ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 มิถุนายน 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
สุจิตต์ วงษ์เทศ
พระเจ้าตาก รบพม่า ‘ท่าข้าม’
อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
พระเจ้าตากรบพม่าที่ “ท่าข้าม” อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อพม่าแตกพ่ายก็มุ่งไปเมืองระยอง โดยผ่าน อ.พนัสนิคม-อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี แต่ไม่ไปทาง อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา และชายฝั่งทะเลเมืองชลบุรี
ก่อนกรุงแตก พ.ศ.2310 พระเจ้าตากหนีจากอยุธยา ขณะนั้นกองทัพอังวะ (จากพม่า) ตั้งค่ายล้อมกรุงและส่งกองทัพไปควบคุมจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เช่น เมืองบางกอก (ธนบุรี) และปากน้ำเจ้าโล้ ฯลฯ ทำให้พระเจ้าตากไม่ผ่านไปทางปากน้ำเจ้าโล้ แต่ตัดทุ่งชายดงตรงไปพนมสารคาม ข้ามคลองท่าลาดมุ่งทางช่องเขาเข้าเมืองระยอง โดยไม่ผ่านบางคล้า
ปากน้ำเจ้าโล้ คือบริเวณคลองท่าลาดไหลรวมกับแม่น้ำบางปะกง (ปัจจุบันอยู่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา) เป็นที่ตั้งชุมชนเมือง อาจเรียกก็ได้ว่าเมืองเจ้าโล้ (ยังหาที่มาไม่ได้ว่าเหตุใดเรียก “เจ้าโล้”) มีอำนาจควบคุมทรัพยากรตลอดลำน้ำท่าลาดเชื่อมโยงถึงบริเวณแควระบมและแควสียัด เป็นชุมชนเมืองการค้า “ของป่า” มีเรือพ่อค้าจีนและพ่อค้าอื่นๆ จอดเรียงราย จึงมีคนคับคั่งซื้อขาย ทำให้กองทัพอังวะต้องส่งกำลังคุมอย่างแข็งแรง
เส้นทางพระเจ้าตากจากอยุธยาผ่านนครนายก, ปราจีนบุรี แล้วเลียบที่ดอนชายดงศรีมหาโพธิ์ (อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี-อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา) ซึ่งอยู่ห่างมากจากปากน้ำเจ้าโล้ที่กองทัพอังวะควบคุม
แต่กองทัพอังวะอยู่ปากน้ำเจ้าโล้รู้ว่าพระเจ้าตากยกกองกำลังไปทางชายดงจะต้องข้ามคลองท่าลาด จึงยกไปดักตีบริเวณแห่งหนึ่งเรียก “ท่าข้าม” มีข้อความในพระราชพงศาวดารฯ สรุปสาระสำคัญดังนี้
[1.] แม่ทัพอังวะ เพิ่มกำลังตั้งอยู่ปากน้ำเจ้าโล้ ทั้งทัพบกและทัพเรือ [2.] เดือนยี่ (ฤดูน้ำแล้งแห้งหาย ราวมกราคม-กุมภาพันธ์) กองทัพอังวะยกจากปากน้ำเจ้าโล้ขึ้นไปตั้งที่ท่าข้ามเพื่อดักโจมตีกองกำลังพระเจ้าตากให้แตกพ่ายย่อยยับ [3.] พระเจ้าตาก (ในพงศาวดารฯ เรียกพระยากำแพงเพชร) นำกองกำลังปะทะทัพอังวะจนพวกอังวะแตกพ่ายไป [4.] จากนั้นพระเจ้าตากนำกองกำลังมุ่งไปเมืองระยอง [5.] กองทัพอังวะถอยกลับไปรวมค่ายใหญ่ที่อยุธยา
เนื้อหาพระราชพงศาวดารฯ มีดังนี้
“ขณะนั้นฝ่ายแม่ทัพพม่าแจ้งข่าวว่ากองทัพซึ่งยกไปตามพระยากำแพงเพชรนั้นเสียทีมาเป็นหลายครั้ง จึงเกณฑ์ทัพเรือให้ยกหนุนเพิ่มเติมมาอีก และทัพบกซึ่งพ่ายมาก่อนนั้นยกลงมาตั้งอยู่ ณ ปากน้ำเจ้าโล้ เมืองฉะเชิงเทรา ทัพเรือไปถึงขึ้นบรรจบกันที่นั้น
ครั้นถึง ณ วันอังคาร ขึ้น 14 ค่ำ เดือนยี่ กองทัพพม่ายกขึ้นมาแต่ปากน้ำเจ้าโล้ทั้งทัพบกทัพเรือ มาขึ้นที่ท่าข้ามยกติดตามมาอีก เพลาเย็นได้ยินเสียงฆ้องกลองกึกก้องมา
พระยากำแพงเพชรจึงให้นายบุญมีขึ้นม้าใช้สวนทางลงไปสืบประมาณสองร้อยเส้น เห็นธงเทียวทั้งได้ยินเสียงพม่าพูดจากันอื้ออึงมา จึงกลับม้ามาแจ้งความแก่พระยากำแพงเพชร พระยากำแพงเพชรจึงสั่งให้พลทหารตั้งดากันเป็นหน้ากระดาน บรรจุปืนหลักและปืนนกสับตั้งตับไว้ แล้วให้ขุดสนามเพลาะบังตัวต่างค่าย และให้กองลำเลียงหาบคอนล่วงหน้าไปก่อน ด้วยพระยากำแพงเพชรกับพระเชียงเงิน ขุนชำนาญไพรสณฑ์ นายบุญมี นายทองดี นายแสง นำหน้าพลทหารร้อยหนึ่งออกไปคอยรับทัพพม่า
ครั้นทัพพม่ามาใกล้ประมาณหกเจ็ดเส้นเดินเรียบเรียงกันมาในพงแขม จึงให้ยิงปืนใหญ่น้อยระดมพร้อมกันต้องพลพม่าตายเป็นอันมาก พม่าหนุนเนื่องกันเข้ามาอีก จึงวางปืนตับคำรบสองสาม พม่าก็แตกหนีกระจัดพลัดพรายพ่ายไปไม่เป็นหมวดเป็นกอง จึงขับพลทหารโห่ร้องตีฆ้องสำทับไล่ติดตามฆ่าเสียเป็นอันมาก แล้วก็เดินทัพมาทางบ้านหัวทองหลางสะพานทอง ล่วงแดนเมืองชลบุรี——-“
[จากหนังสือ พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา กรมศิลปากร พิมพ์เมื่อ พ.ศ.2542 หน้า 150]
พระเจ้าตาก รบพม่าที่พนมสารคาม
พระเจ้าตากรบพม่า “ท่าข้าม” อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา สมัยกรุงศรีอยุธยา บริเวณนี้น่าจะเป็นพื้นที่แกนกลางของชุมชนเมืองดั้งเดิม พบร่องรอยหลักฐานอยู่บริเวณบ้านท่าลาด ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา มีช่องทางลาดลงให้คนและสัตว์ (เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย ฯลฯ) เดินข้ามคลองท่าลาดในหน้าแล้งน้ำแห้งหาย
[ตำแหน่ง “ท่าข้าม” รู้จากการสำรวจตรวจสอบในท้องถิ่นของครูสุรางค์ เช้าเจริญ (อดีตครูโรงเรียนพนมสารคาม “พนมอดุลวิทยา” และครูเกรียงไกร พงษ์จรูญ (ครูกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ โรงเรียนพนมสารคาม “พนมอดุลวิทยา” อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา)]
“บ้านท่าลาด” เป็นชุมชนริมคลองท่าลาด ซึ่งมีพื้นที่ลาดลงคลอง ขณะที่บริเวณอื่นเป็นตลิ่งสูงชันตลอดสาย
“คลองท่าลาด” หมายถึง ลำน้ำท่าลาดมีต้นน้ำสำคัญอยู่ทิวเขาป่าดงทางทิศตะวันออกบริเวณแควระบมกับแควสียัด (อ.ท่าตะเกียบ-อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา) ลำน้ำท่าลาดไหลจากตะวันออกไปทางตะวันตก ผ่าน อ.พนมสารคาม ลงแม่น้ำบางปะกง ที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา
ทำไมต้อง “พนมสารคาม”?
ท่าข้าม, ทางข้าม ฯลฯ เป็นชื่อสามัญที่พบทั่วไปในชุมชนที่ราบลุ่ม แต่ชื่อท่าข้ามในพระราชพงศาวดารฯ ตอนนี้หมายถึง “ท่าข้าม” อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ด้วยเหตุผล ดังนี้
1. ท่าข้ามที่พนมสารคามอยู่คลองท่าลาด หรือลำน้ำเจ้าโล้ สอดคล้องกับข้อความในพระราชพงศาวดารฯ ที่ว่า “ยกขึ้น” จากปากน้ำเจ้าโล้ถึงท่าข้าม ดังนี้ “กองทัพพม่ายกขึ้นมาแต่ปากน้ำเจ้าโล้ทั้งทัพบกทัพเรือ มาขึ้นที่ท่าข้าม—-“
2. พนมสารคาม มีภูเขาดงยางเป็นแลนด์มาร์กไปฝั่งทะเลตะวันออกทางเมืองระยอง จึงอยู่บนเส้นทางที่พระเจ้าตากมุ่งไปเมืองระยอง โดยเลียบทุ่งอยู่ชายดงศรีมหาโพธิ์ ผ่านไปทาง อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งมีพื้นที่ต่อเนื่อง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา (ตามความเห็นของ อ.ศรีศักร วัลลิโภดม เคยอธิบายไว้นานแล้ว) •