ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 มิถุนายน 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
สุจิตต์ วงษ์เทศ
ฉะเชิงเทรา ‘ทวารวดี’
ที่พนมสารคาม-สนามชัยเขต
จ.ฉะเชิงเทรา ลุ่มน้ำบางปะกง มีชุมชนในวัฒนธรรม “ทวารวดี” เมื่อ 1,500 ปีมาแล้ว บนพื้นที่สองฝั่งคลองท่าลาด-คลองระบม-คลองสียัด อ.พนมสารคาม-อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา
[คลองระบม-คลองสียัด เป็นส่วนหนึ่งของบริเวณที่เรียก “ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด” (ฉะเชิงเทรา, สระแก้ว, จันทบุรี, ระยอง, ชลบุรี) พื้นที่ต้นน้ำอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพและแร่ธาตุ]
ชุมชนบ้านเมืองสืบเนื่องไม่ขาดสายตั้งแต่สมัยการค้าโลก หรือวัฒนธรรมทวารวดี ราวหลัง พ.ศ.1000 สืบเนื่องถึงสมัยการค้าสำเภาจีน เมื่อ 1,000 ปีมาแล้ว ราวหลัง พ.ศ.1500 ต่อเนื่องสมัยอยุธยา เมื่อ 700 ปีที่แล้ว เรือน พ.ศ.1800 กระทั่งปัจจุบัน
หลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์-โบราณคดี (เท่าที่พบแล้ว) มีดังนี้
1. สถูปเจดีย์วัดท้าวอู่ไท ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา
2. สถูปเจดีย์บ้านโคกหัวข้าว ต.บ้านซ่อง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
3. คูน้ำเป็นวงกลมบ้านคูเมือง ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
“ทวารวดี” ฉะเชิงเทรา มิได้อยู่โดดเดี่ยว แต่เป็นเครือข่ายทรัพยากรและการค้าของรัฐใหญ่ ได้แก่
1. เมืองมโหสถ (อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี) มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดถึงเมืองพระนครบริเวณโตนเลสาบในกัมพูชา
2. เมืองพระรถ (อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี) และเมืองพญาเร่ (อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี)
[ข้อมูลเหล่านี้ได้จากหนังสือ (1.) อารยธรรมฝั่งทะเลตะวันออก ของ ศรีศักร วัลลโภดม สำนักพิมพ์มติชนพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2545 หน้า 10-63, (2.) วิถีคนบนป่าตะวันออกผืนสุดท้าย รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ “ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมท้องถิ่น ชุมชนบ้านป่าต้นน้ำ คลองระบม-สียัด” โดยวิบูลย์ เข็มเฉลิม และคณะ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2548 หน้า 51-84]
เส้นทางการค้า คลองท่าลาด
คลองท่าลาดไหลเชื่อมแม่น้ำบางปะกงที่ปากน้ำเจ้าโล้ (อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา) เป็นเส้นทางคมนาคมสู่ภายนอกของ “ทวารวดี” ฉะเชิงเทรา
1. ออกอ่าวไทย ที่ปากน้ำบางปะกง (อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา-อ.เมือง จ.ชลบุรี)
2. เชื่อมโยงแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านคลองสำโรง (อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา) ออกเจ้าพระยาทางสมุทรปราการ-กรุงเทพฯ ติดต่อได้สะดวกถึงรัฐทวารวดี-ละโว้ (ลพบุรี) และรัฐหลั่งเกียฉู่ (นครปฐม) ฯลฯ
เจดีย์พันปี วัดท้าวอู่ทอง
เจดีย์อายุพันปี วัดท้าวอู่ทอง สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา พบที่เมืองเก่า คลองท่าลาด อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา [จาก มติชนออนไลน์ วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2565]
“เจ้าอาวาสวัดท่าลาดใต้องค์ปัจจุบันซึ่งเคยอยู่วัดท่าลาดเหนือมาก่อน บอกว่าเจดีย์ที่เหลือซากในพุ่มไม้เป็นของวัดท้าวอู่ทองที่ร้างนานแล้ว” นางสุรางค์ เช้าเจริญ ข้าราชการครูบำนาญ โรงเรียนพนมสารคาม “พนมอดุลวิทยา” อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บอกเรื่องเล่าและมอบภาพถ่ายเจดีย์ร้างให้ทีมงาน “ทอดน่องท่องเที่ยว” ของมติชน ซึ่งเจดีย์ร้างของวัดท้าวอู่ทองมีต้นไม้ขึ้นปกคลุม 2-3 เนิน ปัจจุบันอยู่ใกล้วัดท่าลาดเหนือ
นายรุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล อาจารย์ประจําคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคําแหง พิจารณาจากภาพถ่ายซากเจดีย์วัดท้าวอู่ทอง พบว่าอิฐแผ่นใหญ่และหนาแบบอิฐวัฒนธรรมทวารวดี จึงน่าเชื่อว่าเป็นเจดีย์สมัยก่อนอยุธยา และอาจเก่าถึงสมัยทวารวดี เนื่องจากชุมชนแถบนี้มีความเก่าแก่ถึงสมัยทวารวดี และน่าเชื่อว่าเจดีย์องค์นี้อย่างน้อยอายุพันปี หรือราว พ.ศ.1500
“อิฐขนาดใหญ่ของซากเจดีย์ร้างองค์นี้ดูจากรูปถ่ายที่ครูสุรางค์ส่งมาแล้ว ขอเดาว่าเป็นอิฐทวารวดี แต่จะตอนต้นหรือปลายต้องไปดูของจริงให้เห็นแก่ตาตรงสถานที่จริง” นายศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ คอลัมนิสต์มติชนสุดสัปดาห์ และอดีตอาจารย์คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร บอกตามที่เห็นจากภาพถ่ายโดยยังไม่เคยเห็นสถานที่จริง
เจดีย์พันปี วัดท้าวอู่ทอง ปัจจุบันอยู่ใกล้ระหว่างวัดท่าลาดเหนือกับวัดท่าลาดใต้ ซึ่งเป็นวัดที่มีอายุราวสมัยอยุธยาตอนต้น พบพระพุทธรูปหินทรายขนาดใหญ่สมัยอยุธยาตอนต้น ร่วมสมัยพระพุทธโสธร และทั้งสองวัดนี้อยู่บริเวณชาวบ้านเรียก “ท่าข้าม” ตรงกับข้อความในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ว่าพม่าอังวะยกกองทหารทวนน้ำเจ้าโล้คือคลองท่าลาด ขึ้นไปดักซุ่มโจมตีกลุ่มพระเจ้าตากที่ยกหนีออกจากอยุธยา ผ่านทางนี้มุ่งไปเมืองระยอง หลังปะทะกันที่ท่าข้าม (พนมสารคาม) กองทหารพม่าอังวะแตกหนีไปปากน้ำเจ้าโล้แล้วถอยกลับไปกองทัพใหญ่ล้อมอยุธยา •