สภาวะสุญญากาศกฎหมาย ปลดล็อกกัญชาพ้นยาเสพติด ตำรวจแบลงก์! เจอโจทย์หิน/บทความโล่เงิน

บทความโล่เงิน

 

สภาวะสุญญากาศกฎหมาย

ปลดล็อกกัญชาพ้นยาเสพติด

ตำรวจแบลงก์! เจอโจทย์หิน

กัญชาปลดล็อกจากยาเสพติดประเภท 5 หลังประกาศกระทรวงสาธารณสุข มีผลบังคับใช้ 9 มิถุนายน 2565

ไทยกลายเป็นชาติแรกในเอเชีย ที่เปิดให้มีการใช้อย่างเสรี และค่อนข้างเสรีที่สุดในโลก แม้จะไม่ส่งเสริมให้ใช้สันทนาการ แต่การใช้สันทนาการก็ไม่มีกฎหมายควบคุมเฉพาะ

สิ่งที่กังวลคือ “สุญญากาศ” ไร้กฎหมายควบคุม เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ…. อยู่ระหว่างการพิจารณารัฐสภา

สายเขียวรู้กันว่า “ยาบ้าทำให้กล้า กัญชาทำให้กลัว” เมื่อไม่ผิดกฎหมาย ทำให้คนยิ่งอยากลิ้มลอง “ใบหญ้าร่าเริง” กันมากขึ้น

เกิดนักเสพหน้าใหม่ จนเกิดคำถามว่าแล้วขอบเขตเพื่อสันทนาการนั้นแค่ไหน กรณีเยาวชนร่วมปาร์ตี้กัญชา, การใช้กัญชาผู้มีอาชีพให้บริการสาธารณะ เช่น โชเฟอร์รถเมล์ พนักงานบริษัทสูบกัญชาในออฟฟิศ เป็นต้น

และที่น่ากังวลคือ กลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าถึงพืชชนิดนี้ได้ง่ายมีผลต่อการพัฒนาสมอง รวมทั้งส่งผลเสียต่อสุขภาพกายทั้งระยะสั้นและระยะยาว

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมกุมารประสาทวิทยา (ประเทศไทย) ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย ชมรมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็กแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยและให้ตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเยาวชน

 

สัญญาณความห่วงใยนี้ดูเหมือนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ผลักดันนโยบาย “กัญชาเสรี” ประจักษ์ดี

โดยได้ออกมาให้ความมั่นใจว่า สธ.จะบริหารสถานการณ์ใช้กัญชา กัญชง ในช่วงที่รอกฎหมายผ่านสภา จะทำทุกอย่างในความสามารถที่มีประคับประคองสถานการณ์ให้ผ่านไปได้

เป็นพืชต่อยอดในการรักษาผู้ป่วย เป็นพืชสร้างกระแสทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าไม่มีกฎหมายควบคุมเลย วันนี้หากใครสูบก่อให้เกิดความรำคาญ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น ควัน พฤติกรรม ยังเข้าข่ายมีความผิดหากมีคนไปแจ้งว่าคนคนนี้ก่อความรำคาญ ก็มีโทษปรับเงินและดำเนินคดีในชั้นศาล คนจะไปใช้ในทางที่ผิดก็ไม่น่าจะมีมาก

ล่าสุดได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้การกระทำให้เกิดกลิ่น หรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด เป็นเหตุรำคาญ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน

เนื่องจากการใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เช่น สันทนาการ อาจส่งผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่โดยปกติสุข หรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

นอกจากนี้ นายอนุทินระบุอีกว่า เบื้องต้นได้มีการดำเนินการเพื่อควบคุมให้การปลดล็อกกัญชาเป็นไปตามจุดประสงค์ให้มากที่สุด อาทิ ที่ประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพืชกัญชาและกัญชง ครั้งที่ 1/2565 ได้วางแนวทางป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

โดยตั้งคณะกรรมการ เช่น คณะกรรมการแพทย์การเยียวยา คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ รวมถึงทางกรมอนามัยที่จะออกประกาศไปยังผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ในการชี้แจงประชาชนถึงประเด็นการห้ามสูบในที่สาธารณะที่ก่อความรำคาญ หรือการสูบแล้วขับขี่ยานพาหนะ

 

ขณะที่ตำรวจซึ่งเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ตกที่นั่งลำบากหน่อย ในช่วงรอยต่อระหว่างที่กัญชาพ้นจากยาเสพติด และ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ยังไม่บังคับใช้เป็นกฎหมาย การที่เจ้าหน้าที่รัฐจะไปจับกุมดำเนินคดีกับใคร ต้องตรวจสอบข้อกฎหมายให้ดีว่า มีกฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจนว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด และกำหนดโทษไว้

ที่สำคัญต้องให้เกิดความสมดุลระหว่างหลักนิติศาสตร์และหลักรัฐศาสตร์

ก่อนปลดล็อก 1 วัน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศอ.ปส.ตร. ได้ให้ความเข้าใจ แม้กัญชาไม่ใช่สถานะยาเสพติด แต่มีการกระทำที่ผิดกฎหมายอยู่ คือ การมี ใช้ จำหน่าย สารสกัดจากกัญชาที่มีปริมาณสาร THC เกินกว่า 0.2% ไม่มีใบอนุญาต ไม่มีใบสั่งแพทย์ ไม่ผ่านการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือเป็นสารสกัดจากกัญชานั้นมีแหล่งที่มาจากนอกราชอาณาจักร ยังถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย

เมื่อตำรวจตรวจพบ จะยังไม่ดำเนินคดีในทันที เนื่องจากไม่เป็นความผิดซึ่งหน้า ตำรวจจะต้องยึดสารสกัดนั้นส่งผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบหาค่าสาร THC สืบเสาะแหล่งที่มา ตรวจหลักฐานการขออนุญาต หากพบว่าผิดกฎหมาย จึงจะเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา ดำเนินคดีภายหลัง

สำหรับการสูบกัญชาในที่สาธารณะ รบกวนสิทธิผู้อื่น มีความผิดตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท

 

ประมวลความเห็นจากข้าราชการสีกากีส่วนใหญ่ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก อยู่ในสภาพแบลงก์ เพราะกฎหมายที่เคยบังคับใช้ยกเลิกไป ต้องประยุกต์กฎหมายอื่นที่มีอยู่บังคับใช้ มีการวิจารณ์ว่า รัฐบาลแก้ปัญหาไม่ครบวงจร ปลดล็อกไปก่อน โดยไม่มีกฎหมายรองรับ เกิดเป็นข้อกังขาหลายประเด็น

ยิ่งระดับปฏิบัติยิ่งอลหม่าน กรณีตามแนวชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน อย่างจังหวัดนครพนม มีขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติลักลอบขนกัญชาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ระหว่างสุญญากาศการบังคับใช้กฎหมาย ตำรวจไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหายาเสพติดได้อีก เจ้าหน้าที่ค่อนข้างจะเกร็งว่า การตรวจยึดจับกุมจะใช้กฎหมายไหนรองรับ ยังไม่ชัดเจน เบื้องต้นจะใช้กฎหมายศุลกากรได้หรือไม่ ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลางก่อน

หรือกรณีเสพกัญชาแล้วขับรถเป็นอันตรายหรือไม่ มีประเด็นให้ถกเถียงว่า ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 43(2) ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่นนั้น ในเมื่อกัญชาพ้นจากยาเสพติดแล้วต้องไปเทียบเคียงเป็นของมึนเมาอย่างอื่น และปริมาณกัญชาในกระแสเลือดเท่าไรจึงจะถือว่าเมา ซึ่งเรื่องนี้ พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. จะหารือผู้เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติอีกครั้ง

ดังนั้น สถานการณ์ขณะนี้ ประชาชนต้องรับผิดชอบตัวเอง หากได้รับความเดือดร้อนของคนในสังคมที่ใช้ช่องว่างจากการปล่อยให้กัญชาเสรี

ถ้าโชคร้ายเจอเจ้าหน้าที่รัฐกังฉิน เรียกรับผลประโยชน์ เนื่องจากเดดแอร์การบังคับใช้กฎหมาย ตกเป็นเหยื่อของโจรในเครื่องแบบ ซ้ำเติมเข้าไปอีก

บอกได้อย่างเดียว คนไทยต้อง “อัตตา หิ อัตตโน นาโถ”