ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | มรสุมเศรษฐกิจ กำลังจะเป็นวิกฤตรัฐบาล

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

วันเดียวกับที่ กทม.จัดดนตรีในสวนที่มิวเซียมสยาม คือวันเดียวกับที่ม็อบทะลุแก๊ซรวมตัวที่แยกดินแดง และในเวลาเดียวกับที่วงนั่งเล่นแสดงฝีมือดนตรีชั้นครูให้หนุ่มสาวคนชั้นกลางฟังกลางเมืองเก่าของเกาะรัตนโกสินทร์ วัยรุ่นรากหญ้าและคนรุ่นป้ายายกำลังปะทะตำรวจริมถนนวิภาวดี

กรุงเทพฯ กำลังเปิดเมือง และทั้งเมืองกำลังกลับสู่วงจรของอภิมหานครที่มีประชากรทุกกลุ่มอัดแน่นรวมกันเกือบ 10 ล้าน

แต่ชีวิตของคนที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดินยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับความสุขจากเมืองที่กลับมาเปิดอีกครั้งซึ่งไม่ใช่เรื่องที่คนทุกกลุ่มได้โดยเสมอภาคกัน

แม้จะไม่มีใครเก็บสถิติอายุคนที่ไปงานดนตรีในสวนและม็อบดินแดง แต่หากประเมินจากภาพที่ปรากฏตามเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ผู้ร่วมกิจกรรมทั้งสองกรณีที่อายุใกล้เคียงกันคงมีไม่น้อย ทว่า โอกาสในการเข้าถึงความสุขจากการเปลี่ยนแปลงของเมืองในคนสองกลุ่มกลับต่างกันเหลือเกิน

กรุงเทพฯ หลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ คือกรุงเทพฯ ที่คึกคักด้วยการฟื้นฟูกิจกรรมต่างๆ ที่หยุดชะงักไปตลอดสองปีช่วงโควิดระบาด เมืองที่มีชีวิตชีวาทำให้คนมีความหวังและมีความเชื่อมั่นว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แม้ความจริงแล้วการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะมีผลกับคนแต่ละกลุ่มในเมืองแตกต่างกัน

ขณะที่สยามสแควร์คึกคักพร้อมกับการแสดงดนตรีและถนนคนเดินที่ร้อนแรงด้วยเม็ดเงินจากการบริโภคของหนุ่มสาวในเขตเมือง โครงสร้างเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศกำลังเดินหน้าสู่หุบเหว

ที่สะท้อนว่าความคึกคักของเมืองคือความคึกคักของคนกลุ่มที่อยู่ระดับยอดสุดของเมืองเท่านั้นเอง

พูดให้ชัดยิ่งขึ้น การเปิดเมืองรอบนี้เกิดขึ้นขณะที่เศรษฐกิจของประเทศอาจหมุนกลับสู่ความผันผวนและถดถอยแบบที่เป็นมา 8 ปี

แต่ครั้งนี้ความผันผวนกำลังส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจใหม่ๆ ทั้งที่ปีนี้ควรเป็นปีที่เศรษฐกิจฟื้นตัวหลังโควิดระบาดจนโลกเข้าสู่ภาวะชะงักงันมาเกือบ 3 ปี

ราคาน้ำมันดีเซลที่ทะยานเป็นลิตรละ 35 บาท ทำให้ความเดือดร้อนประชาชนรุนแรงกว่าที่ผ่านมา

เพราะไม่เพียงต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อนักธุรกิจและผู้ประกอบการ

แม้แต่คนจนเมืองที่ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เรียกว่ากลุ่ม “เส้นเลือดฝอย” ก็เดือดร้อนจากสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ด้วยเช่นกัน

เฉพาะในแง่นักธุรกิจนั้น เจ้าของกิจการหลายประเภททยอยประกาศว่าอาจต้องชะลอกิจการหรือลดปริมาณการทำธุรกิจไปแล้ว ตัวอย่างเช่น กลุ่มเรือประมงบอกว่าคงต้องหยุดออกเรือทันที่ดีเซลทะลุลิตรละ 38 บาท ส่วนกิจการที่ต้องใช้รถบรรทุกขนส่งสินค้าก็หันไปใช้รถไฟแทนเพื่อลดต้นทุน

สำหรับกิจการที่ยังประกอบธุรกิจต่อไป หลายกิจการก็ขึ้นราคาสินค้าและบริการไปแล้ว แม้รัฐบาลจะอ้างว่าพยายามควบคุมราคาอย่างเต็มที่

แต่จำนวนสินค้าที่รัฐบาลควบคุมราคาก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวของสินค้าในตลาด

ไม่ต้องพูดว่ารัฐมนตรีพาณิชย์ก็ยอมรับว่าถึงจุดหนึ่งต้องขึ้นราคาสินค้าจริงๆ

ด้วยการเปิดเมืองท่ามกลางการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าและบริการ ความสุขจากการเปิดเมืองเป็นภาพสะท้อนของความแตกต่างทางชนชั้นของเมืองไปในที่สุด ความคึกคักของสยามสแควร์คือความคึกคักของเจ้าที่ดิน, คนมีปัญญาจ่ายค่าเช่าแพงๆ และคนที่มีเงินพอซื้อของแพงๆ จากผู้เช่าเท่านั้นเอง

คนกรุงเทพฯ ทุกคนอยากมีความสุขในชีวิตไม่ต่างคนจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย แต่ความสุขจากการได้ดูดนตรีหรือจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ของเจ้าที่ดินนั้นไม่เท่ากับความสุขของคนทั้งหมด เพราะคนเป็นล้านเข้าถึงพื้นที่แบบนี้ไม่ได้ หรือถ้าได้ก็คือไปในฐานะแรงงานรับจ้างราคาถูกเท่านั้นเอง

คนจนจำนวนมากในเมืองมีอาชีพไรเดอร์, ส่งสินค้า, ขับรถรับจ้าง หรือรับจ้างขนของให้แอพพ์ต่างๆ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนในการทำงานเพิ่มขึ้นด้วย ปัญหาคือคนกลุ่มนี้ไม่สามารถเรียกร้องค่าจ้างเพิ่มจากตอนนี้ได้ การทำงานจึงหมายถึงการหดตัวของกำไร หรือแย่ไปกว่านั้นคือการขาดทุน

คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา อ้างว่ารัฐบาลทำทุกอย่างแล้วเพื่อแก้ปัญหาน้ำมันแพง แต่ประชาชนทุกคนก็รู้เช่นกันว่าการกระทำของรัฐไม่ส่งผลให้ราคาน้ำมันหยุดนิ่งหรือปรับตัวลดลง

หรืออีกนัยหนึ่งก็เท่ากับรัฐบาลไม่สามารถทำให้ต้นทุนด้านรายจ่ายในการใช้ชีวิตของประชาชนลดลงได้แม้แต่บาทเดียว

รัฐบาลเพิ่งประกาศว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคมสูงถึง 8.6% หรือสูงที่สุดใน 41 ปี นับจากปี 2524 โอกาสที่ราคาสินค้าจะทะยานจากนี้จึงมากจนน่าขนลุก นั่นเท่ากับว่าขณะที่รัฐบาลลดต้นทุนด้านรายจ่ายประชาชนไม่ได้ รัฐบาลกลับทำให้มูลค่าของเงินในกระเป๋าประชาชนลดลงโดยปริยาย

เมื่อคำนึงว่าธนาคารแห่งประเทศไทยเคยประเมินในเดือนมีนาคมว่าอัตราเงินเฟ้อปี 2565 และ 2566 จะอยู่ที่ 4.9 และ 1.7 โดยอาจพุ่งสู่ร้อยละ 5 ในไตรมาส 2 และ 3 ของปี 2565 อัตราเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมที่สูงกว่าการคาดการณ์เกือบ 1 เท่าจึงสะท้อนความไม่สามารถจัดการเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยตรง

ด้วยการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล ต้นทุนในการใช้ชีวิตของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น เงินในกระเป๋าประชาชนลดลง ส่วนรัฐบาลล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการควบคุมภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นไปตามทิศทางที่รัฐบาลคาดการณ์

อาจมีคนอ้างว่าเงินเฟ้อรุนแรงหลังรัสเซียรุกรานยูเครนและราคาน้ำมัน แต่รัฐบาลไม่มีหน้าที่อธิบายปัญหา หน้าที่ผู้นำคือแก้ปัญหาเพื่อยุติความเดือดร้อนประชาชนให้มากที่สุด

ทว่า ตอนนี้ไม่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

ยิ่งกว่านั้นคือรัฐอาจไม่มีเครื่องมือทางเศรษฐกิจเหลืออยู่เลย

 

กลยุทธ์ที่คุณประยุทธ์ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจมาตลอดคือแจกเงินโดยอ้อมและโดยตรง แต่ตอนนี้แม้แต่การแจกเงินแบบง่ายๆ อย่างคนละครึ่งเฟส 5 ก็แทบจะถูกพับโครงการไปแล้ว รัฐมนตรีคลังยืนยันชัดเจนว่าทำไม่ได้ ไม่มีเงิน และเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ที่เหลือนั้นอาจมีไม่มากพอ ซึ่งก็คือไม่มีเงินอยู่ดี

ด้วยเหตุที่มาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาลจะสิ้นสุดในเดือนกรกฎาคม 2565 คนจนเมืองและคนรายได้น้อยทั่วประเทศจึงเสี่ยงที่จะเจอมรสุมด้านการดำรงชีวิตขั้นสูงสุด เพราะเมื่อรัฐไม่มีเงินจุนเจือประชาชนผ่านนโยบายคนละครึ่ง ประชาชนก็ถูกทิ้งให้เผชิญปัญหาค่าครองชีพพุ่งตามลำพัง

ไม่มีใครตอบได้ว่าราคาน้ำมันในอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ที่พูดได้แน่ๆ ก็คือไม่มีนักวิเคราะห์รายไหนกล้าบอกว่าราคาน้ำมันจะลดลงภายใน 1-2 เดือน ขณะที่กองทุนน้ำมันในประเทศตอนนี้ใช้ไปแล้วกว่าแสนล้าน เหลือเงินสดแค่ 12,932 ล้าน ซึ่งพยุงราคาน้ำมันได้แค่เดือนมิถุนายน

ล่าสุด กระทรวงพลังงานมีการปรับเพดานราคาน้ำมันดีเซลไปที่ลิตรละ 38 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ธุรกิจหลายส่วนระบุว่าอาจต้องหยุดกิจการ

ยิ่งไปกว่านั้นคือปัญหาสินค้าราคาแพงน่าจะรุนแรงขึ้น เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อที่อาจสูงกว่าสู่ระดับตัวเลขสองหลักโดยปริยาย

จริงอยู่ว่าคงไม่มีทางที่รัฐบาลจะปล่อยให้กองทุนน้ำมันเงินหมดจนค่าน้ำมันพุ่งขั้นเศรษฐกิจพัง แต่ศักยภาพของรัฐบาลในการพยุงราคาน้ำมันถดถอยขั้นใกล้เกิดวิกฤต

ประเทศไทยจึงกำลังเดินหน้าสู่ปัญหาเศรษฐกิจระลอกใหญ่กว่าที่คิด และเป็นปัญหาที่รัฐบาลไม่มีวี่แววว่าจะแก้ไขได้เลย

 

ยังไม่มีวี่แวว่ารัฐบาลจะบรรเทาปัญหาน้ำมันแพง, สินค้าแพง, เงินเฟ้อพุ่ง, ค่าเงินบาทตก ฯลฯ ที่ประเดประดังเข้ามาพร้อมกันในเวลานี้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ ผลกระทบจากปัญหานี้กำลังก่อตัวขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง ถึงขั้นที่อาจจะกินระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1-2 เดือน

ด้วยความถดถอยทางเศรษฐกิจที่คุกคามคนรากหญ้า, คนจนเมือง และคนกลุ่มต่างๆ อย่างไม่เคยเป็น ความไม่พอใจที่คนมีต่อรัฐบาลจึงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นมรสุมลูกใหญ่ในเวลาที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจกำลังจะเกิด และคุณประยุทธ์จะดำรงตำแหน่งครบวาระ 8 ปีในปลายเดือนสิงหาคม

รัฐบาลประยุทธ์กำลังเดินเข้าสู่แดนสังหารทางการเมืองที่หนักหน่วงและรุนแรงยิ่งกว่าปี 2563 ที่มีการชุมนุมของนักศึกษาและประชาชนเพื่อต่อต้านรัฐบาลแทบทุกจังหวัดตลอดทั้งปี