‘ชัชชาติ สุกี้’ / ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ : หนุ่มเมืองจันท์

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

หนุ่มเมืองจันท์

www.facebook.com/boycitychanFC

 

‘ชัชชาติ สุกี้’

 

ตอนนี้คน กทม.อยู่ในช่วง “ชัชชาติฟีเวอร์”

ตื่นตาตื่นใจกับสไตล์การทำงานแบบถึงลูกถึงคน

เริ่มงานตีห้า จนค่ำมืด

ทำงานทุกวันไม่เว้นเสาร์-อาทิตย์

ลงลุยหน้างานตลอด ไม่ได้ทำงานในห้องแอร์

พูดจาภาษามนุษย์ เป็นกันเองกับคนทุกระดับ เข้าถึงง่าย ฯลฯ

ครับ ตอนนี้ “ชัชชาติ” ทำอะไรก็ดูดีไปหมด

ไปไหนคนก็กรี๊ด ต่อแถวขอถ่ายรูปกันยาวเยียด

จัดดนตรีในสวน คนก็เข้าร่วมเป็นพัน

“ชัชชาติ” ลุกขึ้นเต้นระบำ คนก็ชอบ

ที่สำคัญทุกย่างก้าวของผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ อยู่ในสายตาประชาชน

เพราะเขา live ผ่านเพจ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ตลอด

ด้านหนึ่ง เหมือนเป็นการประชาสัมพันธ์ตัวเอง

แต่อีกด้านหนึ่ง live ของ “ชัชชาติ” ทำให้คนเห็นปัญหา และการทำงานของหน่วยงาน กทม.

เพราะ “ชัชชาติ” ลงพื้นที่ไปดูปัญหาหน้างานตลอด

ทางลอยฟ้าที่ค้างเติ่งมานาน ก็ไปจี้ว่าสัญญาเสร็จเมื่อไร เห็นพื้นที่ใต้เสาที่เสร็จแล้วแต่ผู้รับเหมาเอาไว้เก็บของหรือจอดรถก็จี้ให้คืนพื้นที่จราจรโดยเร็ว

ตอนฝนตกหนัก ไปสำนักการระบายน้ำ เราจึงได้รู้ว่าที่นี่มีอุปกรณ์ทันสมัยมาก สามารถติดตามกลุ่มฝน และระดับน้ำทั่วกรุง

ทุกจังหวะก้าวของ “ชัชชาติ” ทำให้คนกรุงมี “ความหวัง”

เราไม่เคยเจอ “ผู้นำ” ที่ทำงานหนักและรู้ปัญหาแบบนี้มานาน

หลายคนบอกว่าอยู่ดีๆ ก็รู้สึกมี “ความหวัง” ขึ้นมา ทั้งที่ผู้ว่าฯ คนใหม่เพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึง 10 วัน

อย่าถาม “เหตุผล”

เพราะ “ความรู้สึก” เป็น “เหตุผล” อย่างหนึ่ง

มีคนถามว่าวิธีคิดหรือหลักการบริหารงานแบบ “ชัชชาติ” คืออะไร

ผมตอบสั้นๆ ว่าทำงานเหมือน “ร้านสุกี้”

หลักการทำงานของร้านสุกี้ คือ เขาจะเตรียมเนื้อสัตว์ ผัก-น้ำจิ้ม และน้ำซุป

เอามาวางบนโต๊ะ

ร้านสุกี้เตรียมแค่วัตถุดิบ ไม่ต้องมี “พ่อครัว”

เพราะคนที่รับหน้าที่ “พ่อครัว” คือ “ลูกค้า”

ชอบสุกก็ลวกนานหน่อย

น้ำจิ้ม ถ้าอยากให้แซบก็เติมพริก มะนาว

ไม่เหมือนกับร้านอาหารทั่วไปที่ต้องพึ่งพา “พ่อครัว” ในการปรุงอาหาร

แต่ร้านสุกี้ ไม่ต้อง

เหมือนกับ “ชัชชาติ” เลยครับ

เขาทำแพลตฟอร์ม เชื่อมโยงระหว่างชาวบ้าน ข้าราชการ กทม. และทีมงาน “ชัชชาติ”

อย่างเรื่องปัญหาใน กทม.

เขานำโปรแกรมทราฟฟี่ฟองดูว์ (Traffy Fondue) ที่มีอยู่แล้วมาใช้ ให้คน กทม.ได้รายงานปัญหาที่ได้พบเจอรอบตัวว่าจุดไหนใน กทม.มีปัญหาอะไรบ้าง

เขียนปัญหาและปักหมุดลงไปเลย

ไฟตรงไหนไม่สว่าง ถนนตรงไหนเป็นหลุมเป็นบ่อ ตรงไหนมีกองขยะ ฯลฯ

สารพันปัญหาใส่เข้าไปในโปรแกรมนี้เลย

ผอ.เขต หรือหน่วยงานต่างๆ รู้ว่าปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนขึ้นมานั้น ถ้าเขาเห็น ทีมงานของ “ชัชชาติ” ก็เห็นเช่นกัน

ที่สำคัญ ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ประกาศแล้วว่าประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาของ ผอ.เขต เป็นหนึ่งใน KPI วัดผล

ถ้าเปรียบเหมือนร้านสุกี้ “ชัชชาติ” ไม่ได้ปรุงอาหารเองเลยนะครับ

เขาแค่ทำแพลตฟอร์มขึ้นมา

แล้วเปิดให้ประชาชนชี้ปัญหา

เหมือนเป็น “พ่อครัว” ปรุงปัญหาเอง

หน่วยงานต่างๆ ก็ต้องเป็น “น้ำซุป” ร้อนๆ

ลวก “ปัญหา” ให้ “สุก”

ไม่ใช่สิ ต้องลวก “ปัญหา” ให้ “สุข”

ทำให้ชาวบ้านมีความสุข

ถามว่า “ชัชชาติ” ทำอะไร

ไม่ได้ทำอะไรเลยครับ

แค่คอยกระทืบเท้าขู่เบาๆ

โทร.ไปถามสัก 2-3 ครั้งว่าทำไมยังไม่แก้ปัญหาเรื่องนี้

งานก็เดินแล้ว

เหมือนกับตอน live “ชัชชาติ” จะคุยกับคนดูตลอดว่ามีปัญหาอะไร หรือจะแนะนำอะไร ให้เขียนข้อความส่งมาได้เลย

ทีมงานก็จะกลั่นกรองขึ้นมา

ในข้อเสนอต่างๆ ของชาวบ้าน คงต้องมีไอเดียดีๆ หลุดเข้ามา

อยู่ดีๆ ก็มีคนคิดแผนงานให้

ทำงานโคตะระง่ายเลย

อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ คือ แนวคิดเรื่อง OPEN BANGKOK

เขาเอาข้อมูลมากมายของ กทม.มาขึ้นจอ

ทำระบบข้อมูลให้เข้าใจง่าย วิเคราะห์อย่างเป็นระบบ

เรื่องนี้สำคัญนะครับ

ตัวอย่างที่ดี คือ ตอนที่พรรคก้าวไกลนำตัวเลขงบประมาณของรัฐบาลมาเข้าโปรแกรม Excel แบบง่ายๆ

ให้คนคลิกเข้าไปดูได้เลย

เขาแค่ทำเรื่องที่เข้าใจยากอย่าง พ.ร.บ.งบประมาณให้ง่ายต่อการเข้าถึง

เชื่อไหมครับว่าเด็กรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยเข้าไปดูข้อมูล

และตั้งคำถามถกเถียงกันเรื่องงบประมาณของรัฐบาล

เป็นมิติใหม่ที่น่าสนใจมาก

OPEN BANGKOK ยังจะนำข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดมาโชว์อย่างโปร่งใส

ทลายการทำงานแบบแยกส่วนของหน่วยงานต่างๆ

เพราะทุกหน่วยงานจะเห็นข้อมูลเลยว่าโครงการแบบเดียวกัน ทำไมเขตนี้ราคาถูกกว่าอีกเขตหนึ่ง

และถ้านำรายละเอียดโครงการต่างๆ ว่าจะทำอะไร เสร็จเมื่อไร ขึ้นเว็บ

ยิ่งสนุก

เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวของชาวบ้านแล้ว

ประชาชนจะติดตามข้อมูลเองเลย

ถ้างานแถวบ้านช้ามากก็ฟ้องผู้ว่าฯ กทม.

“ชัชชาติ” ไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ

แค่เอาไฟส่องไปที่มืดๆ ให้สว่างขึ้น

อะไรที่มองไม่ชัดเพราะอยู่ใต้โต๊ะก็เอาขึ้นมาบนโต๊ะ

แล้วให้ “ประชาชน” จัดการ •