คอลัมน์ก่อสร้างที่ดิน

เมื่อวันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา บมจ.ศุภาลัย ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม “ศุภาลัย พรีเมียร์ เจริญนคร” 578 ยูนิต มูลค่ากว่า 2,900 ล้านบาทอย่างเป็นทางการ

สามารถขายหมด หรือ Sold Out อย่างรวดเร็วในวันเปิดตัว

มีผู้สนใจจองซื้อมาเข้าคิวจองซื้ออย่างล้นหลาม เกินกว่าจำนวนยูนิตห้องชุดที่มีจำหน่ายหลายเท่าตัว

นับเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้คนในวงการอสังหาริมทรัพย์

เพราะเป็นปรากฏการณ์ที่สวนกระแสกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ตกต่ำอ่อนแรง สถาบันการเงินปฏิเสธการปล่อยกู้รายย่อยอัตราสูง

เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เพียงแต่สร้างความอิ่มอกอิ่มใจให้กับทีมงานของศุภาลัยเองเท่านั้น แต่นับเป็นกำลังใจแก่บริษัทอสังหาฯ ร่วมวงการอีกด้วย

เพราะเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า กำลังซื้อยังมีถ้าโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ในทำเลที่ดีเหมาะสม รูปแบบโครงการ ราคาเหมาะสม

และแบรนด์เจ้าของโครงการเป็นที่ยอมรับของตลาด

 

ทําเลที่ตั้งของโครงการศุภาลัยพรีเมียร์ เจริญนคร อยู่ใกล้ถนนสายหลัก เจริญนคร สาทร กรุงธนบุรี ใกล้รถไฟฟ้าสายสีทอง สถานีเจริญนคร ใกล้ทางด่วน และใกล้ท่าเรือคลองสาน ท่าเรือดินแดง ท่าเรือเป๊ปซี่ รูปแบบโครงการมาตรฐานแบบฉบับศุภาลัย ระดับราคาก็ตามสไตล์ศุภาลัยที่ผู้ซื้อรู้สึกไม่แพง เห็นโอกาสที่ราคาจะสูงขึ้นกว่านี้อีก ประมาณตารางเมตรละ 95,000 บาท (ยังไม่ถึง 100,000 บาทต่อตารางเมตร)

ในองค์ประกอบสำคัญๆ ของความสำเร็จของโครงการนี้ ปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่มีลักษณะร่วมกับโครงการคอนโดมิเนียมขายดีทำเลต่างๆ ในระยะหลังของปีนี้คือ เป็นโครงการที่มีทำเลที่ตั้งอยู่ในชุมชนหรือติดกับชุมชนหนาแน่นเก่าแก่ กลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่ก็คือคนที่อยู่อาศัยในย่านนั้นๆ อยู่แล้ว ขยายตัวขึ้นแนวสูง

เปลี่ยนลักษณะที่อยู่อาศัยจากแนวราบขึ้นแนวสูงในย่านเดิมที่สะดวกและคุ้นเคย

 

ทราบว่ามา ทางผู้บริหารศุภาลัยเองก็รู้สึกได้ถึงกระแสตอบรับที่ดี เพราะมีการติดต่อสอบถามและขอจองก่อนหน้าเปิดอย่างเป็นทางการจำนวนมาก ในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการจึงเป็นความพยายามบริหารจัดการให้ลูกค้าแท้จริงมีโอกาสได้จองให้มากที่สุด และวางกติกาเงื่อนไขป้องกันการเก็งกำไรให้มากที่สุด

ว่ากันว่า ปิดการขายโครงการศุภาลัยพรีเมียร์ เจริญนคร 2,900 กว่าล้านบาท บมจ.ศุภาลัยก็ถึงเป้าปี 2560 ที่วางไว้ที่ 2,700 ล้านบาทอย่างไม่เป็นทางการเรียบร้อยเช่นกัน

ตัวอย่างความสำเร็จของศุภาลัยปี 2560 ไม่ใช่ภาพสะท้อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งประเทศ เป็นเพียงภาพของบริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่จำนวนไม่มากราย ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงกว่าการเติบโตเศรษฐกิจประเทศ สูงกว่าการเติบโตของตลาด ด้วยการชิงมาร์เก็ตแชร์จากผู้ประกอบการรายกลางรายเล็ก

เป็นความสามารถในการตักน้ำจากบ่อจากบึงต่างๆ ในตลาด ไม่ใช่ตักน้ำหลากจากกำลังซื้อที่เอ่อล้นทั้งตลาดแต่อย่างใด

ตลาดอสังหาฯ ภาพรวมยังเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจรวมของประเทศที่ผู้ประกอบธุรกิจทุกสาขาต่างๆ ทราบกันดีว่าเป็นอย่างไรโดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ทราบ

แต่ก็ยังมีความหวัง หวังว่าจะเจอบ่อน้ำสักแห่ง หวังว่าสักวันเศรษฐกิจและกำลังซื้อจะหลากล้นกลับมาอีก