‘NO VICTIMS NO TEARS’ บิ๊กตู่ลั่น ‘ค้ามนุษย์’ หมดจากไทย ‘บช.ก.-โจ๊ก-รองฯ ปคม.’ คว้ารางวัล/บทความโล่เงิน

บทความโล่เงิน

 

‘NO VICTIMS NO TEARS’

บิ๊กตู่ลั่น ‘ค้ามนุษย์’ หมดจากไทย

‘บช.ก.-โจ๊ก-รองฯ ปคม.’ คว้ารางวัล

 

วันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี 2565 จัดขึ้นที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 6 มิถุนายนที่ผ่าน ภายใต้แนวคิด “NO VICTIMS NO TEARS” (ไม่มีผู้เสียหาย ไม่มีน้ำตาจากการค้ามนุษย์)

แสดงเจตนารมณ์ความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการป้องกัน ปราบปรามการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไปจากประเทศ

สร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการต่อต้านการค้ามนุษย์ให้แก่ประชาชน

ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค องค์กรพัฒนาเอกชน องค์การระหว่างประเทศ ตลอดจนสื่อมวลชนผนึกกำลังในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับในเวทีระดับสากล

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะประธานจัดงาน กล่าวว่า ผลกระทบจากโควิด-19 ระบาด ทำให้ขบวนการค้ามนุษย์ได้คิดหาวิธีการหลอกลวง นำพา และกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ในรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ทั้งการค้าประเวณีออนไลน์ การหลอกลวงเด็ก เยาวชน และผู้หญิง ผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อผลิตสื่อลามกอนาจาร รวมทั้งการหลอกลวงโฆษณาจัดหางานออนไลน์ เพื่อชักชวนคนไทยให้ไปทำงานต่างประเทศ ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก

จึงขอให้ทุกภาคส่วนบูรณาการการทำงานในทุกมิติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ตลอดจนปรับวิธีการทำงานให้สอดคล้องสถานการณ์และรูปแบบการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์โลก โดยพัฒนาทั้งด้านการดำเนินคดี การป้องกัน และการคุ้มครอง ที่เน้นการดำเนินงานที่ยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง ตามหลักสิทธิมนุษยชนและมาตรฐานสากล มีความเท่าเทียม และไม่เลือกปฏิบัติ รวมทั้งสร้างความรู้ ความเข้าใจ เพื่อให้คนไทยทุกคนตระหนักว่าการค้ามนุษย์เป็นภัยใกล้ตัว และไม่สนับสนุนขบวนการค้ามนุษย์

งานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบรางวัลให้องค์กร และผู้ปฏิบัติงานดีเด่น การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่และเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับบุคคลอื่นในสังคม

ในส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้รับมอบรางวัล มีกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ในฐานะหน่วยงานดีเด่น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศพดส.ตร.) ได้รับรางวัลดีเด่นด้านดำเนินคดี และ พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม. ได้รับรางวัลดีเด่นด้านป้องกัน

ก่อนรับรางวัล 1 วัน “ผู้ช่วยโจ๊ก” ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. (ปป.) ที่สวมหมวก ผอ.ศพดส.ตร. ให้ไปตรวจสอบชาวโรฮิงญา 59 ชีวิตโดนปล่อยเกาะกลางทะเล ที่ จ.สตูล

ภายหลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล ได้นั่งเรือตรวจตระเวนแล้วไปพบคนกลุ่มนี้ เป็นชาย 31 คน หญิง 23 คน และเด็ก 5 คน แต่ละคนมีสภาพอิดโรย ร่างกายอ่อนแอ ขาดน้ำและอาหาร ถูกทิ้งไว้บริเวณเกาะดง อยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะหลีเป๊ะประมาณ 8 ไมล์ อยู่ห่างจากฝั่ง อ.เมืองสตูล ประมาณ 80 ไมล์ พื้นที่หมู่ที่ 8 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล

เรือที่นำชาวโรฮิงญาจากเมียนมา ทั้งหมด 3 ลำ มีลูกเรือ 178 คน ใช้เวลาเดินทาง 2 เดือน 7 วัน ได้นำคนไปส่งมาเลเซีย 2 ลำแล้วถูกจับ

ส่วนลำนี้เป็นเรือสัญชาติบังกลาเทศ จะมุ่งหน้าไปศรีลังกา แต่ถูกผลักดัน จึงเปลี่ยนไปมาเลเซียแทน แต่ระหว่างทางใกล้ถึงจุดหมาย ได้ข่าวว่าทางการมาเลเซียกำลังกวาดล้างกลุ่มเข้าเมืองผิดกฎหมาย นายหน้าที่มากับเรือหลอกว่า มาถึงประเทศมาเลเซียแล้ว จึงปล่อยให้ขึ้นเกาะดง แถมก่อนขึ้นเรือมายังต้องจ่ายให้นายหน้าหัวละ 5,000 ริงกิต หรือประมาณ 40,000 บาทด้วย

เจ้าหน้าที่ไทยได้นำอาหารและน้ำดื่มไปให้เพื่อประทังชีวิตก่อน แล้วส่งเรือตรวจการณ์ 996 เพื่อไปรับขึ้นฝั่งที่สถานีเรือละงู ให้ตำรวจ สภ.หลีเป๊ะ สอบปากคำพร้อมทำบันทึกจับกุมข้อหาลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ ในพื้นที่ พร้อมทีมสาธารณสุขจังหวัด ได้ส่งแพทย์และทีมสหวิชาชีพ ร่วมคัดกรองสุขภาพชาวโรฮิงญาด้วย

แล้วนำทั้งหมดไปควบคุมไว้ที่กองร้อย อส.จังหวัดสตูล จากนั้น กอ.รมน.จังหวัดสตูล นำตัวไปควบคุมที่กองร้อย ตชด.436 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ต่อไป

 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะสืบสวนและสอบสวนปากคำชาวโรฮิงญาโดยละเอียด เพื่อติดตามดำเนินคดีกับขบวนการเหล่านี้ให้ได้อย่างเด็ดขาด ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์ ผบก.ภ.จว.สตูล, พ.ต.อ.ปรเมษฐ โพยนอก ผกก.7 บก.รน. เข้าช่วยเหลือ และสืบสวนติดตามจับกุมขบวนการลักลอบนำพาชาวโรฮิงญาที่เดินทางผ่านไทยไปยังมาเลเซียโดยเร่งด่วน

ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ได้กล่าวถึงการจับกุมขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญาใน อ.มาบอำมฤต จ.ชุมพร ว่า ขยายผลจนยึดทรัพย์วงเงินหมุนเวียนกว่า 1,630 ล้านบาท เมื่อ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ชุดทำงานลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก แจ้งข้อหาตำรวจ ตชด.และตำรวจ ตม.ไปแล้ว จะเปิดเผยรายชื่อเมื่อปิดคดี เพราะยังอยู่ระหว่างขยายผล นอกจากนี้ ยังให้ชุดสืบสวนสอบสวนไปสอบปากคำนายอารีย์ ลาลู หัวหน้าขบวนการใหญ่ที่ขนคนจากเมียนมามานานกว่า 20 ปี ปรากฏว่าได้จับกุมนายอารีย์ได้และฝากขังศาลไปแล้ว ให้พนักงานสอบสวนเข้าสอบปากคำในเรือนจำ ทำให้ทราบข้อมูลเพิ่มมากขึ้นว่า เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐส่วนไหนบ้าง

ส่วนกรณี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรอง ผบช.ภ.8 หนึ่งในคณะพนักงานสอบสวนคดีคดีโรฮิงญาในพื้นที่ สภ.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา เมื่อปี 2558 ที่ระบุว่าการค้ามนุษย์มีบิ๊กเนมในรัฐบาล และอดีตบิ๊กสีกากีเกี่ยวข้องนั้น จะมีผลต่อการจัดอันดับการค้ามนุษย์ของไทยหรือไม่

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ให้คำตอบว่า รัฐบาลสหรัฐที่ทีมไทยไปชี้แจงเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้ แสดงว่าไม่ได้สงสัยจึงไม่มีประเด็น

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ปัจจุบันเป็น พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ นิตยวิมล ผบก.สำนักงานกฎหมายและคดีภาค 9 เป็นตำรวจที่ร่วมทีมกับ พล.ต.ต.ปวีณขณะนั้น ไม่ได้หนีไปไหน จึงเห็นได้ว่าคณะพนักงานสอบสวนมีความเจริญก้าวหน้าโดยลำดับและยังรับราชการอยู่

ดังนั้น คดีนี้หากมีปัญหาจริงต้องหนีกันทั้งหมด แต่ในคดีนี้คนสำคัญที่ทำคดีไม่มีใครหนีเลย

เรื่องนี้ผู้ช่วย ผบ.ตร.จึงมองว่าไม่มีประเด็น ที่สำคัญทางรัฐบาลสหรัฐที่จะตัดเกรด “ค้ามนุษย์” ของไทย ไม่ได้ถามถึงเลย