สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร / “ผ่าน”แล้วยังไงต่อ

สถานีคิดเลขที่ 12/สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

————————-

“ผ่าน”แล้วยังไงต่อ

————————-

หลังพ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 “ผ่าน” ตามการ การันตี ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ก้าวต่อไปคือ ต้องจับตา พล.อ.ประวิตร จะสามารถทำให้เป็นไปตามคำมั่นอีกหรือไม่

นั่นคือ ” ครม.ต้องอยู่ต่อไป…ต่อไปจนถึงอภิปรายไม่ไว้วางใจ และจะผ่านไปได้…จนครบอายุรัฐบาล”

ซึ่งว่าไปแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อย

ด้วยพ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2566 ที่ผ่านฉลุย เสียงหนุนรัฐบาลท่วมท้น โดยส.ส.ลงมติรับหลักการ 278 เสียง ไม่รับ194 เสีย งดออกเสียง 2 เสียงมีส่วนต่างถึง 84 เสียง

แถมยังดูดเอาส.ส.ฝ่ายค้านมาหนุนได้อีก 14 คน

แต่ กระนั้น เสียงอันท่วมท้นนั้น ต้องออกแรงไม่น้อยเช่นกัน

อย่างต้องยอมตามการต่อรองของพรรคเศรษฐกิจไทยของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และกลุ่ม 16

ที่ปรากฏอย่างเปิดเผย ก็คือ พรรคเศรษฐกิจไทย ได้ เก้าอี้กรรมาธิการงบประมาณไปถึง 3 เก้าอี้

ได้จากโควต้าพรรค 2 คน และโควต้าของคณะรัฐมนตรี 1 คน

ส่วนกลุ่ม16 ได้โควต้ามา 1 เก้าอี้โดยเฉือนจากโควต้าของคณะรัฐมนตรีมาให้เช่นกัน

สรุปแล้ว ฝ่ายร.อ.ธรรมนัสและกลุ่ม 16 ได้เก้าอี้กรรมาธิการงบฯ ไปถึง 4 ที่นั่ง

เทียบกับ คณะรัฐมนตรีได้ 18 คน พรรคเพื่อไทย 15 คน พรรคพลังประชารัฐ 11 คน พรรคประชาธิปัตย์ 6 คน พรรคก้าวไกล 6 คน พรรคเศรษฐกิจไทย 2 คน พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่พรรคเพื่อชาติ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พลังท้องถิ่นไท พรรคละ 1 คน

ต้องถือ ว่า พรรคเศรษฐกิจไทย และกลุ่ม 16 ไม่ธรรมดา มีน้ำหนักในการต่อรองสูงมาก

นี่ยัง ไม่รวมข้อต่อรอง อื่นๆ ที่ไม่เปิดเผย เพราะพล.อ.ประวิตร จับเข่าคุยกับร.อ.ธรรมนัส และกลุ่ม 16 หลายรอบ

จึงไม่ทราบ การการันตี”ผ่าน”ของพล.อ.ประวิตรต้องลงทุนทางการเมือง”มหึมา”ขนาดไหน

เฉพาะ การผ่านพ.ร.บ.งบปี 2566 อย่างเดียว

จะต่อเนื่องไปถึง ศึกซักฟอก และยาวไปถึงการอยู่จนครบวาระของรัฐบาลหรือไม่

ต้องติดตามกันต่อไป

แต่ดูเหมือนว่า ใครๆก็เชื่อว่า คงต้องมีการ”ดีลใหม่” หากจะให้ กลุ่มของร.อ.ธรรมนัส และกลุ่ม 16 หนุนเรื่องศึกซักฟอก

เพราะอย่างที่ทราบ กลุ่มร.อ.ธรรมนัส มีแค้นฝังหุ่นกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ดังนั้น การจะให้ “ผ่าน” คงต้องมีการต่อรองกันมากเป็นพิเศษ

พล.อ.ประวิตร ในฐานะ “ผู้จัดการรัฐบาล” คงต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้น

แต่ก็อาจเป็นงานหนัก ที่พล.อ.ประวิตร เต็มใจทำ

เพราะมิใช่ เพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น

หากแต่หมายถึงสถานะทางการเมือง ของ พล.อ.ประวิตร เองด้วย

ที่ผ่านมาอย่างที่เราเห็น พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เบียดข่มพล.อ.ประวิตร อยู่ตลอด

บทบาทของพล.อ.ประวิตรจึงเป็นเพียง ผู้สนับสนุน

มิได้มีส่วนชี้นำสักเท่าไหร่นัก แถมยังถูก”หัก”เช่นกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ปลด ร.อ.ธรรมนัส จนเป็นปัญหาคาราคาซังมาถึงปัจจุบัน จนพล.อ.ประวิตร ต้องมาช่วยแก้ปัญหา

เมื่อบทบาทสำคัญ มาตกอยู่ในมือ พล.อ.ประวิตร ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางวการเมืองเช่นนี้

สถานะของพล.อ.ประวิตรจึงสูงเด่น จนอาจสามารถพลิกกลับมาข่มพล.อ.ประยุทธ์ ได้

เราอาจได้เห็นการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อประสานประโยชน์ให้พล.อ.ประวิตร กับกลุ่มของร.อ.ธรรมนัสและพรรคเล็ก ก็ได้

หรือแม้แต่การหักเรื่อง 2 กฎหมายลูก เพื่อทำให้พรรคเล็กหายใจได้ต่อไป

รวมถึงดูดฝ่ายค้านมาเป็นพวก

การเมืองต่อแต่นี้ จึงมากด้วยการต่อรอง ต้องโฟกัสพล.อ.ประวิตร ว่าจะขับเคลื่อนอย่างไร

เพื่อดันให้ผ่านซักฟอกและยื้อให้รัฐบาลอยู่ครบวาระ

แต่หลังจากนั้นอาจถึงเวลาของพี่ป. มิใช่น้องป.อีกต่อไปแล้วก็ได้!?!

——————