หลังวิกฤตโควิด ผู้นำโสมแดงเดินหน้า เสริมกำลังทัพ-อำนาจปกครอง/บทความต่างประเทศ

AP

บทความต่างประเทศ

 

หลังวิกฤตโควิด

ผู้นำโสมแดงเดินหน้า

เสริมกำลังทัพ-อำนาจปกครอง

ในการประชุมพรรคกรรมกรของเกาหลีเหนือ ซึ่งมีขึ้นเป็นเวลา 3 วันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ประกาศเดินหน้าเสริมสร้างกองทัพให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น

พร้อมประกาศเดินหน้าปราบปรามเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ หรือกระทำการใดๆ ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับ และกระทำที่ไม่ใช่การปฏิวัติ

โดยเรื่องดังกล่าวสำนักข่าวกลางเกาหลี หรือเคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือ ได้รายงานว่า การประชุมพรรคกรรมกรเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา นายคิมและผู้ช่วยคนอื่นๆ ได้หารือกันเกี่ยวกับเรื่องความพยายามในการจัดการกับผู้ที่ไม่เป็นที่ยอมรับและไม่ใช่เป็นการปฏิวัติ รวมไปถึงการใช้อำนาจและการบริหารไปในทางมิชอบ

ผู้นำคิมได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ระดับท้องถิ่น ให้การสนับสนุนเพื่อส่งเสริมความเป็นผู้นำ และกิจกรรมทางการเมืองของพรรคผ่านระบบข้อบังคับที่เข้มแข็ง

การออกมาประกาศดังกล่าว บรรดานักวิเคราะห์มองว่า ถือเป็นความพยายามของผู้นำคิมที่ต้องการสร้างความเป็นเอกภาพขึ้นภายในประเทศให้มากขึ้น เพื่อเอาชนะการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความลำบากด้านเศรษฐกิจของประเทศ

อย่างไรก็ตาม การประกาศดังกล่าว ยังไม่ได้มีการระบุถึงวิธีการหรือการกระทำที่แน่ชัดว่าจะทำอะไรบ้าง

 

ขณะที่บรรดาผู้สังเกตการณ์บอกว่า เป็นไปได้ว่า การปราบปรามดังกล่าว อาจจะเป็นความพยายามในการเพิ่มอำนาจในการควบคุมประชาชนของผู้นำคิมให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น และให้ผู้คนให้การสนับสนุนการเป็นผู้นำของนายคิม ท่ามกลางความทุกข์ยากภายในประเทศเกาหลีเหนือ

โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผู้นำคิมได้พยายามดิ้นรนออกมาเรียกร้องให้ผู้คนต่อต้าน “พฤติกรรมต่อต้านระบบสังคมนิยม” ในประเทศเกาหลีเหนือ ท่ามกลางความกังวลจากโลกภายนอกเกี่ยวกับความเปราะบางทางเศรษฐกิจของประเทศเกาหลีเหนือ ที่อาจจะถูกโจมตีโดยการระบาดของโรค อันเนื่องมาจากการปิดชายแดนประเทศ การคว่ำบาตรของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของนายคิม

ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า การที่เกาหลีเหนือยกระดับมาตรการจำกัดการเดินทางที่เข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ได้ทำให้เศรษฐกิจของเกาหลีเหนือที่อยู่ในสภาวะยากเข็ญอยู่แล้ว ตึงเครียดมากขึ้นไปอีก

 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทางการเกาหลีเหนือได้ออกมายอมรับว่า มีผู้ติดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในประเทศเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้เกาหลีเหนือไม่เคยมีรายงานผู้ติดโควิด-19 แต่อย่างใด

และหลังจากนั้น มีรายงานผู้ติดโควิด-19 ในเกาหลีเหนือทั้งสิ้นราว 4.5 ล้านคน หรือคิดเป็นกว่า 17 เปอร์เซ็นต์ของประชากร 26 ล้านคนทั่วประเทศ และมีผู้เสียชีวิตเพียง 72 รายเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศหลายคน ต่างพากันสงสัยเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ในประเทศเกาหลีเหนือ และเชื่อว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อหรือเสียชีวิตที่สื่อเกาหลีเหนือเปิดเผยนั้น อาจจะมีการปรับเปลี่ยนข้อมูลเพื่อป้องกันความเสียหายทางการเมืองแก่ผู้นำคิม และสนับสนุนการควบคุมภายในประเทศและสนับสนุนการเป็นผู้นำของนายคิม จอง อึน

ทั้งนี้ ระหว่างการประชุมของพรรคกรรมกร คิม จอง อึน ยังบอกด้วยว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ได้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตเลวร้ายที่สุดไปแล้ว พร้อมกับสั่งให้เจ้าหน้าที่แก้ไขจุดอ่อนและจัดการกับปีศาจ ในการทำงานเพื่อต่อต้านโรคระบาด และก้าวต่อไปเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการต่อต้านโรคระบาดของเกาหลีเหนือ

 

นอกเหนือไปจากเรื่องของการประกาศปราบปรามเจ้าหน้าที่แล้ว ในการประชุมของพรรคกรรมกรของเกาหลีเหนือ ก็ยังมีการประกาศยกระดับกองทัพของประเทศเพิ่มขึ้นไปอีก โดยผู้นำคิมยังคงยืนยันว่า การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือนั้น เป็นสิทธิอันชอบธรรมในการปกป้องตัวเอง

อย่างไรก็ตาม รายงานของเคซีเอ็นเอนั้น ไม่ได้มีการระบุถึงเป้าหมายเจาะจงหรือแผนการใดๆ เกี่ยวกับการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในอนาคต

และที่สำคัญ ไม่ได้มีการรายงานระบุโดยตรงไปถึง “เกาหลีใต้” หรือแม้แต่ “สหรัฐอเมริกา” สองชาติที่เกาหลีเหนือมองว่า ร่วมมือกันกระทำการอันเป็นการยั่วยุ ด้วยการซ้อมรบด้วยกัน

ขณะที่เกาหลีเหนือเองก็ได้ทำสถิติด้วยการยิงขีปนาวุธในช่วงครึ่งปีแรกนี้ไปถึง 18 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 31 ลูกแล้ว ในจำนวนนี้ยังรวมไปถึงการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี!!