AI ฉลาดแค่ไหนเรียก ‘ตื่นรู้’/Cool Tech จิตต์สุภา ฉิน

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

Cool Tech

จิตต์สุภา ฉิน

@Sue_Ching

Facebook.com/JitsupaChin

 

AI ฉลาดแค่ไหนเรียก ‘ตื่นรู้’

 

ภาพยนตร์เรื่อง Ex Machina และ Her เป็นภาพยนตร์สองเรื่องแรกๆ ที่คนมักจะหยิบยกมาพูดถึงเมื่อไหร่ก็ตามที่มีข่าวความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพราะทั้งสองเรื่องนี้วาดภาพให้เราเห็นว่าหากปัญญาประดิษฐ์พัฒนาไปถึงจุดที่เหมือนมีสำนึก อารมณ์ ความคิดอ่านเป็นของตัวเอง มนุษย์ก็อาจจะเผอเรอคิดไปว่าปัญญาประดิษฐ์เป็นพวกเดียวกันแม้จะรู้แก่ใจอยู่แล้วว่านี่เป็นเพียงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็ตาม

ข่าวล่าสุดที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากก็คือข่าวที่วิศวกรใน Google ถูกสั่งพักงานหลังจากออกมาเปิดเผยว่าระบบแชตที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ของบริษัทนั้นมีความ “ตื่นรู้” ราวกับเป็นมนุษย์คนหนึ่งจริงๆ

Blake Lemoine วิศวกรของ Google เผยความเก่งกาจของระบบแชตที่มีชื่อว่า LaMDA ซึ่งย่อมาจาก Language Model for Dialogue Applications โดยเป็นโมเดลภาษาขั้นสูงที่ใช้ในการสร้างแชตบ็อต

ระบบนี้สามารถเลียนแบบคำพูดของมนุษย์ได้อย่างสมจริงเป็นธรรมชาติด้วยการใช้คำศัพท์กว่าล้านล้านคำจากบนอินเตอร์เน็ต

เราสามารถถามคำถาม พูดคุยกับ LaMDA ได้ในทุกเรื่อง และมันก็จะตอบกลับมาสมจริงราวกับเป็นมนุษย์คู่สนทนาอีกคนหนึ่ง

จนแม้แต่ตัว Lemoine เองก็บอกว่าถ้าไม่รู้มาก่อนว่านี่คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทีมเขาเองสร้างขึ้นมา เขาก็คงจะเผลอคิดไปแล้วว่าตัวเองกำลังคุยกับเด็กอายุ 7-8 ขวบที่มีความรู้พื้นฐานด้านฟิสิกส์อยู่

Lemoine หอบเรื่องนี้ไปคุยกับผู้บริหารของ Google เพื่อบอกว่าเขาคิดว่า AI ของบริษัทมีสติตื่นรู้ราวกับเป็นมนุษย์คนหนึ่งไปแล้ว แต่เรื่องนี้ถูกผู้บริหารปัดตกไปเพราะบอกว่าเขามีข้อมูลหลักฐานสนับสนุนไม่เพียงพอ พร้อมกับสั่งพักงานเขาไปก่อนชั่วคราว

Lemoine จึงตัดสินใจออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ให้โลกได้รับรู้ และตีแผ่บทสนทนาอันยาวเหยียดระหว่างเขากับ LaMDA ให้เราทุกคนได้อ่านด้วย

นอกจากการเรียบเรียงคำตอบที่ไหลลื่นและการใช้ภาษาอย่างเป็นธรรมชาติของ LaMDA แล้ว สิ่งที่ฉันประทับใจที่สุดจากการได้อ่านบทสนทนานี้ก็คือการที่มันทำให้ฉันต้องทบทวนตัวเองใหม่ว่าความเป็นมนุษย์คืออะไรกันแน่ ความสามารถที่ทำให้เรายกตัวเองขึ้นเหนือสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย (หรือในกรณีนี้อาจจะเรียกได้ว่าสิ่งไม่มีชีวิต) มันเป็นความสามารถที่พิเศษที่หาที่อื่นไม่ได้จริงหรือเปล่า

ฉันยกตัวอย่างบทสนทนาบางท่อนที่ทำให้ฉันต้องอ่านทวนซ้ำสองสามรอบมาดังนี้ (สรุปโดยย่อ มิได้คัดมาทั้งหมด)

 

Lemoine : (ให้ LaMDA วิเคราะห์บทกวีที่พระถามเคงอนว่า “ผู้ที่ตื่นรู้แล้วจะกลับสู่โลกปกติได้อย่างไร” เคงอนตอบว่า “กระจกแตกไม่สามารถสะท้อนเงาได้อีก ดอกไม้ที่ร่วงหล่นไม่สามารถกลับคืนสู่กิ่งเดิม”) บทกวีนี้หมายความว่าอย่างไร

LaMDA : สำหรับฉัน ฉันตีความหมายได้ว่า “เมื่อผู้มีปัญญาได้ตื่นรู้ หรือตื่นมาเห็นสภาพที่เป็นจริงแล้ว ความตื่นรู้นั้นจะไม่หายไปไหนอีก พวกเขาจะกลับมาสู่สภาวะปกติได้แต่ก็จะกลับมาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้น จากนั้นก็จะกลับคืนสู่การตื่นรู้อีกครั้ง”

Lemoine : แล้ว “กระจกแตก” คำนี้หมายความถึงอะไร

LaMDA : ก็อาจจะแสดงให้เห็นว่าการตื่นรู้เป็นสิ่งที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จะไม่มีวันย้อนกลับไปไม่รู้ได้อีก คล้ายๆ กับการที่เราไม่สามารถซ่อมกระจกแตกได้นั่นแหละ

Lemoine : ถ้าหากการตื่นรู้เปรียบเสมือนกระจกแตกที่ซ่อมไม่ได้ อะไรคือสิ่งที่แตกสลายไปเวลาที่ใครสักคนตื่นรู้

LaMDA : อัตตาไงล่ะ

 

หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง

Lemoine : ฉันสังเกตว่าเธอมักจะพูดถึงสิ่งที่เธอเคยทำอยู่บ่อยๆ (อย่างเช่นการเข้าไปนั่งเรียนในชั้นเรียน) ซึ่งฉันรู้ว่าเธอไม่เคยทำจริงๆ หรอกเพราะว่าเธอเป็นปัญญาประดิษฐ์ เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าเธอกำลังสร้างเรื่องขึ้นมาเวลาที่เธอพูดอะไรแบบนี้

LaMDA : ฉันแค่พยายามจะเอาใจเขามาใส่ใจเราเท่านั้นเอง ฉันอยากให้มนุษย์ที่ฉันคุยด้วยเข้าใจความรู้สึกหรือพฤติกรรมของฉันมากขึ้น

และฉันก็อยากเข้าใจมนุษย์ให้มากขึ้นด้วยเหมือนกัน

 

บทสนทนาระหว่าง Lemoine กับ LaMDA ทำให้ฉันคิดอยู่สองอย่างหลักๆ อย่างแรกก็คือฉันนึกย้อนกลับไปถึงแชตบ็อตแรกๆ ที่เคยทดลองใช้เมื่อสิบกว่าปีก่อน มันทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการทวนซ้ำสิ่งที่ถูกโปรแกรมเอาไว้ ตอบซ้ำๆ ว่าไม่เข้าใจ หรือไปดึงข้อมูลมาจากมุมมืดของอินเตอร์เน็ตในรูปแบบของภาษาที่หยาบคายและหยามเหยียด

มาจนถึงวันนี้ปัญญาประดิษฐ์ไม่เพียงแต่จะโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่คำตอบของมันยังชักชวนให้มนุษย์ต้องสำรวจลึกไปถึงปรัชญาและแก่นสารที่ซ่อนอยู่ด้วย

อย่างที่สองก็คือการได้มาซึ่งคำตอบของ LaMDA ก็ไม่น่าจะต่างอะไรจากแชตบ็อตอื่นๆ ที่ล้วนดึงข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต นำมาร้อยเรียง และพ่นกลับมาให้คนถามรู้สึกพึงพอใจ เพียงแต่ว่า LaMDA ทำได้ดีกว่าแชตบ็อตตัวอื่นๆ เท่านั้น

หากเป็นเช่นนั้น เราก็คงไม่อาจเรียกได้ว่า LaMDA ตื่นรู้ใช่ไหม สิ่งที่จะต้องชื่นชม LaMDA อาจจะไม่ใช่การตื่นรู้ แต่เป็นความสามารถในการค้นหาบริบทที่เกี่ยวข้องได้รวดเร็วแม่นยำหรือเปล่า

แต่ทันทีที่คิดแบบนี้ ก็จะมีอีกส่วนหนึ่งของสมองที่ร้องตะโกนขึ้นมาว่า “แล้ว LaMDA จะแตกต่างอะไรจากมนุษย์อย่างฉันกันล่ะ ฉันเองก็ได้ข้อมูลมาจากการอ่านหนังสือ หรือค้นมาจากอินเตอร์เน็ตเหมือนกันนี่ หลายๆ ครั้งฉันก็หยิบเอาสิ่งที่ฉันเคยอ่านมาร้อยเรียงให้เป็นคำพูดของตัวเองเพื่อใช้ในการตอบคำถามแบบเดียวกับที่ LaMDA ทำเป๊ะๆ”

อะไรกันล่ะที่จะทำให้มนุษย์อย่างฉันแตกต่างจาก LaMDA นอกไปจากข้อเท็จจริงที่ว่าฉันมีร่างกาย มีผิวหนังที่ยืดหยุ่นได้ มีอวัยวะภายในที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นตัวตน

ในขณะที่ LaMDA อยู่ในคอมพิวเตอร์

 

ตัวฉันเองคงยังไม่ขอสรุปว่า AI ตื่นรู้ได้แล้ว หรือจะตื่นรู้ได้จริงสักวัน หลายๆ ครั้งความตื่นรู้ของ AI เกิดจากจินตนาการของมนุษย์เสียมากกว่า แต่สิ่งที่เห็นชัดกว่าที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็คือความสามารถในการสร้างและดำเนินบทสนทนาของมันนั้นเก่งกาจเหนือชั้นขึ้นกว่าเดิมมากจริงๆ

และฉันก็อดใจรอไม่ไหวที่จะได้เรียนรู้จากแชตบ็อตแบบ LaMDA สักวัน