ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 มิถุนายน 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ท่าอากาศยานต่างความคิด |
เผยแพร่ |
ท่าอากาศยานต่างความคิด
อนุสรณ์ ติปยานนท์
บางอย่างในความรักของเรา (13)
ผมกลับเข้าสู่ห้องเรียนอีกครั้ง หมกมุ่นกับการอ่านหนังสือเพื่อสอบกลางภาคของภาคการศึกษาที่สอง ผมพบว่าตนเองทำข้อสอบได้ไม่ดีนักในแทบทุกวิชา ยกเว้นแต่วิชาอารยธรรมตะวันตกของอาจารย์นพพร ผลการสอบและคะแนนดิบรวมถึงช่วงของเกรดถูกติดไว้ที่กระดานหน้าคณะศิลปศาสตร์ ผมรอจนกลุ่มนักศึกษากลุ่มสุดท้ายที่มาดูผลคะแนนของพวกเขาจากไป มันเป็นเวลาเย็นมากแล้ว เสียงเรือด่วนเจ้าพระยาวิ่งไม่ขาดสายเพื่อพาผู้คนกลับบ้าน
จากคะแนนหนึ่งร้อยเต็มผมทำได้ถึงเก้าสิบคะแนน ผลการสอบเช่นนั้นให้ความสุขกับผมอย่างมาก
เป็นความสุขเพียงเรื่องเดียวที่เกิดขึ้นกับผมในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา
อาจกล่าวด้วยความสัตย์จริงว่าแม้นผมตั้งใจที่จะช่วงชิงปิ่นกลับมาสู่โลกของผม ผมก็ยังหาได้เห็นทางใดที่จะกระทำการเช่นนั้นจนสำเร็จ เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ยังดูเป็นจินตนาการ
ผมเดินผละออกจากหน้ากระดานที่ติดผลคะแนน นั่งลงบนที่นั่งหินกลมรอบต้นโพธิ์ มีนักศึกษาคนหรือสองคนเดินผ่านผมไป พวกเขาน่าจะเป็นนักศึกษาคนท้ายๆ ที่จะออกจากมหาวิทยาลัยนี้ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะหมดหน้าที่ของมัน
นั่งอยู่ตรงนั้น ตรงใต้ต้นโพธิ์ ตรงบริเวณที่เรียกว่าลานโพธิ์ ผมหวนนึกถึงอดีตของพื้นที่แห่งนี้ หลายสิบปีก่อน พื้นที่ที่ผมนั่งทอดอาลัยตายอยากคือพื้นที่ที่เปี่ยมด้วยแรงปะทุ ด้วยพลังงาน ผู้คนนับพัน นับหมื่นมารวมตัวกันที่นี่เพื่อหวังการเปลี่ยนแปลง พวกเขาต้องการการเลือกตั้ง ต้องการการหลุดพ้นจากการปกครองที่มีทหารเป็นแกนสำคัญ
พวกเขาต้องการรัฐธรรมนูญ ต้องการเสรีภาพที่จะกำหนดบทบาทและหน้าที่ของตนเอง
ธีรยุทธ บุญมี เสกสรรค์ ประเสริฐกุล คือชื่อของบุคคลในตำนานของพื้นที่แห่งนี้ที่ไม่อาจจะเว้นเสียได้ เสียงโทรโข่ง เสียงกู่ก้องเพื่อการเปลี่ยนแปลงคงดังระงมไปทั่วบริเวณ
แต่ ณ วันนี้ ในเย็นวันนี้ เสียงเดียวที่ผมได้ยินคือเสียงถอนหายใจของตนเอง
ผมเงี่ยหูฟังเสียงดังกล่าว พยายามจะอาจหาญถึงขั้นที่จะฟังเสียงเต้นของหัวใจ แต่แน่นอนมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เรารู้ว่าหัวใจของเราเต้นอยู่เสมอแทบทุกเวลานาทีวินาที แต่หัวใจของเราเต้นอย่างเงียบงัน เต้นอย่างสงบเงียบเชียบ ปราศจากความอึกทึกครึกโครมใด ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ หัวใจของเราก็เต้นอย่างเงียบเชียบ
สิ่งเดียวที่เราจะรู้สึกได้ล้วนผ่านความรู้สึกของเราเพียงเท่านั้น ในความสุขเรารู้สึกคล้ายดังหัวใจทำงานหนัก เบิกบานและลิงโลด ในความทุกข์เรารู้สึกว่าหัวใจของเราเอื่อยช้าและดูสิ้นหวัง
เราสำรวจมันผ่านความรู้สึกของเราและเราคาดการณ์ต่อมันตามความรู้สึกเหล่านั้นเอง
มีเวลาเหลืออีกราวสองเดือนก่อนที่จะปิดภาคการศึกษา คะแนนสอบของชั้นปีที่ 1 นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะมันจะกลายเป็นเกรดสะสมที่จะติดตัวเราไปตลอดเวลาอีกสี่ปีที่เหลือ
การทำคะแนนสอบในชั้นปีแรกได้ไม่ดีจะส่งผลต่อคะแนนสอบในชั้นปีถัดไป
การจะเอาชนะใจปิ่นและคนรอบข้างของเธอหมายความว่าผมจะต้องรักษาสถานภาพของนักศึกษาไว้ให้ได้ และนั่นหมายความถึงการทำงานหนักเพื่อผ่านชั้นปีนี้ไปก่อนที่จะคิดถึงเรื่องอื่นในเวลาต่อมา
ผมเดินออกจากมหาวิทยาลัย โดยสารเรือข้ามฟากข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อนร่วมชั้นปีคนหนึ่งของผมบอกว่ามีหอพักราคาไม่แพงนักสำหรับนักศึกษาซ่อนตัวอยู่แถวพรานนกและรอบๆ ผมตัดสินใจที่จะใช้เวลากับการเดินทางให้น้อยที่สุดและใช้เวลาให้กับการเรียนอย่างมากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้
ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงที่อยู่ของตน
ผมเดินไล่เรื่อยไปตามซอยแถวนั้น มองหาหอพักและห้องเช่าก่อนจะสะดุดกับป้ายที่แขวนอยู่หน้าประตูเหล็กในซอยที่ทะลุออกไปยังวัดละครทำ มีห้องว่างหนึ่งห้องในบ้านไม้สองชั้นหลังนั้น เป็นบ้านไม้ที่มีอายุราวห้าสิบปี เจ้าของเป็นนายทหารเรือบำนาญที่กั้นห้องชั้นบนและล่างรวมกันได้สี่ห้อง
เขาสำรวจตรวจตราผมด้วยการมองเผินๆ ก่อนจะพาผมขึ้นไปดูห้องชั้นบน ขนาดของห้องมีความกว้างและยาวราวสองเมตรคูณสองเมตร มีหน้าต่างบานใหญ่อยู่ที่ฝาด้านหนึ่งซึ่งเมื่อเปิดออก เราจะมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาได้จากระยะไกลอันเป็นทิวทัศน์เดียวแห่งความเพลิดเพลิน
“ห้องน้ำอยู่ข้างล่างและเป็นห้องน้ำรวม ค่าเช่าห้องเดือนละแปดร้อยบาท ถ้าสนใจก็มัดจำไว้ก่อนแล้วจ่ายที่เหลือเป็นค่าเช่าล่วงหน้าเดือนแรกตอนย้ายเข้ามา” ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านเอ่ย
ผมเปิดกระเป๋าเงินหยิบธนบัตรใบละร้อยบาทจำนวนสองใบให้เขาก่อนจะยกมือไหว้เขาอย่างสุภาพ
“พรุ่งนี้เย็น ผมจะย้ายของเข้ามา” ผมบอก
และไม่นานนับจากนั้นผมก็พบว่าตนเองกำลังโบยบินสู่อิสรภาพที่ผมคิดถึงมันมาเนิ่นนาน
ผมใช้เวลาเก็บของใช้ส่วนตัวและสิ่งของที่จำเป็นอยู่ตลอดคืน เช้าวันรุ่งขึ้นผมเขียนจดหมายบอกพ่อและแม่ฝากไว้กับน้องสาว
พ่อกับแม่ออกไปทำงานตั้งแต่เช้ามืดเหมือนเคย อันที่จริงผมสามารถดักรอสนทนากับพวกท่านได้ แต่ผมรู้สึกดังว่าคำอธิบายทั้งหลายของผมหากผ่านการเขียนจะชัดเจนกว่า น้องสาวของผมรับจดหมายฉบับนั้นไว้ในมือก่อนจะขอตัวไปขึ้นรถประจำโรงเรียนที่มารับเธอ
ผมออกจากบ้านเป็นคนสุดท้ายในเช้าวันนั้น ปิดประตูบ้านราวกับการเดินทางไกล คงอีกสักพักใหญ่กว่าผมจะได้หวนกลับมา
ภาพที่ผมหมกตัวอยู่ในห้องของตนเอง จมอยู่กับความปวดร้าวที่คิดถึงปิ่นเมื่อหลายเดือนก่อนยังคงหลอกหลอนผมและผมจำเป็นต้องมีชีวิตใหม่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้
เมื่อเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัย ผมเข้าไปที่ร้านสหกรณ์ประจำมหาวิทยาลัย ซื้อหาสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิต สบู่ แชมพูสระผม ปากกา สมุดและของจิปาถะอีกสองสามสิ่ง ก่อนออกจากร้านผมหยิบบุหรี่หลายซองรวมลงไปในของเหล่านั้น ถึงเวลาที่ผมควรจะสูบมันอย่างจริงจังเสียที
ผมใช้เวลาตลอดบ่ายวันนั้น ทบทวนเค้าโครงการเรียนการสอนของทุกวิชา จดรายชื่อหนังสือทั้งหมดรวมทั้งรายชื่อตำราที่แนบท้ายเค้าโครงการสอน
ผมแยกแต่ละวิชาออกจากกันตามลำดับความยากง่าย ในเทอมที่สองนี้ผมมีวิชาเรียนรวมหกวิชา เป็นวิชาประจำคณะสองวิชา วิชาพื้นฐานของมหาวิทยาลัยอีกสี่วิชา
ผมจดรายชื่อหนังสือที่สำคัญได้ราวยี่สิบกว่าเล่ม ซึ่งหมายความว่าในแปดสัปดาห์ผมต้องอ่านหนังสือให้จบราวสองถึงสามเล่มต่อสัปดาห์ หรือโดยเฉลี่ยสองวันต่อหนึ่งเล่มเลยทีเดียว
หนังสือสิบเล่มแรกถูกผมยืมออกจากห้องสมุดประจำมหาวิทยาลัย ผมแยกหนังสือเหล่านั้นใส่กระเป๋าอีกใบหนึ่งนอกเหนือจากกระเป๋าที่ใส่สิ่งของประจำตัว ผมโดยสารด้วยเรือข้ามฟากในช่วงเย็น เดินตรงไปยังบ้านเช่าที่จะกลายเป็นที่อยู่ใหม่ของผม เงินหกร้อยบาทที่เหลือสำหรับค่าเช่าถูกนำส่งมอบให้กับผู้เป็นเจ้าของบ้าน ผมรับกุญแจห้องจากเขา เริ่มต้นทำความสะอาดห้องด้วยไม้กวาดอ่อนที่ผมซื้อมา
หลังจากนั้นผมขอยืมถังน้ำและเศษผ้าเก่าจากผู้เป็นเจ้าของบ้าน ผมถูพื้นห้องจนสะอาดเอี่ยม เปิดพัดลมในห้องอันเป็นของใช้เดียวที่ผู้เป็นเจ้าของบ้านเช่ามีให้กับทุกห้องเพื่อระบายความอับชื้น
เมื่อความมืดมาถึง ผมก็กองหนังสือที่นำติดตัวมาต่างหมอนและใช้เสื้อยืดวางทับลงบนนั้นอีกครั้งหนึ่งเพื่อใช้มันต่างหมอน
ผมทิ้งศีรษะลงบนหมอนสมมุติใบนั้นและหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนแทบจะทันที
ผมตื่นขึ้นกลางดึกด้วยความรู้สึกหิวโหย โซซัดโซเซลงมาทางบันไดไม้ตรงชานระเบียงที่นำไปสู่ห้องน้ำสองห้องข้างหลังบ้าน ผมแขวนผ้าขาวม้าไว้กับราว อาบน้ำเย็นจัดเพื่อให้ตนเองสดชื่น
ช่วงเวลานั้นมีใครบางคนใช้ห้องน้ำห้องข้างๆ เขาคงเป็นเพื่อนร่วมห้องเช่าคนใดคนหนึ่งในอีกสามห้องที่เหลือ
ใช่สิ ผมมีเพื่อนร่วมบ้านอีกสามคน พวกเขาเป็นใครกันหนอ นักศึกษาที่อยากแสวงหาชีวิตแบบผมหรือคนที่กำลังเริ่มต้นวัยทำงานหรือชายชราที่ไร้ญาติ
ผมจินตนาการถึงเพื่อนร่วมบ้านก่อนจะราดน้ำจากถังน้ำเย็นเฉียบลงทั่วตัวเป็นขันสุดท้าย
ไม่ช้าก็เร็ว ผมคงได้พบพวกเขา ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะจินตนาการถึงเรื่องนี้ไปล่วงหน้า
หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ ผมเดินออกจากซอยบ้านช่างหล่อ ตรงไปยังตลาดพรานนก ข้อดีของพื้นที่แถบนี้คือมันไม่เคยมีเวลาหลับใหล เขียงหมูขนาดใหญ่กำลังเปิดทำการ ซากหมูที่เพิ่งออกจากโรงเชือดถูกแบกเข้าไปชำแหละภายในร้าน มันช่างดูเป็นมหรสพแห่งความตายในยามค่ำคืนที่มีสีสันอย่างยิ่ง
ผมเลือกร้านอาหารตามสั่งข้างทางร้านหนึ่งเป็นที่ฝากท้อง หลังจัดการกับข้าวไข่เจียวหมูสับจนหมดจาน ผมก็เดินต่อเนื่องไปจนถึงโรงพยาบาลศิริราช ผมได้นอนหลับไปแล้วหนึ่งตื่น ผมไม่มีความง่วงงุน
และผมอยากสำรวจค่ำคืนในดินแดนแถบนี้อย่างละเอียดลออในฐานะของผู้มาใหม่คนหนึ่ง •