บางอย่างในความรักของเรา (12) / ท่าอากาศยานต่างความคิด : อนุสรณ์ ติปยานนท์

ท่าอากาศยานต่างความคิด

อนุสรณ์ ติปยานนท์

[email protected]

 

บางอย่างในความรักของเรา (12)

 

“มนุษย์นั้นไม่ได้ถูกสร้างมาให้พ่ายแพ้ มนุษย์อาจล้มเหลวในบางครั้ง แต่มนุษย์นั้นจะไม่มีวันพ่ายแพ้เป็นอันขาด”

ถ้อยคำที่ผมจดไว้ในสมุดประจำตัวเล่มหนึ่งมีถ้อยความดังกล่าวนี้

ผมจำถ้อยคำที่แม่นยำไม่ได้ ผมจำถ้อยคำที่ชัดเจนไม่ได้ กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานหลายปีจนถึงวันนี้ วันที่ผมเขียนเล่าเรื่องราวระหว่างผมกับปิ่น ดังนั้น รายละเอียดจำนวนมากจึงสูญหายไปตามกาลเวลา

ผมไม่อาจจดจำทุกถ้อยคำได้ สิ่งที่ผมจดจำในช่วงเวลานั้นคือผมเปิดอ่านข้อความดังกล่าวนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นการอ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมาราวกับการท่องบ่นในบทสวดมงคลที่จะพาผมผ่านความทุกข์ตรมในช่วงนั้นไปให้ได้

“ความทุกข์ตรม” ดูจะเป็นถ้อยคำที่ไม่ตรงตัวนัก อันที่จริงผมควรเรียกช่วงเวลานั้นว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความโศกาอาดูร ช่วงเวลาแห่งการพังทลาย สลายสิ้นซึ่งทุกสิ่งภายในตัว

หลายอาทิตย์ก่อนผมเพียงแต่สิ้นหวังกักกันตนเองไว้ในพื้นที่เฉพาะ จมอยู่กับความรู้สึกว่าปิ่นทอดทิ้งผมไป

แต่แล้วผมก็ลุกขึ้นจากความสิ้นหวังนั้น ผมเข้าสู่ภาวะเกิดใหม่เมื่อผมล่วงรู้ว่าปิ่นต้องการจะพบเจอผม แต่แล้วภาวะบังเกิดใหม่นั้นก็มีอายุสั้นสุดแสน

ผมได้พบปิ่นในวันนั้น แต่เป็นการพบกันที่ปราศจากการสนทนา การพบกันนั้นหาได้ลบล้างความโหยหาที่ผมมีต่อปิ่น แต่ทว่า มันกลับตอกย้ำความจริงว่าไม่ใช่ปิ่นหรอกที่แปรใจไปจากผม ปิ่นหาได้เป็นบ่อเกิดแห่งความยุ่งยากใดเลยในความสัมพันธ์ระหว่างเรา

สิ่งที่ตอกผมให้พังพินาศราวกับฆ้อนขนาดใหญ่คือพ่อของเธอ

พ่อของเธอที่แสดงเจตจำนงอันแน่วแน่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับปิ่นนั้นไม่อาจเดินหน้าต่อไปได้และมันจำต้องสิ้นสุดลงเสียนับแต่วันนั้นเลยทีเดียว

 

ผมซึมซับสภาวะที่ไม่ต่างจากการถูกชก ถูกกระแทก ถูกกระหน่ำย้ำเตือนจากบุพพการีของปิ่นอยู่เป็นช่วงเวลาหนึ่ง

กลางดึกของแทบทุกคืน ผมสะดุ้งตื่นด้วยความรู้สึกที่อยากได้ยินเสียงของปิ่น

ผมอยากโทรศัพท์หาเธอ ถามไถ่อาการของแม่เธอ ผมอยากปลอบใจเธอ ผมอยากพูดให้กำลังใจเธอ ผมอยากบอกเธอด้วยข้อความสั้นๆ ที่เรียบง่ายว่าผมจะอยู่เคียงข้างเธอและผมจะไม่มีวันทอดทิ้งเธอไป

แต่ผมจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรเล่า ท่าทีที่ชัดเจนจากพ่อของปิ่นบ่งบอกว่าหากเขามีเกาะส่วนตัว เขาคงใช้ทุกวิถีทางที่จะจับผมลงเรือสักลำและบอกให้เรือลำนั้นนำผมไปทิ้งยังเกาะดังกล่าวและกักขังผมที่นั่นไว้ชั่วกัปป์ชั่วกัลป์

จะว่าไปแล้ว ผมเองก็เข้าใจเจตนาของเขาอย่างถ่องแท้

ปิ่นคือสิ่งมีค่าสูงสุดของเขา ยิ่งในห้วงเวลาที่แม่ของปิ่นกำลังจะจากไป ปิ่นย่อมเป็นเพียงตัวแทนเดียวแห่งชีวิตคู่ของเขา

การมีปิ่นในชีวิต การบังคับให้ปิ่นใช้ชีวิตตามที่เขาต้องการ ย่อมทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ย่อมทำให้เขารู้สึกว่าตนเองยังมีค่าอยู่บ้าง (ต้องขอโทษด้วยที่ผมเหยียดหยามเขาในความรู้สึกของตนเองเช่นนั้น)

ปิ่นเปรียบเสมือนดังพื้นที่สุดท้ายที่เขาจะยืดตัวทระนงและอาจหาญต่อหน้าสายตาของบุคคลอื่นได้

และเหตุใดไฉนเล่าที่เขาจะไม่กีดกันไอ้ขี้เท่อไร้ค่าอย่างผมให้ห่างจากปิ่น

หากปิ่นเป็นดอกไม้งามที่เหล่าภุมรินทร์รุมตอม ผมก็เป็นผึ้งน้อยไร้เรี่ยวแรงหน้าโง่ที่คนสวนที่ยิ่งใหญ่จะเขาจะต้องไล่ตะเพิดมันให้ออกจากสวนนับแต่วินาทีแรกที่เขาพบเห็นมัน

แต่น่าเสียดายที่เขาหลงลืมความจริงข้อหนึ่งไป น่าเสียดายที่ชาวสวนผู้นั้นหลงลืมความจริงข้อหนึ่งไป ผมหาใช่ผึ้งน้อยหน้าโง่ดังที่เขาใจ ผมอาจเป็นทุกสิ่งในยามนั้น แต่หาได้เป็นผึ้งน้อยหน้าโง่ไร้เรี่ยวแรงอย่างที่เขาเข้าใจเป็นแน่

ผมไม่ได้เป็นเช่นนั้นอย่างสิ้นเชิง

 

คําสอนหรือบทบรรยายของอาจารย์นพพรในวิชาอารยธรรมตะวันตกนั้นแม้จะเป็นเพียงคำบรรยายที่ใช้ปกป้องตนเองจากการสอบสำหรับนักศึกษาหลายต่อหลายคน

แต่สำหรับผมแล้วคำบรรยายของอาจารย์นพพรเป็นดังไฟคุโชนที่จุดประกายให้ผมว่ามนุษย์ทุกคนมีเสรีภาพแห่งการเลือก เราดำรงอยู่ตามความเชื่อและแรงเหวี่ยงแห่งอุดมคติของเรา ตราบใดก็ตามที่เรายอมรับผลที่ตามจากการเลือกของเราอย่างหมดจิตหมดใจแล้ว เราก็หามีอะไรที่จะหวั่นกลัวไม่

ทางเลือกของมนุษย์นั้นมีหลากหลาย บางทางเลือกนั้นทำความสบายใจให้เรา บางทางเลือกนั้นพาเราออกจากปัญหาทั้งปวง เราอาจเดินออกจากบ้าน ท้องไส้หิวโหย เรามุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่เราหมายตาไว้ แต่ครั้นแล้วเราก็หลงทาง เราห่างไกลจากเป้าหมายเราทุกที แต่เรายังยืนกรานที่จะกลับไปยังสถานที่ที่เราหมายตา อาการหิวโหยของเราหนักหนาขึ้น

ในกรณีเรียบง่ายเช่นนี้เรามีทางเลือกสองทาง

ทางที่หนึ่งคือเรายังคงดุ่มเดิมต่อไป เราจะต้องไม่ยอมแพ้ เราจะต้องไม่ละทิ้งความปรารถนาเดิม แม้ว่าเราจะต้องจำทนต่อความทุกข์อันเกิดจากความหิว ในกรณีเช่นนี้หากเราไปถึงร้านนั้น ร้านอาจปิด ร้านอาจหยุดในวันดังกล่าว เจ้าของร้านอาจเจ็บป่วยกะทันหัน เราอาจไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองอาหารดังกล่าวแต่ทว่า เราได้ทำตามสิ่งที่เราทรงปณิธานไว้ เรายืดหน้าบอกว่าเราคือผู้แข็งแกร่งที่แม้ชีวิตจะเจ็บป่วยเจียนตายเราก็หาได้สนใจไยดีในสิ่งเหล่านั้นเลย

แต่อีกทางเลือกหนึ่งเล่า เราเล็งเห็นผลเสียแห่งการเจ็บปวดของร่างกาย เราควรทรมานตนเองต่อไปกระนั้นหรือ ร้านอาหารที่เราเลือกเรายังสามารถไปถึงมันได้ในวันหลัง ร้านอาหารข้างทางที่รอบรรเทาความหิวโหยของเรามากมายพากันส่งเสียงร้องเรียกเราว่า

“จงล้มเลิกความปรารถนาโง่เง่านั้นเสียและมุ่งหน้ามาหาเรา ปณิธานอะไรทำนองนั้นมันมีไว้สำหรับคนที่หลงตนเองเท่านั้น ไม่มีชัยชนะใดที่ยิ่งใหญ่ในเรื่องนี้หรอกเว้นแต่การเสริมสร้างอัตตาความหลงตนเองของผู้เป็นเจ้าของ กินอะไรให้อิ่มท้อง ไปให้พ้นความหิวโหยและเอาเวลาอันมีค่าของเจ้าไปทำในสิ่งที่สมราคาชีวิตเสียเถิด”

ทางเลือกง่ายๆ เช่นนี้เองที่ส่งเสียงกู่ร้องก้องตะโกนต่อผม

 

ทางเลือกหนึ่งในความสัมพันธ์ระหว่างผมกับปิ่นคือการที่ผมยืนยันเจตนารมณ์ดังเดิม ผมจะต้องพิสูจน์ให้ปิ่นเห็นว่าเธอคือหญิงสาวที่ผมเลือกแล้ว ผมจะต้องยืนยันให้ปิ่นเห็นว่าไม่ว่าอุปสรรคเบื้องหน้าจะมากมายเพียงใด จะหนักหนาเพียงใด ผมก็จะไม่ทอดทิ้งเธอ ผมก็จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคเหล่านั้นอย่างไม่หวั่นไหว ผมจะเดินหน้าคู่เคียงไปกับเธอจนถึงวันที่เราได้อยู่เคียงข้างกัน จะเป็นฐานะ ความรู้ ครอบครัวหรือสิ่งใดก็ตาม

สิ่งนั้นจะถูกผมก้าวข้ามไปด้วยความทระนง และจุดหมายปลายทางนั้นคือผมและปิ่นที่อยู่ในสภาพที่เรากำลังจะเข้าสู่งานวิวาห์

อีกทางเลือกหนึ่งนั้นเรียบง่าย ผมแค่วางทุกสิ่งลง การสานความสัมพันธ์ของเรามาได้ยาวนานถึงเพียงนี้ถือว่าเพียงพอแล้ว ชีวิตในวัยหนุ่มสาวของเรามีอีกหลายสิ่งให้ค้นหา ให้ได้เผชิญหน้า ให้ได้ทดลอง การลุ่มหลงกับสิ่งที่มีแต่จะเผาผลาญตัวของเจ้าให้วอดวายหาได้เป็นสิ่งดี

เสียงหนึ่งกล่าวกับผมเช่นนั้น มองไปรอบๆ ตัวเจ้าสิ หญิงสาวแรกรุ่นมากมายที่พร้อมจะเปล่งประกายแววตาของพวกนางสู่เจ้า หญิงสาวที่พ่อของพวกนางหาได้เหยียดหยามหมิ่นแคลนเจ้า หญิงสาวที่เข้าใจตัวเจ้า ป่วยการไปไยที่เจ้าจะยโสโอหังกับความคิดฟุ้งฝันที่เจ้าสร้างขึ้นมา

ปิ่นได้ล่วงรู้ความเจ็บปวดที่เจ้าได้เผชิญในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานี้หรือไม่ มิได้ หาได้มีสิ่งเหล่านั้นเลย ปิ่นอยู่ในกรงทองอย่างมีความสุข

การประกาศแก่ตนเองว่าเจ้าจะฉีกกรงทองนั้นเป็นชิ้นๆ และจะพาปิ่นโบยบินไปหาความสุขและเสรีภาพนั้นเป็นเพียงความคิดของเจ้าเอง

โยนมันทิ้งเสียทีเถิดความคิดฝันไร้ค่าเช่นนั้นและลืมตามองความจริงเบื้องหน้าเสียที

 

ความคิดและทางเลือกสองทางนี้โจมตีผมแทบทุกวัน และผมเองก็สะดุ้งตื่นกลางดึก พลิกถ้อยคำบันทึกที่ว่ามนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างให้พ่ายแพ้ อ่านมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จมกับความคิดคำนึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปรารถนาที่จะยกหูโทรศัพท์หาปิ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมไม่อาจยอมแพ้ได้หรือผมควรยอมแพ้มันเสียที ไม่มีทางเสียหรอกที่ชายผู้เป็นพ่อของปิ่นจะยอมแพ้ ยอมจำนนต่อผม

เขามีเดิมพันใหญ่หลวงที่จะต้องแสดงความเป็นเจ้าของปิ่น

เขาจะต้องกระทำทุกวิถีทางที่บอกว่าปิ่นเป็นของเขา

และผมเองก็ต้องกระทำเช่นนั้นเช่นกันที่จะตะโกนใส่หน้าของเขาว่าเวลาที่เขาใช้ครอบครองปิ่นนั้นเนิ่นนานเพียงพอแล้ว และเขาควรยินยอมรับเสียทีว่าผมแข็งแกร่งกว่าเขา ผมก็ต้องการปิ่นไม่ต่างจากเขา ผมต้องการปิ่นให้มาอยู่ในโลกของผมไม่ต่างจากเขา

เขาอาจดูแลปิ่นมาเนิ่นนานแต่เวลานั้นจบสิ้นลงแล้ว และผมคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำหน้าที่ดังกล่าวต่อจากเขา

ราวหนึ่งสัปดาห์ที่ทางเลือกดังกล่าววิ่งผ่านเชือดเฉือนอยู่ในตัวผม จนในที่สุดผมก็พบว่าทางเลือกแรกที่จะต่อสู้เพื่อช่วงชิงปิ่นกลับมานั้นเเข็งแรงกว่า

ทางเลือกแรกนั้นถูกย้ำเตือนด้วยความรู้สึกเดียวที่ยืนยันและรับรองแก่ตนว่าผมไม่มีทางเลือกอื่น •