3 จุดเปลี่ยนทัพเรือ จากเรือดำน้ำ ถึง ผบ.ทร. ‘บิ๊กเฒ่า-บิ๊กจอร์จ’ จับมือ ‘บิ๊กโต้ง-ตท.21’ สู้ จับตา 3 ทหารคอหนัง ชิง ผบ.นย./รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

3 จุดเปลี่ยนทัพเรือ

จากเรือดำน้ำ ถึง ผบ.ทร.

‘บิ๊กเฒ่า-บิ๊กจอร์จ’ จับมือ

‘บิ๊กโต้ง-ตท.21’ สู้

จับตา 3 ทหารคอหนัง

ชิง ผบ.นย.

 

กองทัพเรือกำลังมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ทั้งอนาคตของเรือดำน้ำ และอนาคตราชนาวี กับผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) คนใหม่ ที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพราะเป็นห้วงเวลาที่ต้องมีการตัดสินใจว่าจะไปต่อ หรือจะพอแค่นี้ สำหรับเรือดำน้ำจีนลำแรกของ ทร.ไทย ที่จีนยังหาเครื่องยนต์ MTU 396 มาใส่ให้ไม่ได้ หลังจากที่เยอรมนีไม่ยอมขายให้จีน

CSOC รัฐวิสาหกิจต่อเรือของกลาโหมจีน ใช้ความพยายามตั้งแต่กลางปีที่แล้ว เจรจา และใช้ช่องทางการทูต หรือแม้แต่ในระดับรัฐบาลกับรัฐบาล แต่เยอรมนีก็ยังไม่ยอมขายเครื่อง MTU ให้

จนต้องเสนอขอให้ ทร.เปลี่ยนเครื่องยนต์ จาก MTU มาเป็น CHD620 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่จีนพัฒนาเอง แต่ ทร.ไม่ยอมรับ เพราะไม่มั่นใจในประสิทธิภาพ แม้ว่าจะลอกแบบมาจาก MAM 620 ของเยอรมนีมาก็ตาม

ทร.ได้ปฏิเสธข้อเสนอนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ในการมาหารืออย่างเป็นทางการเมื่อ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ทางจีนก็ยังคงเสนอ CHD620 มาอีก แต่พยายามเอาข้อดีในเรื่องสมรรถนะมาให้ ทร.พิจารณา

แต่ ทร. โดยเสธ.แจ๊ค พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เสธ.ทร. ที่เป็นหัวหน้าคณะ ยืนกรานว่า ตามสัญญาคือเครื่องยนต์ MTU จากเยอรมนีเช่นเดิม อีกทั้งเครื่องที่จีนเสนอนั้น เพิ่งผลิต ยังไม่เคยใส่ในเรือดำน้ำของ ทร.จีนมาก่อน จึงยิ่งไม่มั่นใจในประสิทธิภาพ

แต่ด้วยมิตรภาพไทย-จีน และให้เป็นไปตามข้อตกลง ทาง ทร.จึงให้เวลาจีน 60 วันในการแก้ปัญหาเครื่องยนต์เรือดำน้ำ แม้จะรู้ว่า ถึงอย่างไรเยอรมนีก็อ้างมาตรการกีดกันทางการค้าของสหภาพยุโรปที่มีต่อจีน จึงจะไม่ขายเครื่อง MTU ให้จีนก็ตาม

พล.ร.อ.สมประสงค์ พล.ร.ท.รณรงค์ สิทธินันทน์

การยื้อเวลาตัดสินใจออกไปอีก 60 วันนี้ ถูกมองว่า เพื่อให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลผ่านพ้นไปก่อน เพราะฝ่ายค้านจะอภิปรายโจมตีทั้ง 2 ป. คือ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ที่ผลักดันโครงการเรือดำน้ำจีน ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็น รมว.กลาโหม ในยุครัฐบาล คสช. และโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เป็น รมว.กลาโหม เป้าใหญ่ของการอภิปราย

นอกจากนั้น ยังถูกมองว่า เป็นการยื้อเวลาให้บื๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. เกษียณราชการหรือไม่ เพราะมีกำหนดให้คำตอบใน 9 สิงหาคม 2565 ที่เหลือเวลาอีกแค่ 1 เดือนเศษ ก็จะเกษียณ 30 กันยายน 2565 แล้ว อาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ไปจนตลอดรอดฝั่ง

ดังนั้น กระแสข่าวที่สะพัดใน ทร.คือ การยกเลิกสัญญาเรือดำน้ำกับจีน เพราะถือเป็นความบกพร่องจีน ที่ไม่รอบคอบในเรื่องการประสานทำข้อตกลงกับเยอรมนี ที่จีนไม่เคยมีหนังสือรับรองจากเยอรมนีมาก่อนเลยว่า จะขายเครื่องยนต์ให้ ส่งผลให้ ทร.เสียประโยชน์ และเสียโอกาสไป 5 ปี

แต่ ผบ.ทร.ต้องตัดสินใจว่า หากจำเป็นต้องยกเลิกสัญญาซื้อเรือดำน้ำกับจีน แล้ว ทร.จะทำโครงการซื้อเรือดำน้ำต่อหรือไม่ เปิดการคัดเลือกแบบจากประเทศต่างๆ ใหม่ หรือว่าจะเอาเก็บใส่ลิ้นชักไปเลย แล้วไปจัดซื้อเรือผิวน้ำแทน โดยเฉพาะเรือฟริเกตสมรรถนะสูงจากเกาหลีใต้ ที่เคยมีกระแสข่าวลิอมาก่อนหน้านี้

เพราะก่อนหน้านี้ พล.ร.อ.สมประสงค์ก็ไม่ได้เสนอของบประมาณในปี 2566 สำหรับซื้อเรือดำน้ำจึนลำที่ 2 และ 3 แล้ว และชะลอออกไปเป็นปีที่ 4 หลังจากที่ชะลอมาเพราะปัญหางบประมาณช่วงโควิด จน พล.อ.ประยุทธ์สั่งถอย เพราะถูกฝ่ายค้านถล่มหนักอีกด้วย

หากยกเลิกแล้วจัดหาใหม่ คัดเลือกแบบใหม่ เริ่มนับหนึ่งใหม่ ก็เหลือเวลาน้อย กว่าจะเลือกแบบได้ เพราะหากเร่งรีบเกินไป ก็อาจถูกโจมตีว่าล็อกเป้า

แต่หากยอมยกเลิกสัญญาเรือดำน้ำลำแรกกับจีน แต่ไม่จัดหาใหม่ แต่หากจีนยอมคืนเงินที่ ทร.ผ่อนจ่ายไปแล้ว 5 งวด ราว 1 หมื่นล้านบาท แต่จะคืนหมด หรือคืนบางส่วน แล้วชดเชยให้ ทร.ด้วยการมอบเรือดำน้ำมือสองให้ และคิดค่าปรับคืนสภาพ หรืออาจขายเรือดำน้ำชั้นหยวนมือสองให้ในราคามิตรภาพ เพราะเรือดำน้ำจีนที่ประจำการอยู่นั้น ใช้เครื่อง MTU อยู่แล้ว

จึงทำให้ พล.ร.อ.สมประสงค์ถูกจับตามองว่าจะตัดสินใจอย่างไรก่อนเกษียณ หรือจะปล่อยให้เป็น ผบ.ทร.คนใหม่ตัดสินใจ

พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ,พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์

หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนของ พล.ร.อ.สมประสงค์ ก็จะดันบิ๊กจอร์จ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผช.ผบ.ทร. ขึ้นเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ เพื่อสานต่องาน หลังจากที่ดึงกลับจากรองเสธ.ทหารบก.ทัพไทย เมื่อ 1 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ที่ถือว่าเป็นการแผ้วถางเส้นทางไว้ให้แล้ว

เพราะช่วงกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา พล.ร.อ.สมประสงค์มอบหมายงานต่างๆ แบบที่เรียกว่า “ชง” พล.ร.อ.เชิงชาย ให้ได้โชว์ตัว โชว์ผลงาน จนเป็นที่รับรู้กันทั้ง ทร. ว่า จะเป็นว่าที่ ผบ.ทร.คนใหม่แน่นอน บารมีก็เริ่มเบ่งบาน

เช่นเดียวกับในสมาคมภริยาทหารเรือ คุณแดง จตุพร ชมเชิงแพทย์ ภริยา ที่ก็ได้รับความสนใจ และเป็นที่รักของคุณอ้อม ศิริรัตน์ นิลสมัย นายกสมาคมภริยาทหารเรือ แม่บ้านของ พล.ร.อ.สมประสงค์ ที่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันมาก่อนด้วย

ในความรับรู้ของบรรดาทหารเรือ จึงแทบจะไม่ตัองลุ้นเลยว่า ใครจะเป็น ผบ.ทร.คนใหม่

แต่ในความแน่นอนของ พล.ร.อ.เชิงชาย นั้นอาจมีความไม่แน่นอนซ่อนอยู่ เพราะไม่ใช่แคนดิเดต ผบ.ทร.คนเดียว แต่ยังมีบิ๊กโต้ง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ รอง ผบ.ทร. ที่มีความชอบธรรม ทั้งในฐานะที่เป็นรอง ผบ.ทร. ที่ขึ้นมาจากเสธ.ทร. และในฐานะที่อาวุโสที่สุดใน ทร. เพราะครองอัตราพลเรือเอกพิเศษแล้ว และเป็นรุ่นพี่ ตท.21 ขณะที่ พล.ร.อ.เชิงชายเป็นรุ่นน้อง ตท.22 แต่เกษียณกันยายน 2566 พร้อมกัน

แต่เป็นที่รู้กันดีว่า ถึงอย่างไร พล.ร.อ.สมประสงค์ก็ไม่เลือก พล.ร.อ.ธีรกุลเป็น ผบ.ทร.คนใหม่แทนอยู่แล้ว เพราะมองภาพว่าเป็นน้องรักของบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร. ที่ปรากฏชัดแล้วว่า พล.ร.อ.สมประสงค์ และ พล.ร.อ.ลือชัย นั้นผีไม่เผา เงาไม่เหยียบกัน

แม้ พล.ร.อ.ธีรกุลจะดูเงียบๆ นิ่งๆ ประสาคนทำงาน ที่ไม่ชอบพูด ไม่ชอบออกสื่อ แต่บรรดาเพื่อนในรุ่น ตท.21 ต่างก็สนับสนุนให้เป็น ผบ.ทร. อีกทั้งยังมีบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด เป็นกำลังหลัก และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับบิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ.ด้วย

เช่นเดียวกัน ตท.22 ก็สนับสนุน พล.ร.อ.เชิงชาย แม้ว่าจะไม่ได้สนิทสนมกับบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.ก็ตาม จึงทำให้พลังของ ตท.21 และ ตท.22 ถูกจับตา ในการแต่งตั้ง ผบ.ทร.คนใหม่ด้วย

ฝ่าย พล.ร.อ.สมประสงค์นั้นมีมิชชั่นที่สำคัญกว่าการแก้ปัญหาเรือดำน้ำ คือการตั้ง ผบ.ทร.คนใหม่ ที่จะต้องดัน พล.ร.อ.เชิงชายไปถึงฝั่งฝัน บนเก้าอี้แม่ทัพเรือ

จนทำให้ พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ ตท.23 ที่ทำงานหนักสุดในฐานะเสธ.ทร. ถูกมองข้ามไป แม้จะเป็นแคนดิเดต ผบ.ทร.อีกคน ที่มีบทบาทสำคัญในโครงการเรือดำน้ำ แต่เพราะถูกจัดให้เป็นนายทหารในสาย พล.ร.อ.ลือชัย จึงทำให้อยู่นอกสายตาของ พล.ร.อ.สมประสงค์ แม้ว่าในความเป็นจริง พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ไม่ได้สนิทสนมกับ พล.ร.อ.ลือชัยก็ตาม

เช่นเดียวกับบิ๊กวิน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผบ.กองเรือยุทธการ แคนดิเดต ผบ.ทร.อีกคน ที่ถูกมองข้าม เพราะเป็นรุ่นน้อง ตท.25

ดังนั้น ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารของ ทร.ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ จึงทำให้ พล.ร.อ.เชิงชาย กลายเป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทร.คนใหม่ และมี พล.ร.อ.ธีรกุล เป็นคู่แข่ง ขณะที่ พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ นั้นมีอายุราชการแค่กันยายน 2566 ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะชิง ผบ.ทร.แล้ว

ส่วน พล.ร.อ.สุวินยังมีอายุราชการถึงกันยายน 2568 ยังรอลุ้นในปีต่อไปได้

พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์

 

มีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้รับทราบถึงปัญหาใน ทร.นี้มาระยะหนึ่งแล้ว ก่อนที่ พล.ร.อ.สมประสงค์จะไปพบปะชี้แจง ในโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์มากินข้าวกับ ผบ.เหล่าทัพ ในพื้นที่ ทร. แล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง ก่อนที่ พล.ร.อ.สมประสงค์จะดึง พล.ร.อ.เชิงชายกลับมา ทร. ในโผโยกย้ายกลางปี

ดังนั้น พล.ร.อ.สมประสงค์จึงไม่วอรี่กับพลังของ ตท.21 ที่จะดัน พล.ร.อ.ธีรกุลให้ทวงคืนความชอบธรรม เพราะตนเองสามารถเข้าถึง พล.อ.ประยุทธ์ได้ด้วยคอนเน็กชั่นของแกนนำรุ่น ตท.20 ทั้งบิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกลาโหม และบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.

ที่มักจะมาพบปะกินข้าวกันที่บ้านรับรอง ผบ.ทร.ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สร้างในสมัย พล.ร.อ.ลือชัยนั่นเอง ที่ทำให้ พล.ร.อ.สมประสงค์มั่นใจว่าจะผลักดัน พล.ร.อ.เชิงชายเป็น ผบ.ทร.ได้

ส่วน พล.ร.อ.ธีรกุล นั้นเริ่มมีกระแสสะพัดใน ทร.และกลาโหม ว่า หากไม่ได้เป็น ผบ.ทร. ก็จะถูกส่งข้ามมาชิงเก้าอี้ปลัดกลาโหมแทน พล.อ.วรเกียรติ ที่กำลังจะเกษียณ ด้วยเพราะความอาวุโส

แต่ในทางปฏิบัติ พล.ร.อ.ธีรกุลอาจจะถูกเตะออกมาเป็นรองปลัดกลาโหมเท่านั้น เพราะหากไม่มีการโยกย้ายแบบไม่ปกติ ที่จะขยับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ หรือ พล.อ.เฉลิมพล มาเป็นปลัดกลาโหม เช่นกระแสข่าวที่ลือในกองทัพมาหลายเดือน

บิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขะจันทร์ รองปลัดกลาโหม น้องรักนายกฯ และลูกรักบิ๊กป้อม จ่อที่จะเป็นปลัดกลาโหมคนต่อไปอยู่แล้ว เพราะหากจะยอมให้มีปลัดกลาโหมขัดตาทัพ ทางฝ่าย ทบ.คงไม่ยอมให้ทหารเรือได้เป็นปลัดกลาโหม เพราะเมื่อครั้ง พล.ร.อ.สมประสงค์ ก็เคยเป็นรองปลัดกลาโหมที่อาวุโสสุด แต่ไม่ได้เป็นปลัดกลาโหม แต่ ทบ.ผลักดันให้กลับไปเป็น ผบ.ทร. เพราะต้องเปิดทางให้ พล.อ.วรเกียรติ จากเสธ.ทบ.ในเวลานั้น ข้ามมาเป็นปลัดกลาโหม

ดังนั้น พล.ร.อ.ธีรกุลจึงสู้เต็มที่ เพราะถ้าพ่ายแพ้ก็คงถูกเตะโด่งไปเป็นรองปลัดกลาโหม หรือรอง ผบ.ทหารสูงสุด

พล.ร.ท.รณรงค์ สิทธินันทน์
พล.ร.ต.อภิรักษ์ กลิ่นหม่น
พล.ร.ต.สมรภูมิ จันโท
พล.ร.ต.เผดิมชัย สุคนธมัต

ในส่วนของ ทร.ที่ถูกจับตามองอีกตำแหน่งหนึ่งคือ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) ที่กันยายนนี้ บิ๊กค็อก พล.ร.ท.รณรงค์ สิทธินันทน์ จะเกษียณ หลังจากที่นั่งมายาวนาน

แม้เดิมจะถูกขยับขึ้นเป็นพลเรือเอกก่อนเกษียณ ในโยกย้ายตุลาคม 2564 แต่เมื่อ พล.ร.อ.สมประสงค์ได้มาเป็น ผบ.ทร. ก็ให้ พล.ร.ท.รณรงค์นั่ง ผบ.นย.ต่อ แม้จะนั่งมา 2 ปีครึ่งแล้วก็ตาม

ดังนั้น พล.ร.ท.รณรงค์จึงกลายเป็น ผบ.นย.ที่นั่งนานที่สุด ถึงตุลาคมนี้ ถึง 3 ปีครึ่ง เท่าบิ๊กลุง พล.ร.อ.สุวิทย์ ธาระรูป (ตท.11) ที่เคยสร้างสถิติไว้ ก่อนจะขยับขึ้น ผช.ผบ.ทร. ในโยกย้ายตุลาคมปี 2553 ที่นานๆ ครั้ง ผบ.นย.จะได้ถึง 5 ฉลาม

โดยครั้งนี้มีแคนดิเดท ผบ.นย. 3 คน แต่คนที่มาแรง บิ๊กต่อ พล.ร.ต.อภิรักษ์ กลิ่นหม่น ที่รู้กันดีว่าเป็นสายตรงป่ารอยต่อฯ เพราะเป็นเด็ก พล.อ.สุรัตน์ วรรักษ์ เลขานุการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ เพื่อน ตท.6 ของ พล.อ.ประวิตร เพราะการเป็นรอง ผบ.กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด ก็มาช่วยงานป่ารอยต่อฯ

ไม่แค่นั้น พล.ร.ต.อภิรักษ์ยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.22 ของ พล.ร.อ.เชิงชาย ที่จะเป็นว่าที่ ผบ.ทร.ด้วย

แต่ทว่า พล.ร.ต.อภิรักษ์ แม้จะเป็นรอง ผบ.นย. คนที่ 1 แต่ไม่ได้เป็นนักรบพิเศษ เพราะไม่ได้จบหลักสูตรลาดตระเวนระยะไกลสะเทินน้ำสะเทินบก หรือ Recon ที่เป็นหลักสูตรโหดหินอันเลื่องชื่อของ นย. ที่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเป็น ผบ.นย. ที่ต้องมีความเป็นผู้นำ และต้องควบคุมบังคับบัญชาบรรดาทหารเรือคอหนังเหล่านี้

พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ
พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์

กล่าวกันว่า ทหารนาวิกโยธินนั้นมีฉายาว่า “คอหนัง” Leather Necks โดยต้นกำเนิดจากมารีนสหรัฐ ตั้งแต่เมื่อราว 200 ปีที่แล้ว เพราะจะมีการสอด “แผ่นหนัง” ลงในคอเสื้อเครื่องแบบ นย. เพื่อให้แข็ง สำหรับป้องกันการถูกฟันจากดาบของข้าศึก ดังนั้น จึงเรียกทหาร นย.ว่า ทหารคอหนัง

พล.ร.ต.อภิรักษ์จบหลักสูตรส่งทางอากาศ หรือกระโดด (ร่ม) ของเหล่าปืนใหญ่ แต่ทว่า สำหรับทหาร นย.แล้ว การมีเครื่องหมาย น้ำฟ้าฝั่ง “รีคอน” ติดหน้าอก คือที่สุดของ นย.

ขณะที่บิ๊กเดิม พล.ร.ต.เผดิมชัย สุคนธมัต รอง ผบ.นย.อีกคน แม้จะเป็นรุ่นน้อง ตท.23 แต่เป็นทหาร นย.ที่จบหลักสูตรรีคอน แถมจบหลักสูตรส่งทางอากาศ โดดร่มด้วยเช่นกัน และผ่านหลักสูตรจากต่างประเทศมาหลายหลักสูตร จนเรียกว่าเป็น นย.นักรบพิเศษที่ครบเครื่อง และเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.23 ของ พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ เสธ.ทร. แคนดิเดต ผบ.ทร.อีกคน

นอกจากนี้ ยังมีบิ๊กหมอน พล.ร.ต.สมรภูมิ จันโท ที่เป็นทหาร นย.คอหนัง ที่อยู่นอกค่าย เพราะตอนนี้เป็นรอง.ผบ.โรงเรียนนายเรืออยู่ และจบหลักสูตรรีคอน และหลักสูตรส่งทางอากาศ เหล่าทหารราบ และเป็นเพื่อน ตท.24 ของบิ๊กน้อย พล.ร.ท.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสธ.ประจำ ผบ.ทร.ที่มีข่าวว่า พล.ร.อ.สมประสงค์วางตัวไว้เป็น ผบ.กร. ในโยกย้ายตุลาคมนี้ แต่มีอายุราชการถึงกันยายน 2567 ขณะที่ พล.ร.ต.อภิรักษ์ และ พล.ร.ต.เผดิมชัย เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว เพราะจะเกษียณกันยายน 2566

ดังนั้น ต้องรอวัดใจ พล.ร.อ.สมประสงค์ ว่าจะยึดตามวัฒนธรรมองค์กรของทหารนาวิกโยธิน ที่จะเป็นผู้นำหน่วยรบทางบก ที่สำคัญของกองทัพเรือ ต้องมี

“Recon man stand in front” หรือไม่ หรือจะเลือกตามที่เห็นว่าเหมาะสม

เพราะดูเหมือนว่า พล.ร.ท.รณรงค์สนับสนุน พล.ร.ต.เผดิมชัย เพราะเป็นนักรบพิเศษสายบู๊ด้วยกัน เพราะเห็นฝีมือกันมา จึงต้องรอฟังว่า พล.ร.อ.สมประสงค์จะยึดตามที่ พล.ร.ท.รณรงค์เสนอหรือไม่ และระหว่าง พล.ร.ท.รณรงค์ กับ พล.ร.อ.เชิงชาย จะเลือกใครเป็นผู้นำคุมกำลังนักรบนาวิกโยธินคนใหม่

เช่นเดียวกับการตัดสินใจว่า จะตัดสินใจเรื่องเรือดำน้ำจีนอย่างไร และเลือกใครเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ และ ผบ.นย.คนใหม่ด้วย เพราะจะเห็นทิศทางของ ทร.ในยุคหน้าว่า จะสงบเรียบร้อย หรือร้อนแรง