นงนุช สิงหเดชะ : ข้ออ้างที่ดูดี (ของรัฐบาล) กรณี “ยิ่งลักษณ์” หนี

(FILES) This file photo taken on August 5, 2016 shows former prime minister Yingluck Shinawatra struggling to hear a question from the media as she arrives at the Constitutional Court in Bangkok on August 5, 2016. Thai ex-prime minister Yingluck Shinawatra missed a verdict in a negligence trial on August 25, 2017 that could have seen her jailed, prompting the Supreme Court to issue an arrest warrant fearing she is a flight risk, a judge said. / AFP PHOTO / LILLIAN SUWANRUMPHA

 

มีทีท่าว่าไปแล้วคงไปลับ สำหรับ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีจำนำข้าว ซึ่งหนีศาล ไม่มาฟังคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม จนศาลต้องออกหมายจับ

จนถึง ณ ตอนนี้ประเด็นหลักที่สังคมอยากรู้ก็คือคุณยิ่งลักษณ์หนีไปด้วยวิธีไหน มีใครช่วยเหลือ และพร้อมกันนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลและ คสช. กลายเป็น “ตำบลกระสุนตก” ทันที คือรับเละคำตำหนิจากฝ่ายที่ไม่พอใจ เพราะเชื่อว่าซีกรัฐบาลน่าจะปิดตาข้างหนึ่งเปิดโอกาสให้คุณยิ่งลักษณ์หนี

ยิ่งเมื่อมาฟังคำให้สัมภาษณ์วันแรกๆ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านความมั่นคง ก็ยิ่งชวนให้หงุดหงิด เพราะดันพูดว่า จะไปรู้ได้อย่างไรว่าคุณยิ่งลักษณ์หนีไปตอนไหน หนีอย่างไร

และที่เสียหายหนักก็คือประโยคที่พูดกับนักข่าวว่าคุณไม่รู้แล้วผมจะไปรู้ได้อย่างไร

ตรงนี้เสียหายหนักเพราะในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลความมั่นคง ก็ย่อมถูกคาดหวังว่าจะรู้อะไรมากกว่าชาวบ้านทั่วไปและมากกว่านักข่าว

จนเกิดการแซวว่าถ้าอย่างนี้ก็ไม่ต้องมีรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่รัฐก็ได้ ให้ใครก็ได้ไปเป็นฝ่ายดูแลความมั่นคง แล้วถ้าเรื่องสำคัญขนาดนี้คนระดับรองนายกรัฐมนตรียังไม่รู้อะไรเลย แล้วจะไปฝากความหวังให้ดูแลความมั่นคงของบ้านเมืองในเรื่องที่ร้ายแรงกว่านี้ได้อย่างไร ผู้ก่อการร้ายมิเข้ามาเต็มบ้านเต็มเมืองหรือ

แม้ลีลาการตอบของ พล.อ.ประวิตร อาจจะต้องการลับลวงพราง แต่ทว่า การสื่อสารด้วยคำพูดที่ว่า “นักข่าวไม่รู้แล้วผมจะรู้ได้อย่างไร” นับว่าไม่เหมาะแก่ตำแหน่งฐานะ ดูไร้ความน่าเชื่อถือ

ที่สำคัญการตอบเช่นนั้นทำให้อารมณ์สังคมบางส่วนพุ่งระดมไปใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้า คสช. ด้วย

จนอีกสัปดาห์ถัดมานั่นล่ะ จึงตอบได้เนื้อได้น้ำหน่อย โดย พล.อ.ประวิตร ระบุว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบรถของคุณยิ่งลักษณ์ครั้งสุดท้ายตอนผ่านด่านทหาร ที่ จ.สระแก้ว แต่อ้างว่าจับภาพได้ไม่สุดด่านชายแดน (ก็เลยไม่แน่ใจว่าหนีเข้าเขมรหรือไม่)

ข้อมูลจาก พล.อ.ประวิตร เท่ากับยืนยันข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ว่าคุณยิ่งลักษณ์หนีไปทางชายแดนเขมร

และในเมื่อพบเห็นรถคุณยิ่งลักษณ์ที่สระแก้ว ก็น่าจะมีความเป็นไปได้สูงว่าน่าจะผ่านช่องทางปกติ (คือผ่านด่าน) ไม่ได้ใช้ช่องทางธรรมชาติ

หากดูจากกระแสข่าวที่ออกมาเป็นระยะจากซีกรัฐบาล ก็จะอ้างเหตุผลประมาณว่าคิดไม่ถึงว่าคุณยิ่งลักษณ์จะหนี อีกทั้งระยะหลังไม่ได้ประกบติดคุณยิ่งลักษณ์ใกล้ชิดเพราะเธอมักจะฟ้องกับสังคมว่าถูกละเมิดสิทธิเพราะรัฐบาลส่งคนติดตามเธอไปทุกหนแห่ง

ส่วนกรณีที่ว่าคุณยิ่งลักษณ์ผ่านด่านทหารบริเวณสระแก้วไปได้อย่างไรนั้น ก็มีการแจกแจงจากแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงว่าปกติแล้วจะตรวจค้นละเอียดเฉพาะรถยนต์ขาเข้าทุกคันที่มาจากเขมรเท่านั้น แต่ไม่ได้ตรวจรถขาออกอย่างละเอียดเพราะเกรงว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน

อีกทั้งไม่ได้มีคำสั่งใดเป็นพิเศษจากผู้ใหญ่ให้เข้มงวดรถยนต์ขาออก และอ้างว่าคุณยิ่งลักษณ์ยังไม่มีความผิด ดังนั้น ถึงแม้เจอตัวก็เข้าจับกุมไม่ได้

ตรงนี้ล่ะที่ฟังทะแม่ง เพราะความจริงคุณยิ่งลักษณ์มีสถานะเป็นจำเลยตั้งแต่วันที่ศาลรับฟ้องคดีแล้ว เพียงแต่ได้รับการประกันตัวชั่วคราว และศาลยังได้สั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศด้วย หากมีพฤติการณ์หลบหนี ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องก็น่าจะสามารถควบคุมตัวได้

รูปการณ์ก็น่าจะเป็นว่า ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจไม่ได้สั่งการใดๆ เป็นพิเศษให้จับตาคุณยิ่งลักษณ์ แม้กระทั่งช่วงใกล้วันอ่านคำพิพากษา

เมื่อไม่มีคำสั่งจากผู้ใหญ่ ก็ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษ ซึ่งก็น่าจะเป็นการจงใจของผู้ใหญ่ให้เปิดช่องหนีแก่คุณยิ่งลักษณ์

เพื่อให้ท้องเรื่องดูสมจริงมากขึ้น ฝ่ายความมั่นคงก็มีการโอดตัดพ้อว่า เรื่องนี้คุณยิ่งลักษณ์น่าจะได้ตุ๊กตาทองเพราะแสดงได้เนียน เนื่องจากยืนยันมาตลอดว่าจะไม่หนี

แถม 2-3 วันก่อนอ่านคำพิพากษาเธอก็ยังโพสต์เฟซบุ๊กทำบุญตักบาตรที่บ้าน

การโอดครวญนี้ก็เสมือนหนึ่งจะขอความเห็นใจจากสังคมว่าเป็นเรื่องสุดวิสัยที่คุณยิ่งลักษณ์หนี เป็นเรื่องเกินความสามารถของฝ่ายความมั่นคงที่จะหยั่งรู้ได้เพราะคุณยิ่งลักษณ์แสดงละครเก่ง

คุณยิ่งลักษณ์จะแสดงละครเก่งจนน่าจะได้ตุ๊กตาทองหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การอ้างว่าตามไม่ทันเกมคุณยิ่งลักษณ์นั้นเท่ากับฝ่ายมั่นคงประจานตัวเองว่ามีฝีมืออ่อนด้อย เพียงแค่นี้ก็ประเมินไม่ออก

ความเป็นไปได้ของเรื่องนี้น่าจะเป็นกรณีที่ว่า คุณยิ่งลักษณ์แสดงเก่ง หลอกได้เนียน และบางคนในรัฐบาลเองก็พร้อมจะเล่นบทบาทให้สอดคล้องกับคุณยิ่งลักษณ์ คือทำเป็นว่ารู้ไม่ทัน คาดไม่ถึง

ดังนั้น เมื่อคุณยิ่งลักษณ์หนีไป รัฐบาลก็มีข้ออ้างที่ดูดีให้กับตัวเอง สังคมก็จะเห็นใจว่ารัฐบาลทำดีที่สุดแล้ว ความผิดทั้งหมดอยู่ที่คุณยิ่งลักษณ์

อย่างไรก็ตาม น่าสงสัยมากขึ้นไปอีกเมื่ออยู่ๆ ตำรวจก็ยกเลิกการเข้าค้นบ้านคุณยิ่งลักษณ์ ทั้งที่ตอนแรกมีการขอหมายศาลเพื่อเข้าค้นบ้านแล้ว หลังจากตรวจพบสัญญาณโทรศัพท์มือถือของคุณยิ่งลักษณ์ว่าอยู่ภายในบ้าน แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้มีการเข้าค้น

เผลอๆ เป็นไปได้ว่าคุณยิ่งลักษณ์อาจนอนตีพุงอยู่ที่บ้านก็ได้ แต่อาจจะออกข่าวลวงสังคมภายนอกว่าหนีไปแล้ว (โดยที่รัฐบาลก็อาจจะรู้)

การหนีหายของคุณยิ่งลักษณ์ ในอีกแง่หนึ่งถูกมองว่า วิน-วิน ทั้งสองฝ่าย

คือคุณยิ่งลักษณ์ก็ไม่ต้องติดคุก และ คสช. ก็ไม่ต้องกังวลว่าการเมืองจะคุกรุ่นขึ้นมาอีก เพราะถ้าเธอต้องถูกจำคุกจริง ฝ่ายสนับสนุนเธอก็อาจจะโกรธแค้นขึ้นมาอีกเพราะเธอเป็นผู้หญิง รัฐบาลก็จะถูกหาว่าใจไม้ไส้ระกำกับผู้หญิง

เรื่องราวของนักแสดงตุ๊กตาทองระดับชาติกับความอ่อนด้อยฝีมือ (อาจจะด้วยความจงใจที่จะรามือ) ของฝ่ายข่าวกรองและความมั่นคงครั้งนี้ สรุปเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจาก “การเมืองแบบไทยๆ”

ปาร์ก กึน เฮ อดีตประธานาธิบดีหญิงของเกาหลีใต้ ซึ่งตอนนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังรอคำพิพากษาของศาล คงอิจฉาแน่ๆ