ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 มิถุนายน 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
ภาพยนตร์
นพมาส แววหงส์
HARRIET
‘ทาสหรือไท’
กำกับการแสดง
Kasi Lemmons
นำแสดง
Cynthia Erivo
Leslie Odom Jr.
Joe Alwyn
หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของทาสหญิงผิวดำคนหนึ่งผู้กระเสือกกระสนหลบหนีและเอาชีวิตรอดจากความเป็นทาส ไปสู่เสรีภาพ แล้วยังหาญกล้าพาตัวเองกลับไปช่วยญาติมิตรเพื่อนพ้องได้อีกนับร้อยคน
เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรกลในขบวนการเลิกทาส และยังต่อสู้เพื่อความเป็นไท โดยเชื่อมั่นว่า ภายใต้สายตาของพระเจ้า ไม่มีมนุษย์คนไหนมีสิทธิจะเป็นเจ้าของครอบครองมนุษย์ด้วยกันคนไหนด้วยสิทธิขาดเยี่ยงทาสในเรือนเบี้ย
หญิงแกร่งทรหดและสู้ไม่ถอยคนนั้นมีชื่อในประวัติศาสตร์อเมริกันว่า
….แฮเรียต ทับแมน…
และกลายเป็นวีรสตรีในขบวนการเลิกทาส ซึ่งแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิตคนจำนวนมากในสงครามกลางเมืองของอเมริกา (ค.ศ.1861-1865)
แฮเรียต ทับแมน (ซินเธีย เอริโว) เกิดมาเป็นทาสจากแม่ที่เป็นทาส แม้ว่าพ่อจะไม่ได้เป็นทาสด้วย
เธอมีชื่อแสนไพเราะเพราะพริ้งว่า อารามินตา รอสส์ และได้รับการเรียกขานอย่างย่นย่อ “มินตี้”
สมัยยังเป็นเด็ก มินตี้โดนกระแทกที่ศีรษะ สมองกระทบกระเทือนอย่างแรงจนหมดสติไปนานกว่าจะฟื้นขึ้น หลังจากนั้นเธอก็หมดสติล้มพับไปบ่อยๆ และเชื่อว่าพระเจ้ามีพระดำรัสกับเธอ
ถ้าวินิจฉัยอาการทางการแพทย์แล้ว มินตี้มีอาการแบบเดียวกับ “โจน ออฟ อาร์ก” วีรสตรีผู้พลีชีพของฝรั่งเศสในสงครามร้อยปีในศตวรรษที่ 15 ผู้ซึ่งบอกว่าเธอได้ยิน “เสียง” ของพระเจ้าบัญชาให้เธอทำอะไรต่อมิอะไร
และหนังก็ยังมีการพาดพิงถึงโจน ออฟ อาร์ก ในตอนที่มินตี้ถูกขู่ให้ยอมแพ้ ไม่งั้นจะถูกจับไปขึ้นตะแลงแกงและโดนเผาทั้งเป็นเหมือนวีรสตรีชาวฝรั่งเศสผู้นั้น
เจ้านายของมินตี้เป็นเจ้าของไร่ในแมรีแลนด์ ปกครองและกดทาสผิวดำให้ยอมจำนนรับสภาพของตัวเองด้วยการให้สาธุคุณเทศน์เรื่องการเชื่อฟังโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
เจ้าของไร่ตระกูลโบรเดสส์ ไม่ใช่คนยุติธรรม ปากอย่างใจอย่าง และไม่รักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะให้อิสรภาพแก่แม่ของมินตี้เมื่ออายุ 45 ปี แถมเมื่อครอบครัวทาสดิ้นรนไปหาทนายความเพื่อให้เป็นไปตามสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร เจ้านายยังฉีกสัญญาต่อหน้าตาอย่างหน้าเฉยตาเฉย และประกาศจะขายมินตี้เพื่อแยกครอบครัวออกจากกัน
ก่อนหน้านั้น ด้วยความยินยอมของเจ้านาย มินตี้แต่งงานกับจอห์น หนุ่มผิวดำที่เป็นไทแก่ตัว
การที่ทาสถูกขายให้ไปอยู่ที่อื่นโดยไม่รู้เหนือรู้ใต้ ก็เท่ากับการพลัดพรากจากกันไปตลอด
และ “เสียง/ภาพ” ในหัวของเธอ บอกให้เธอหลบหนีไปก่อนที่จะถูกขายไป
มินตี้ตัดสินใจหนีไปคนเดียว เพราะหากจอห์นมีส่วนรับรู้ในการหลบหนีของทาส เขาเองก็เสี่ยงกับการถูกจับมาเป็นทาสไปด้วย
มีฉากหนึ่งซึ่งแสดงความซื่อสัตย์ไม่ยอมพูดความเท็จของพ่อมินตี้ เพราะพ่อไม่ยอมมองหน้ามินตี้เลย แถมคราวหนึ่งยังใช้ผ้าปิดตาไปหาลูกสาว เพื่อที่จะพูดได้เต็มปากว่าเขาไม่ได้เจอหรือ “เห็น” เธอเลย
ด้วยความช่วยเหลือจากเครือข่ายขบวนการปลดปล่อยทาส มินตี้ระหกระเหินเดินเท้าเป็นระยะทางหนึ่งร้อยไมล์ ส่วนใหญ่เดินฝ่าป่าเขาที่มีอันตรายรอบด้าน จนข้ามรัฐไปสู่เดลาแวร์ และฟิลาเดลเฟียในที่สุด
ณ ที่นั้น เธอได้รับคำแนะนำให้เปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อบอกถึงตัวตนที่เป็นไทแล้ว กลายเป็นคนคนใหม่ โดยละทิ้งความเป็นทาสให้หมดไปกับชื่อเดิม
จาก อารามินตา รอสส์ เธอจึงกลายเป็น แฮเรียต ทับแมน ไปด้วยประการฉะนี้
สิ่งที่น่ายกย่องเหลือเกินสำหรับผู้หญิงคนนี้ ซึ่งเป็นอิสระและพ้นจากสภาพความเป็นทาสแล้ว คือ เธอเข้าร่วมขบวนการช่วยเหลือทาสสู่อิสรภาพในรัฐภาคเหนือ
โดยกลายเป็น “ผู้นำทาง” (Conductor) ลักลอบพาทาสหลบหนี จนช่วยเหลือทาสให้เป็นไทได้นับร้อยๆ คน
ฉายาที่เธอถูกเรียกขานและหมายหัวในประกาศจับ คือ “โมเสส” ซึ่งเป็นศาสดาของชาวยิว ผู้นำทางที่พาทาสชาวอิสราเอลข้ามน้ำข้ามทะเลให้พ้นจากความเป็นทาสในดินแดนอียิปต์
ใครๆ ล้วนเข้าใจว่าเธอเป็นชาย หารู้ไม่ว่าเธอเป็นหญิงผู้หาญกล้าและทรหดอดทน ผู้เชื่อว่ามีพระเจ้าชี้นำและส่องทางให้เธอต่อสู้เพื่ออุดมการณ์อันน่าสรรเสริญนี้
นับแต่ ค.ศ.1849 ที่เธอหลบหนีจากแมรีแลนด์มาสู่อิสรภาพในฟิลาเดลเฟีย เธอเข้าร่วมในขบวนการปลดปล่อยทาส และเดินทางกลับสู่ภาคใต้นับครั้งไม่ถ้วน และร่วมรบในสงครามกลางเมืองซึ่งเป็นสงครามที่ต่อสู้กันด้วยอุดมการณ์ที่แตกต่างกันในการมีทาสและการเลิกทาสซึ่งต่อสู้กันยาวนานตั้งแต่ ค.ศ.1861 จนสงครามสิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของฝ่ายเหนือ
และมีการประกาศเลิกทาสอย่างเด็ดขาดในปี 1865
หนังเรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ในสองสาขาเมื่อสองสามปีที่แล้ว คือ สาขาการแสดงโดยนักแสดงนำหญิง และสาขาเพลงในเรื่อง
ด้วยเนื้อหาที่สะท้อนความอยุติธรรมในสังคม สะท้อนชีวิตและการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของทาส แม้ว่าหนังจะทำได้ไม่ถึงใจเหมือนหนังซึ่งมีเนื้อหาใกล้เคียงกันและชนะใจผู้คนจำนวนมากกว่าด้วยการดำเนินเรื่องที่เร้าใจกว่า คือ 12 Years a Slave (ชีวิเทล เอจิโอฟอร์, ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์, ลูปิตา นิยองโก)
แต่ก็นับว่าเป็นหนังที่น่าดูมากเรื่องหนึ่งนะคะ •
ชมตัวอย่างภาพยนตร์ HARRIET ได้ที่นี่