุนใหญ่ในแวดวงเครื่องดื่มสุขภาพ ที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเมือง มาเป็นผู้สนับสนุนหน้าใหม่ของวงการ ที่เป็นการสะท้อนบารมีพี่ใหญ่ หลังจากที่ทุนใหญ่บางทุนถูกกำหนดให้เลือกหนุน พล.อ.ประยุทธ์คนเดียว ไม่ต้องหนุน พล.อ.ประวิตร

พรรคนี้ นอกจาก พล.อ.วิชญ์จะอาศัยความเป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร รวบรวมสมัครพรรคพวกแล้ว ยังใช้บารมีของ พล.อ.วิชญ์เองที่ก็มีพรรคพวกเพื่อนฝูงอยู่ไม่น้อยมาช่วยกัน

กล่าวกันในแวดวงการเมืองว่า พรรคพลังไทยชัยชนะนี้ยังไม่มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ พร้อมจะหนุน พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ หาก พล.อ.ประวิตรตัดสินใจ

แต่อย่างไรก็ตาม พรรคพลังไทยชัยชนะยังไม่มี ส.ส.ในสังกัด และดีกรีทางการเมืองของ พล.อ.วิชญ์ก็ยังไม่กล้าแกร่งนัก คาดว่าต้องอาศัยบารมีของ พล.อ.ประวิตร อีกทั้งภาพลักษณ์ของ พล.อ.วิชญ์ ก็คือน้องรักผู้ภักดีต่อ พล.อ.ประวิตรเพียงหนึ่งเดียว จึงทำให้พรรคพลังไทยชัยชนะ ถูกมองเป็นพรรคสาขาของพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคสำรองของพี่ใหญ่ หลังจากที่พรรคเศรษฐกิจไทย ของ ร.อ.ธรรมนัสนั้น อาจไม่ฟัง พล.อ.ประวิตรมากนัก

ดังนั้น หากเทียบชั้นทางการเมืองแล้ว พรรคพลังไทยชัยชนะจึงยังคงเทียบกับพรรคเศรษฐกิจไทย ที่มี ส.ส. 18 คน และมีหัวหน้าพรรคอย่าง ร.อ.ธรรมนัส ที่กลายเป็นขาใหญ่ทางการเมืองไปแล้วไม่ได้

แต่ในแง่จุดกำเนิดพรรค และแบ๊กอัพพรรคแล้ว ถือว่าน่าจับตามองด้วยเกมกระดานนี้ของ พล.อ.ประวิตร เหมือนอยากจะให้ พล.อ.ประยุทธ์พักผ่อน เพราะเหนื่อยมาหลายปี แถมคะแนนนิยมตกต่ำ แต่ก็พร้อมเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ หาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องการไปต่อ

เรียกได้ว่า เปิดช่องให้ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจเอง ว่าจะไปต่อ หรือพอแค่นี้ แต่ พล.อ.ประวิตรก็ไม่เคยประกาศชัดๆ ผ่านสื่อว่า จะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ แค่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ชื่อเดียวหรือไม่

 

แต่ข้อสังเกตหนึ่งที่สะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการไปต่อ ก็คือการไปต่อของ พล.อ.ประวิตร ในเมื่อพี่น้อง 3 ป. เคยสัญญากันว่า อยู่ก็จะอยู่ด้วยกัน แต่ถ้ากลับบ้าน ก็จะกลับด้วยกัน

“ถ้านายกฯ ไป ผมก็ไป” พล.อ.ประวิตรเคยกล่าวไว้ก่อนเลือกตั้งปี 2562

แต่มาตอนนี้ พล.อ.ประวิตรกลับประกาศลั่น ถึงการเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า ผมจะเป็นไปจนกว่าผมจะตาย

รวมทั้งการเตรียมพร้อมที่จะสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า แม้จะออกตัวว่า “ตกเป็นรองพรรคเพื่อไทยทุกทีอยู่แล้ว” ก็ตาม

และแน่นอน การที่ พล.อ.วิชญ์ได้ไปเป็นหัวหน้าพรรคพลังไทยชัยชนะ ก็เป็นอีกสัญญาณที่บ่งชี้ว่า พล.อ.ประวิตรจะไปต่อ

และหาก พล.อ.ประวิตรไปต่อบนถนนการเมือง ก็ย่อมหมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่เป็น มท.1 นิ่งๆ เงียบๆ มา 8 ปี ก็ย่อมไปต่อ

 

ไม่แค่นั้น ยังมีข่าวสะพัดมาจากฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์จำเป็นต้องอำลาเก้าอี้นายกฯ อำลาการเมือง ก็เห็นว่าคนที่เหมาะจะสานต่องานและอุดมการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือ พล.อ.อนุพงษ์นั่นเอง

แม้อาจจะถูกวิจารณ์ว่า ทำไมยังวนเวียนอยู่แต่ในพี่น้อง 3 ป. “ประยุทธ์-ป๊อก-ป้อม” เพราะ 3 พี่น้องยังไม่มั่นใจในคนอื่น หรืออาจต้องใช้เวลาในการพิสูจน์

เพราะนี่คือแผนแรกที่งัดกลับมาใช้อีกครั้ง โดยพี่น้อง 3 ป.ต้องจับมือกันสู้อีกครั้ง แต่ดูจะเป็นการจับมือแบบหลวมๆ ไม่แน่นเหมือนยุค คสช.

หลังจากที่แผนสองของ พล.อ.ประยุทธ์ที่จะแยกวง เดินไปกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่สำเร็จ จึงต้องกลับมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ เอาอนาคตทางการเมืองของตนเองมาฝากไว้กับ พล.อ.ประวิตรอีกครั้ง เพราะบนถนนสายการเมืองนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่อาจเดินต่อไปโดยลำพัง หรือมีแค่ พล.อ.อนุพงษ์

ดังนั้น กระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์พร้อมหยุดพัก แต่จะดัน พล.อ.อนุพงษ์ไปต่อแทนนั้น จึงอาจเป็นการหยั่งกระแสสังคมเท่านั้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กระแส พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ มีเสียงตอบรับที่ไม่สู้ดีนัก

ประยุทธ์ จันทร์โอชา, อภิรัชต์ คงสมพงษ์

สําหรับ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว พล.อ.อนุพงษ์ คือพี่ชายที่รัก และสนิทสนมรู้ใจกันมากกว่า พล.อ.ประวิตร

เพราะเติบโตใน ร.21 รอ.มาด้วยกัน แบบไล่กันมา ตั้งแต่ผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม จนออกนอกค่ายนวมินทร์ฯ กลับถิ่นบูรพาพยัคฆ์ ไปเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.ต่อกันมาตลอด จน พล.อ.อนุพงษ์เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ก็เอา พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 แล้วก็ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แทนหลังรัฐประหาร แล้วก็ขึ้นเป็น เสธ.ทบ. และรอง ผบ.ทบ. จนขึ้น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.อนุพงษ์

พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.อนุพงษ์ เคยมีช่วงวัดใจครั้งสำคัญ คือ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ในปี 2553 นั้น พล.อ.ประวิตรซึ่งเป็น รมว.กลาโหมในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ พล.อ.อนุพงษ์ตั้ง พล.อ.วิชญ์ ผช.ผบ.ทบ. น้องรักอีกคน ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ก่อน 1 ปี เพราะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์มีอายุราชการในเวลานั้น เหลือถึง 4 ปี และเป็นรุ่นพี่ ตท.11 ด้วย

แต่ทว่า พล.อ.อนุพงษ์ยืนกรานที่จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผบ.ทบ.นั่งยาว 4 ปี จนนำรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ก่อนที่จะเกษียณแค่ 4 เดือนเท่านั้น จนพากันลากยาวครองอำนาจเป็นนายกฯ มาถึง 8 ปี

เหล่านี้ จึงทำให้ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.อนุพงษ์ มีความสนิทสนมแนบแน่นมากกว่า และมีความสัมพันธ์ในเชิงบุญคุณ ที่ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์นั่งเป็น มท.1 มายาวนาน 8 ปี โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่กล้าแตะต้อง หรือแม้แต่คิดจะเปลี่ยนให้ พล.อ.ประวิตรนั่งเลยทีเดียว

อีกทั้งตลอดเวลา 8 ปีของการเป็นนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ คือพี่คู่คิด และเพื่อนรุ่นพี่ ที่ไม่เคยห่างกาย และเป็นคนคอยเตือน สะกิดดึง พล.อ.ประยุทธ์ในเรื่องต่างๆ จนเป็นที่รู้กันว่า ในพี่นัอง 3 ป.นั้น พล.อ.อนุพงษ์ คือสายบุ๋นที่คิดวางแผนต่างๆ อยู่เบิ้องหลังสายบู๊อย่าง “พี่ป้อม-น้องตู่” และแยบยลที่สุด ในการให้ตัวเองออกจากไฟโฟกัสได้ในหลายสถานการณ์

เหล่านี้จึงทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ถูกมองว่า สามารถที่จะเป็นนายกฯ ได้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องถอยไปอยู่เบื้องหลัง แต่ พล.อ.อนุพงษ์เคยตอบคำถามสื่อ ตั้งแต่ยุค คสช.แล้วว่า ไม่เคยคิดที่จะเป็นนายกฯ และขอสื่ออย่าได้ถามอีก

ขณะที่ พล.อ.ประวิตรแม้จะเติบโตมาใน ร.21 รอ. เป็นทหารเสือราชินี ด้วยกันกับ พล.อ.อนุพงษ์ รุ่นน้อง ตท.10 และ พล.อ.ประยุทธ์ รุ่นน้อง ตท.12 ตั้งแต่เป็น ร้อยโท ร้อยเอก จนเกิดตำนานต้นกำเนิด 3 ป. เพราะต่างใช้ชีวิตร่วมกันในบ้านพักของ ร.อ.ประวิตร หรือพี่ป้อมในเวลานั้น

แต่ด้วยเกมแห่งอำนาจในกองทัพ และในหน่วย ทำให้ พล.อ.ประวิตรแม้เป็น ผบ.ร.21 พัน 1 รอ. แต่ก็ไม่อาจขึ้นเป็นผู้บังคับกองพัน ใน ร.21 รอ.ได้ ต้องระเห็จไปเป็น ผบ.ร.2 พัน 2 รอ. ที่ช่วงนั้นเป็นผลจากเกิดเหตุการณ์กบฏเมษาฮาวายอีกด้วย

จากผู้พัน พล.อ.ประวิตรถูกย้ายระนาบมาเป็น ผบ.ร.12 พัน 3 รอ.ต่ออีก ก่อนที่จะขึ้นเป็นรอง ผบ.ร.12 รอ. และเป็น ผบ.ร.12 รอ. ไม่ได้กลับกรมทหารเสือฯ ไปเป็น ผบ.ร.21 รอ. แตกต่างจาก พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้เป็น ผบ.ร.21รอ.ต่อกัน

ในห้วงเวลานั้น ก็มีแบ่งขั้วแบ่งกลุ่มใน ร.21 รอ.ด้วยเช่นกัน เพราะผู้พันณรงค์เดช พ.ท.ณรงค์เดช นันทโพธิ์เดช ตท.8 ผบ.ร.21 พัน 2 รอ. กำลังรุ่งเรือง และเป็นความหวังของทหารเสือราชินี และกลายเป็นพี่เลิฟของทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งทุกอย่างยังตรึงอยู่ในความทรงจำของ พล.อ.ประวิตร

แต่พี่ใหญ่ก็คือพี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตรสร้างบารมีของตนเอง ประกอบกับเป็นคนใจกว้าง ชอบช่วยเหลือน้องๆ จึงทำให้ พล.อ.ประวิตรอยู่ในเส้นทางอำนาจ โดยมีบิ๊กเหวียง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ที่ก็เป็นทั้งแม่ทัพภาคที่ 1 จนขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เป็นกองหนุนหลัง จึงทำให้ พล.อ.ประวิตรได้เติบโต และดูแลทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์

แม้ในระหว่างทางจะมีเรื่องคาใจ ระหองระแหงกันบ้าง จากเกมการเมืองใน ร.21 รอ. และ พล.ร.2 รอ.ก็ตาม แต่ที่สุดแล้ว พี่น้อง 3 ป.ก็กลับมารวมกลุ่มก้อนกัน โดยมี พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่เป็นผู้นำ และมีคอนเน็กชั่นกับฝ่ายการเมืองมาตลอด ตั้งแต่กับป๋าเหนาะ นายเสนาะ เทียนทอง เจ้าพ่อวังน้ำเย็น ที่ทหารบูรพาพยัคฆ์ พื้นที่ปราจีนบุรี สระแก้ว ต้องเข้าหา

หรือแม้แต่กับบ้านจันทร์ส่องหล้า ในยุคนายทักษิณ ชินวัตร จนทำให้ได้เป็น ผบ.ทบ.แบบหวุดหวิด โดยที่นายทักษิณต้องยอมย้ายบิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติผู้พี่ ที่นั่งเป็น ผบ.ทบ.อยู่ ไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.ประวิตร

และมีคอนเน็กชั่นกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แห่งรัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่มาทาบ พล.อ.ประวิตรไปเป็น รมว.กลาโหมในปี 2552 ในยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ นั่นเอง ที่ทำให้บารมีของ พล.อ.ประวิตรยิ่งเฟื่องฟู จนผลักดันให้น้องๆ ได้เติบโตในกองทัพ

จากวันนั้นมาสู่วันนี้ จึงไม่แปลกที่ในสายสัมพันธ์พี่น้อง 3 ป.จะมีเรื่องคาใจกันอยู่บ้างจากอดีต และอาจส่งผลต่อความรู้สึกอยู่บ้าง แต่พี่ใหญ่ก็ยอมอภัยให้น้องๆ เสมอ

จนเป็นที่รู้กันดีในหมู่นายทหารสายบ้านป่ารอยต่อฯ หรือสายวงษ์สุวรรณ ที่ว่า พล.อ.ประวิตรไม่เคยทำเพื่อตัวเอง แต่เพื่อที่จะสามารถดูแลน้องๆ ได้ และแน่นอนว่า ไม่คิดแย่งเก้าอี้นายกฯ จากน้อง

แม้กองเชียร์จะเห็นในความสามารถ และพร้อมหนุนให้ พล.อ.ประวิตรเล่นเอง เป็นนายกฯ เอง หลังจากที่ปล่อยให้น้องตู่เล่นแทนมา 8 ปี แต่ผลออกมาอย่างที่เห็น

ถึงขั้นที่ พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยอมรับว่าเป็นรองพรรคเพื่อไทยทุกทีอยู่แล้ว

และกำลังคิดหนักว่า จะปรับแผนอย่างไร หาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องการไปต่อในสมัยหน้า ทั้งๆ ที่คะแนนนิยมลดวูบ เพราะหากน้องต้องการไปต่อ พี่ป้อมก็ไม่อาจห้าม และพร้อมช่วยเท่าที่ช่วยได้

 

จนเกิดกระแสข่าวสะพัดว่า พล.อ.ประวิตรอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์พัก แต่ พล.อ.ประยุทธ์และกองเชียร์ต้องการไปต่อ โดยมีเหตุผลว่า ยังไม่มีใครที่เหมาะสมจะมาแทน พร้อมโยนหินถามทาง โยนชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ออกมาหยั่งเชิง

บางกระแสเกรงว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ถอย พล.อ.ประวิตรจะเลือกคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องการ มาเป็นนายกฯ แทน แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าเป็นใคร เพราะมีหลายคน แต่ก็เกิดกระแสข่าวลือว่า พล.อ.ประวิตรจะดันบิ๊กป๊อด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชายแท้ๆ เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อเกียรติประวัติของตระกูลวงษ์สุวรรณ ในเมื่อ พล.อ.ประวิตรเองไม่อาจเป็นนายกฯ ได้ เพราะปัญหาสุขภาพ และคะแนนนิยม

แต่อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตรเคยพูดถึงน้องชายคนนี้ว่า เขาไม่เล่นการเมือง เขาไม่มายุ่งเกี่ยวอะไร

แต่ที่ผ่านมา ช่วงที่ พล.อ.ประวิตรให้ ร.อ.ธรรมนัสแยกจากพรรคพลังประชารัฐ ไปตั้งพรรคเศรษฐกิจไทยนั้น มีข่าวทางหน้าสื่อระบุว่า พล.อ.ประวิตรให้น้องชายไปช่วยพรรคนี้ด้วย

และเป็นที่รู้กันว่า ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.ต.อ.พัชรวาท มีเรื่องระหองระแหงกันมาตลอด เพราะถูกมองว่าอยู่ฝ่าย ร.อ.ธรรมนัส จนมีเรื่องให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องไถ่ถามแบบสายตรง และถามพี่ป้อมเลยทีเดียว ทำเอา พล.อ.ประวิตรรำคาญใจเสมอ

ดังนั้น หากเทียบดีกรีและประสบการณ์ สายสัมพันธ์ทางการเมืองแล้ว พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ ยังห่างชั้น เพราะหากจะไปต่อโดยไม่มี พล.อ.ประวิตร ก็ย่อมลำบาก

ขณะที่ พล.อ.ประวิตรแม้ขาไม่ดี แต่มั่นใจที่จะเดินไปต่อบนถนนสายการเมืองแบบไม่ต้องมี พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ เพราะยังมีน้องๆ ที่รักและเคารพ พล.อ.ประวิตรตลอดมาและตลอดไป เคียงข้าง เป็นมือเป็นไม้ในการทำงานให้

พี่ใหญ่ส่งสัญญาณที่แน่วแน่มาแล้ว เหลือแต่น้องรองกับน้องเล็กเท่านั้น ที่ต้องตัดสินใจ

พล.อ.ประวิตรถึงบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำงานให้ประเทศชาติมา 8 ปีแล้ว ก็เห็นอยู่ว่าทำทุกงานทุกวัน นายกฯ เหนื่อยหรือเปล่าล่ะ ต้องไปถามเขาดูสิ…และยังมีเวลาในการตัดสินใจ

แต่สำหรับพี่ใหญ่นั้น ไปต่อแน่