จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 29 กันยายน-5 ตุลาคม 2560

จดหมาย

ธรรมกาย

ผมได้อ่านบทความของ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรื่อง ธรรมกาย จากคนที่มองห่างๆ ไม่ได้เข้าไปข้างใน

ท่านมองเห็นความสะอาด สว่าง สงบ เป็นการปฏิบัติในแง่ของโลกียะ

ท่านมองถูกแล้ว

แต่อยากให้ท่านเข้าไปข้างใน

ได้ดูการปฏิบัติของจริงเหมือนที่ผมเคยสงสัยและได้เข้าไปปฏิบัติจริงเมื่อปี 2538

ท่าน อ.นิธิ เป็นปัญญาชน เมื่อเข้าไปพบ คงจะได้การปฏิบัติที่ดีได้อย่างแน่นอน

เหมือนท่านปัญจวัคคีย์ ผู้เคยเป็นอาจารย์ของพระพุทธเจ้า

ธรรมกาย ตามความหมายก็คือ กายของพระพุทธเจ้าผู้มีธรรมะนั่นเอง

ต้นกำเนินของวัดพระธรรมกายก็มาจาก หลวงพ่อสด จันทสโร และแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง

ต่อมาก็มีปัญญาชนจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งก็คือท่านธัมมชโย และท่านทัตตชีโว เป็นผู้สืบสาน

จนมีศิษย์จากมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทหาร ตำรวจ และข้าราชการ เป็นจำนวนมาก

ท่านสอนพวกที่อยู่ในโลกโลกียะ ที่ยังมีกิเลส ตัณหา ให้เข้าถึงโลกุตตระ จนปราศจากกิเลส

โดยมีเป้าหมายคืออริยสัจ 4 ซึ่งเป็นสุดยอดของการปฏิบัติเพื่อนิพพาน

พระพุทธองค์ท่านมีทศพลญาณ เมื่อท่านตรัสรู้ ท่านมองออกว่าจะสอนใครให้มองเห็นธรรม

รู้ว่าปัจจวัคคีย์ทั้ง 5 จะไปถึง ท่านก็สั่งสอนจนบรรลุแล้วก็มีผู้เลื่อมใสเข้ามาเรื่อยๆ

จนเกิดพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ได้เผยแผ่ธรรมะของพระพุทธเจ้าไปเรื่อย

จากตะเกียง 1 ดวง จะจุดตะเกียงได้อีกเป็นร้อยๆ ดวง ฯลฯ

ธรรมกายก็เอาหลักของพระพุทธองค์อีกแบบหนึ่ง โดยดึงพวก “โลกียะ” เข้าไปหาโลกุตตระ

คนที่ผิดหวังในชีวิตทำอะไรไม่สำเร็จ พ่อค้าที่ขายสินค้าขาดทุน คนอกหักในเรื่องความรัก ฯลฯ ให้เข้าไปอยู่ในที่สะอาด สว่าง สงบ จนได้พบกับสัจธรรม

ปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลก 235 ประเทศ มีมหาวิทยาลัยวิชาธรรมกายแคลิฟอร์เนียเกิดขึ้น

สิ่งดีๆ มีมากมายเหลือที่จะบรรยาย

แต่ท่านอาจารย์นิธิ จับเอาบางอย่าง เช่น การก่อสร้าง การเรี่ยไร เงิน มองอีกด้าน สิ่งดีๆ ก็มีแต่ไม่มองกัน

สมัยปัจจุบันโลกพัฒนาไปมาก

ป่าที่อุดมสมบูรณ์เงียบสงัดที่พอจะนำคนเข้าไปหาความสงบสงัดเพื่อปฏิบัติธรรมก็หมดแล้ว

ก็ต้องเอาอาคารใหญ่โต แต่มีความสะอาด สว่าง สงบ เพื่อพาคนเข้าพบธรรมะ

หลักใหญ่ก็ให้คนเข้าถึงอริยสัจ 4 เข้าถึงมรรคมีองค์แปด เพื่อบรรลุมรรคผลนิพพาน

แต่ก็ต้องมาโดนขัดขวางทุกวิถีทาง

โปรดคิด “สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคมมองเห็นดาวอยู่พราวพราย”

รักกันไว้เถิด เราเกิดบนแดนไทย เวลาที่พวกเราอยู่ในโลก ไม่นานหรอก

ต่อไป คนอายุ 100 ปี แทบจะไม่มีแล้ว ควรจะทำสิ่ง “สมุมติ ให้เป็นวิมุตติ” สาธุ

ตะวันรอน อ.ลอง จ.แพร่

 

“ธรรมกายจากอีกมุมมองหนึ่ง” ของ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นั้น

ว่าที่จริงได้เปิด “มุมกว้าง” ต่อการมองวัดพระธรรมกาย อย่างดีทีเดียว

อย่างไรก็ตาม เมื่อ “ตะวันรอน อ.ลอง จ.แพร่” แฟนที่เหนียวแน่นของ “มติชนสุดสัปดาห์”

และเหนียวแน่นกับการปฏิบัติตามแนวธรรมกายมาตั้งแต่ปี 2538

จนถือว่าเป็น “คนใน” เห็นว่า “อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์” เป็นคนนอกที่ไม่อาจเข้าใจคนในได้ดี

จึงได้แย้งมา ซึ่งก็น่ารับฟัง

และเป็นเรื่องที่ดี ที่คนอ่านอื่นจะได้แง่มุมเพิ่มอีกหลายด้าน

และจะได้ติดตามว่า ข้อสรุปของ อ.นิธิ ที่ว่า

“…ธรรมกายถูกคณะทหารที่ยึดอำนาจบ้านเมืองล้อมปราบไปแล้ว ด้วยความเห็นชอบอย่างพร้อมเพรียงของเหล่าปัญญาชน

ผมไม่ทราบว่าธรรมกายจะฟื้นขึ้นมาได้ในอนาคตหรือไม่

แต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่า พุทธศาสนาในเชิงปฏิบัติสำหรับชาวบ้านที่ไม่สนใจหลักธรรมคำสอนเป็นพิเศษจะกลับมาเฟื่องฟูอีก

ในนามของอะไรก็แล้วแต่ และอย่างที่ปัญญาชนพอรับได้หรือไม่ก็แล้วแต่…”

จะเป็นจริงหรือไม่–น่าติดตาม