สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร/”รวมหัว”สู้”เด็ดหัว”ไม่พอ

สถานีคิดเลขที่ 12/สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

—————————–

“รวมหัว”สู้”เด็ดหัว”ไม่พอ

——————————-

การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ภายใต้ ยุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ของพรรคฝ่ายค้าน ที่พุ่งเป้าไปที่ 3 ป. หัวหน้าและเลขาธิการพรรคสำคัญ ในรัฐบาลนั้น

แน่นอนว่า ในฝั่งฟากรัฐบาล รัฐมนตรี แต่ละคน นอกจากจะไม่ยอมให้ถูก เด็ดหัว ง่ายๆแล้ว

ยังต้อง “รวมหัว”กันสู้ แบบรวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย

อะไรที่ขบเหลี่ยมซ่อนคมกันอยู่ คงต้องเก็บเอาไว้

แน่นอนไม่เว้นแม้แต่ ในกลุ่มพี่น้อง 3 ป. ที่คงต้องสมานสามัคคีกันให้ดี เพื่อให้รอดพ้นศึกใหญ่เฉพาะหน้าไปก่อน

ส่วน ใครจะไปต่อ อย่างไร คงต้องว่ากันทีหลัง

ดังนั้น แนวโน้มที่เชื่อว่าจะได้เห็น ในการลงมติซักฟอกที่จะเกิดขึ้น นั่นคือ ฝ่ายรัฐบาลคงระดมเสียงให้เป็นเอกภาพมากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ขณะเดียวกันก็ต้องเสริมพลังดูด ในทุกวิถีทาง เพื่อให้เสียงส.ส.ฝ่ายค้านแปรพักตร์มาอยู่ข้างรัฐบาลให้เยอะที่สุด

โมเดลการโหวต พ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 จะต้องเกิดขึ้นอีก

นั่นคือเสียงรัฐบาล บวกเสียงฝ่ายค้านแปรพักตร์ ต้องท้วมท้น

โชว์ว่าญัตติซักฟอก ของฝ่ายค้านไม่มีน้ำยา แถมคนของฝ่ายตนเองยังมาซบข้างรัฐบาลอีก

การรวมหัวสู้ คราวนี้จึงสำคัญ

ถ้าบี้ฝ่ายค้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความมั่นใจ ที่จะ”ไปต่อ” ก็จะมีมากขึ้น

ตรงกันข้าม เกิดฝ่ายค้าน ข้อมูลดี และคุมเสียงให้แน่นๆถึงอาจจะไม่ชนะในการโหวตในสภา แต่หากสกรัม นายกรัฐมนตรี บวก 9 รัฐมนตรี ได้หนักๆ จนสบักสะบอมไปสู่สนามการเลือกตั้งครั้งหน้า

ความหวังที่จะ”ไปต่อ”ก็คงหนักหนาสากรรจ์มาก

โดยเฉพาะกับพล.อ.ประยุทธ์ หากเป็น”เป็ด”เดี้ยง คงเจอโรคซ้ำกรรมซัด กระหน่ำแน่

พี่ป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็คงต้องคิดหนักว่าจะกระเตงน้องต่อไปหรือไม่ เพราะยังไม่ทันไร ก็มีการโยนหินก้อนๆใหญ่ออกมาแล้ว ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ามาเสียบเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแทน

ถือเป็นการชุมมือเปิป แบบน่าเกลียด เพราะต้องไม่ลืมว่า การลงมติพ.ร.บ.งบประมาณ 2566 นั้น พล.อ.ประวิตร ลงแรงไปมากผลถึงออกมาดีกับรัฐบาลอย่างที่เห็น

แต่จู่ๆกลับมีข่าวพล.อ.ประยุทธ์ จะมาหยิบชิ้นปลามันอีก ซึ่งยากจะยอมรับ

และคงเป็นตะกอนในใจของพี่น้อง 3 ป.ที่พร้อมจะขุ่นมัวอยู่ตลอดเวลา

อันไม่เป็นผลดีกับการไปต่อ ของพล.อ.ประยุทธ์สักเท่าไหร่

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีปรากฏการณ์ “ชัชชาติเอฟเฟ็กต์” มาซ้ำเข้าไปอีก

ทำให้เกิดการเปรียบเทียบ แบบจี๊ดๆ ขึ้นมา

นั่นคือ ระหว่าง 8 ปี แห่งการครองอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ กับ 8 วันของการเข้ามาทำงานผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร ของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชาวบ้านมีความหวังกับใครมากกว่ากัน

8ปีของการทำงานอันหนักหน่วงถึงขนาด ไม่มีโอกาสแม้แต่เหยียบน้ำทะเล ที่พล.อ.ประยุทธ์ โอดครวญ กับการวิ่ง เต้น เล่น ร้อง ผสานไปกับการทำงาน ทำงาน ทำงาน ของนายชัชชาติ ถูกนำวางเทียงเคียงกันว่าอันไหนเข้ากับยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตใหม่ กว่ากัน

ซึ่งว่าไปแล้ว สนามการเมืองเล็ก ไม่อาจไปเทียบกับสนามการเมืองใหญ่ได้ แต่การเปรียบเทียบก็ได้เกิดขึ้นมาแล้ว

และกลายเป็นคำถามอันแหลมคมที่พุ่งเข้าหาพล.อ.ประยุทธ์

โดยเฉพาะการจะไปต่อ ทางการเมือง การ”รวมหัว”สู้”เด็ดหัว”คงไม่พอ

หากแต่ต้องเป็นตัวแทนแห่งอนาคตและในฐานะผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงด้วย

ซึ่ง 8 ปี ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นได้เพียงใด