McIntosh MCD12000 CD/SACD Player & DAC / เครื่องเสียง : พิพัฒน์ คคะนาท

เครื่องเสียง

พิพัฒน์ คคะนาท

[email protected]

 

McIntosh MCD12000

CD/SACD Player & DAC

 

เดือนที่ผ่านมา ค่ายยักษ์แถวหน้าๆ ของวงการในกลุ่ม Hi-End อย่าง McIntosh เพิ่งจะ ‘ปล่อยของ’ ลงตลาดเรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาสาวก แฟนานุแฟน และผู้คนในแวดวงอีกครั้ง ด้วยเครื่องเล่นที่เรียกว่าเป็น 2-in-1 ในตัว คือเป็นทั้งแหล่งโปรแกรมเล่นแผ่น CD และ SACD กับทำหน้าที่เป็นเครื่อง DAC : Digital-to-Analogue Converter ในหนึ่งเดียว เปิดตัวมาด้วยราคาเครื่องแบบไม่รวมภาษีใดๆ ทั้งสิ้นที่ US$12,000

ขณะที่ในอังกฤษซึ่งค่าเงินแพงกว่าเมื่อเทียบปอนด์ต่อดอลลาร์นั้น ราคาค่าตัวของเครื่องนี้ได้ถูกระบุเอาไว้ที่ 13,995 ปอนด์ ครับ

เข้ามาบ้านเราแบบรวม (ค่า) โน่น นี่ นั่น แล้วก็นั่งลุ้นเอากันครับ ว่าจะครึ่งล้าน (บาท) ขึ้นหรือลง

และคงจะอีกไม่นานเดือนสักกี่มากน้อยก็น่าเข้ามาในบ้านเราให้ได้รู้กันชัดๆ ว่าราคาจะเคาะออกมาที่เท่าไร เพราะตอนนี้เริ่มทยอยส่งลงตลาดทวีปอเมริกาเหนือ (สหรัฐกับแคนาดา) ก่อน เมื่อครบถ้วนแล้วก็ค่อยส่งออกไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกต่อไป

และสิ่งแรกที่ควรทราบกันก็คือ เวลานี้มันน่าจะได้ชื่อว่าเป็นเครื่องเล่นแผ่นซีดีที่มีราคาแพงที่สุดในท้องตลาดเท่าที่มีการสำรวจราคา (ในสหรัฐอเมริกา) กันครับ เพราะด้วยสถานะหรือ Position ของมันนั้น ทางค่ายแม็ค’ ได้จัดเอาไว้ให้อยู่ในระดับ ‘เครื่องอ้างอิง’ หรือ Reference-Level ทั้งในภาคส่วนการทำงานเป็นเครื่องเล่นแผ่น และการทำงานในฐานะเครื่อง DAC อิสระครับ

ก็เลยพาคุณๆ มาทำความรู้จักเครื่องที่ว่านี้ซึ่งก็คือที่จ่าหัวเอาไว้นั่นแหละครับ, พอเป็นกระสายกันไว้ก่อน

 

และการมาถึงของ McIntosh MCD12000 น่าจะเป็นการตอกย้ำอีกครั้ง ว่าที่บอกๆ กัน ว่าซีดีกำลังจะตาย (พูดกันนานนับสิบปีแล้วนั้น) นั้นเป็นเรื่องที่ห่างไกลความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็เหมือนกับแผ่นเสียงและเครื่องเล่นอย่าง Turntable ในเวลานี้นั่นแหละครับ ที่นอกจากจะฟื้นคืนชีพอย่างคึกคักแล้ว ยังตามมาพร้อมกับเสียงบ่นที่ดังมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน ว่าจะเอาแพงไปถึงไหนกัน ทั้งในส่วนของแผ่นไวนีลและเครื่องเล่นนั่นละ

ภาพลักษณ์ของหน้าตาและการขึ้นรูปของโครงสร้างตัวถังเครื่องนั้น เรียกว่ามองเห็นแต่ไกลก็รู้ว่าจะเป็นเครื่องของค่ายอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากแม็ค’ เท่านั้น

เป็นความคลาสสิคของเครื่องที่กอปรไปด้วยวัสดุหลักๆ อย่างกระจก สแตนเลส และไทเทเนียมสีดำแบบขัดเสี้ยน ทั้งยังตอกย้ำด้วยไฟเรืองแสงสีฟ้า และสีเขียว บนแผงหน้าปัดยามที่เปิดสวิตช์ Power ให้เครื่องพร้อมทำงาน รวมทั้งการออกแบบรูปทรงและการจัดวางตำแหน่งของปุ่มลูกบิดแบบหมุนทั้งซ้ายและขวา มือจับหรือหูหิ้วเครื่องขนาดใหญ่ที่ออกแบบและสั่งทำเป็นพิเศษ

รวมทั้งมีเตอร์บอกความแรงสัญญาณอะนาล็อกขาออก (Output Level) ชนิดเข็มวัดแบบ 60dB แยกหน้าต่างแชนเนลซ้าย/ขวา

ทั้งหมดนั้นนอกจากบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของเครื่องแม็ค’ แล้ว ยังแลลงตัวกับเครื่องอื่นๆ ของค่ายเมื่อนำมารวมกันเป็น Audio System ได้อย่างกลมกลืน

 

คุณสมบัติเด่นของ McIntosh MCD12000 ประกอบไปด้วยอินพุตสำหรับสัญญาณดิจิตอลถึง 7 ชุด เพื่อการใช้ประโยชน์จากชิปประมวลผลที่เป็นพัฒนาการล่าสุดของ ESS Technology, Inc. คือ ESS SABRE Pro ES9038Pro ที่มีถึงสองชุดในเครื่องสำหรับแยกการทำงานของแต่ละแชนเนล ซ้าย/ขวา เพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพสูงสุดของแต่ละช่องสัญญาณหลักอย่างแท้จริง โดยที่ชิปแต่ละตัวนั้นมีวงจร DAC 32-bit มากถึง 8 แชนเนล ซึ่งออกแบบด้วยเทคโนโลยี HyperStream II และ Time Domain Jitter Eliminator ที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะของ ESS Tech, Inc.

โดยดิจิตอล อินพุต ทั้งเจ็ดชุดนั้นประกอบไปด้วย Coaxial, Optical อย่างละ 2 ชุด กับ USB Type-B, AES/EBU, MCT/DIN (McIntosh’s Unique Digital Connection for SACD/DSD สำหรับต่อกับเครื่องขับหมุนแผ่น หรือ Transporter ในตระกูล MCT-Series ของแม็ค’ เอง) อีกอย่างละชุด สำหรับโคแอ็กเชียลกับออฟทิคัล อินพุต นั้นรองรับสัญญาณเสียงความละเอียดสูง (Hi-Res Audio) ได้สูงสุดถึงระดับ 192kHz/24-bit ขณะที่ USB Input สำหรับใช้งานกับคอมพิวเตอร์ (Computer-Based Audio) นั้น รองรับได้ถึงความละเอียดระดับ PCM 384kHz/32-bit รวมทั้ง DSD512 และ DXD384kHz

ทางด้านวงจรขยายสัญญาณเอาต์พุตนั้น ได้ถูกออกแบบให้ทำงานด้วยวงจร Solid-State แบบ Discrete ทั้งยังออกแบบให้ทำงานแบบ Hybrid ร่วมกับหลอดสุญญากาศได้ด้วย โดยหลอดสุญญากาศที่ใช้นั้นเป็นหลอด 12AT7 และหลอด 12AX7A โดยการทำงานร่วมกันระหว่างโซลิด-สเตตกับหลอดสุญญากาศนั้น วงจรโซลิด-สเตตจะเป็น Balanced Op-Amp แบบดีสครีต ทั้งคู่จะทำงานแบบไฮ-บริดแยกวงจรของแชนเนลซ้าย/ขวาเป็นอิสระจากกัน

ส่วนการทำงานของภาค DAC ในลักษณะของการเป็นเครื่องแยกอิสระนั้น มีดิจิตอล เอาต์พุต เพื่อการนี้ให้เลือกใช้กับอุปกรณ์อื่นได้ทั้งแบบโคแอ็กเชียลและออฟทิคัลอย่างละชุด

สำหรับถาดรับแผ่นและระบบอ่านแผ่นนั้น ใช้การขึ้นรูปและอยู่ในโครงสร้างที่เป็นอะลูมิเนียมหล่อ หรือ Die-Cast Aluminum ที่มีความมั่นคงแข็งแรงสูง พร้อมระบบป้องกันแรงสั่นสะเทือนที่มีประสิทธิภาพ ขณะทำงานขับหมุนจึงปลอดแรงกระทบทั้งจากภายนอกและภายในอย่างสิ้นเชิง ทำงานร่วมกับมอเตอร์ขับหมุนระบบดิจิตอล เซอร์โว ที่ถูกออกแบบให้มีการทำงานที่รวดเร็ว เงียบ และมีความแม่นยำเที่ยงตรงสูง สามารถถอดรหัสในแผ่นออกมาได้อย่างหมดจด ถ่ายทอดข้อมูลออกมาได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนในทุกรายละเอียด

ทางด้านภาคจ่ายกระแสให้กับการทำงานของวงจรดิจิตอลและอะนาล็อกนั้น แยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด ขณะทำงานในแต่ละภาคส่วนจึงปลอดการรบกวนซึ่งกันและกันอย่างสิ้นเชิง โดยระบบหม้อแปลงจ่ายกระแสนั้นเป็นแบบ R-Core ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีต พิถีพิถัน ที่สามารถลดเสียงรบกวนส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

McIntosh MCD12000 ยังรองรับเครื่องมาตรฐาน Roon Tested อันหมายถึงอุปกรณ์ที่ผ่านการทดสอบของ Roon Labs ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานผ่านการเชื่อมต่อผ่านทาง USB, HDMI, AirPlay, ChromeCast รวมทั้งโปรโตคอลอื่นๆ โดยอุปกรณ์เหล่านั้นจะได้รับการจัดทำโปรไฟล์โดย Roon Labs เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถติดตั้งใช้งานได้ง่าย และให้การทำงานในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวก คล่องตัว และอุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานนั้น ยังสามารถตั้งค่าในแอพพลิเคชั่น Roon เพื่อให้แสดงกราฟิกพิเศษเฉพาะ เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้โดยตรงด้วย โดยการตั้งค่านี้จะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติในทันทีเมื่อมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์

โดย Roon นั้นคือแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อใช้จัดการกับไฟล์เพลง โดยอาศัยเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างไฟล์เพลงกับฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้อง อาทิ NAS, External DAC ซึ่งมีหน้าที่ตั้งแต่จัดการ จัดระเบียบ ไปจนถึงการเล่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ประสบการณ์ในการเข้าถึงเพลงโปรดได้อย่างสะดวก และที่สำคัญคือให้คุณภาพเสียงที่ดี

เพราะการจะใช้งาน Roon นั้น ต้องเสียกะตังค์นะครับ

ครับ, ทั้งหมดก็เป็นรายละเอียดพอสังเขปของเครื่องเล่นแผ่นดิจิตอล และเครื่องแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอะนาล็อก ที่เป็นเสมือนเครื่องแยกชิ้นแต่รวมอยู่ในโครงสร้างตัวถังเดียวกัน

ที่ว่ากันว่า, มีราคาแพงที่สุดในท้องตลาดเวลานี้นั่นแหละครับ •