ความฝันไอติม ก้าวไกลเตรียมเลือกตั้งใหญ่ นโยบายทำได้จริง ไม่ขายฝัน/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

พิชญ์เดช แสงแก่นเพ็ชร์

 

ความฝันไอติม

ก้าวไกลเตรียมเลือกตั้งใหญ่

นโยบายทำได้จริง ไม่ขายฝัน

 

หลังจากตัดสินใจออกจากการเป็น CEO ภาคเอกชน ด้านสตาร์ตอัพการศึกษา กลับมาทำงานการเมืองเต็มตัวอีกครั้ง พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล บอกว่าอยากให้งานเป็นเครื่องพิสูจน์ การตัดสินใจเข้าพรรคการเมืองใดก็ตาม สำคัญที่สุดคือเรื่องอุดมการณ์ ว่าท้ายที่สุดแล้วประเทศไทยในฝันของเรา กับประเทศไทยในฝันของพรรคการเมืองที่เราอยากจะเข้าไปตรงกันหรือเปล่า?

ในมิตินี้ผมมั่นใจฝันของผมกับพรรคก้าวไกลสอดคล้องกัน โดยแบ่งออกเป็น 3 มิติคือ การเมือง-เศรษฐกิจและสังคม

ไอติมอธิบายว่า ในแง่ทางการเมือง ผมและพรรคก้าวไกลอยากจะเห็นประเทศเราเป็นประชาธิปไตยทั้งในเชิงของระบบและวัฒนธรรม

ในแง่ระบบคือการที่มีกฎกติกาสูงสุดของประเทศ กฎหมายที่เป็นประชาธิปไตย จะทำอย่างไรให้เรามีรัฐธรรมนูญที่ให้ประชาชนทุกคนมี 1 สิทธิ 1 เสียงเท่าเทียมกันในการกำหนดอนาคตประเทศ

ทำอย่างไรให้เรามีรัฐธรรมนูญกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทำอย่างไรให้เรามีสถาบันทางการเมืองทุกสถาบันที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและถูกตรวจสอบได้

ส่วนอีกมิติหนึ่งคือประชาธิปไตยในเชิงวัฒนธรรม คือค่านิยมเสรีภาพความเสมอภาคที่เข้าไปแทรกซึมอยู่ในทุกๆ นโยบาย เช่น การยกเลิกเกณฑ์ทหาร ที่ให้ความสำคัญเรื่องเสรีภาพในการประกอบอาชีพ นโยบายสมรสเท่าเทียม เป็นนโยบายที่ให้ความสำคัญกับค่านิยมความเสมอภาคของทุกเพศ นี่คือสิ่งที่เราอยากเห็น เข้าไปแทรกซึมทุกห้องเรียน ในสถานที่ทำงาน ในทุกความสัมพันธ์

ในครอบครัวด้วย

 

ประการต่อมาเรื่องเศรษฐกิจ ไอติมบอกว่าคือการเสริมการแข่งขัน คือทำอย่างไรให้เราเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยกับนานาชาติได้ เช่น การปฏิรูประบบราชการให้มีความคล่องตัวมากขึ้นต่อการรับมือกับปัญหาใหม่ๆ ของโลก ปฏิรูปราชการให้ใบอนุญาตหรือขบวนการบางอย่างที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศถูกสะสางปัญหา ปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อทำให้หลักสูตรการเรียนการสอนของเราช่วยส่งเสริมทักษะให้กับบุคลากรของเราสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งอนาคตได้ ทั้งการคิดวิเคราะห์ การสื่อสารและการทำงานเป็นทีมความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งการปฏิรูปโครงสร้างรัฐ เช่น การกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและจังหวัดสามารถบริหารจัดการตนเองได้อย่างมีอิสรภาพ

เราต้องส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้แข่งกับนานาชาติได้

อีกมุมหนึ่งเราต้องส่งเสริมภายในประเทศให้เป็นธรรมด้วยว่าจะทำอย่างไรให้ตลาดอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ถูกผูกขาดโดยกลุ่มทุนใหญ่ไม่กี่กลุ่ม ส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรมที่แท้จริง มีกฎหมายสนับสนุนทางการค้าที่สามารถบังคับใช้ได้จริง

และมีกลไกป้องกันการผูกขาด

 

ความฝันสุดท้ายคือมิติสังคม ไอติมบอกว่า ผมและพรรคอยากจะเห็นสังคมที่โอบรับทุกความฝันของคนทุกคน ทำอย่างไรให้ทุกคนเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานที่มีคุณภาพ ไม่ว่าคุณจะเกิดมาฐานะทางการเงินครอบครัวเป็นอย่างไร เกิดมาในภูมิภาคแห่งใด เราเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ การรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ น้ำประปาสะอาด ดีที่สุดคืออินเตอร์เน็ตที่ฟรี สวัสดิการพื้นฐานต่างๆ ต้องมี

ทั้งหมดมีความเท่าเทียมมากขึ้น อีกมุมหนึ่งทุกคนต้องมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันไม่ว่าคุณจะเกิดมามีรสนิยมทางเพศแบบใดคุณก็ควรที่จะสามารถสมรสแต่งงานกับคนที่คุณรักได้ ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจนับถือศาสนาใด หรือไม่นับถือศาสนาก็ต้องมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน มันเป็นสังคมที่ต้องโอบรับความฝันของคนทุกคน ให้คนเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานได้ และไม่เสียเสรีภาพในการดำเนินชีวิตตามที่ตนเองใฝ่ฝัน นี่คือภาพประเทศไทยในฝันที่ผมอยากเห็น

ทีนี้เมื่อมีฝันตรงกัน สิ่งสำคัญคือการวางเป้าหมาย คือการขับเคลื่อน วาระการเปลี่ยนแปลงหรือพยายามนำพาประเทศจากจุดที่เป็นปัญหาอยู่นี้ที่ไปสู่จุดที่น่าจะดีที่สุดสำหรับทุกคน ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น

นี่คือวาระหลักของพรรคก้าวไกลที่จะไป ต่อให้คุณจะเปลี่ยนนายกฯ กี่คน ใช้รูปแบบไหนถ้ามันไม่ได้ทำให้ประเทศขับเคลื่อนจากจุดนี้ไปถึงจุดนั้นได้ ก็ไม่ได้ถือว่าพวกเราประสบความสำเร็จ

 

ไอติมบอกอีกว่าถ้าวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ปัจจุบัน อีกไม่นานรัฐบาลนี้จะหมดเวลาแล้ว ถึงแม้ว่าจะลากยาวไปครบเทอมจนถึงต้นปีหน้า รัฐบาลประยุทธ์ก็จะหมดวาระ 4 ปี ในมุมพรรคก้าวไกลและบทบาทส่วนตัวของผม ตอนนี้สิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดคือการพยายามที่จะวิเคราะห์และพัฒนาชุดนโยบาย ที่จะไปนำเสนอกับประชาชนในวันเลือกตั้งครั้งหน้าว่า ถ้าหากพรรคก้าวไกลมีโอกาสเข้าไปเป็นรัฐบาล เราจะดำเนินและนโยบายแบบไหน จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างไร

นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นจุดที่ต้องโฟกัสและให้ความสำคัญมากที่สุด ณ ตอนนี้

ผมคิดว่าความท้าทายหนึ่งที่พรรคก้าวไกลเจออยู่แล้วคือ ในฐานะเป็นพรรคที่ไม่เคยได้เป็นรัฐบาลมาก่อน บางคนอาจจะตั้งคำถามว่า เห็นด้วยกับแนวทางของพรรคเรา แต่เขาก็มีคำถามว่าจะทำจริงได้หรือไม่?

นี่เป็นความท้าทายและเป็นภารกิจส่วนตัวของผมในฐานะผู้จัดด้านการรณรงค์นโยบาย ว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า เลือกก้าวไกลแล้วสิ่งที่เราพูดประกาศเอาไว้จะสามารถทำได้จริง

ผมคิดว่าเรื่องนี้มีแนวทางที่จะทำได้ คือความรอบคอบของกระบวนการและเนื้อหา ของชุดนโยบายที่นำเสนอไป ว่าจะทำอย่างไรให้ชุดนโยบายต่างๆ ที่เราเสนอ พอถึงวันเลือกตั้งแล้วเราจะสามารถชี้แจงได้ว่าทุกบาททุกสตางค์ของงบประมาณเราจะจัดสรรอย่างไรเพื่อตรงความเป็นจริงได้

หรือเราพูดถึงเรื่องการปลดล็อกท้องถิ่น เรารณรงค์อยากให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการบริหารจัดการตนเองมากขึ้น เราก็ต้องร่างชุดข้อเสนอมีแผนให้ประชาชนได้เห็นชัดว่าแผนการเพื่อนำไปสู่การปลดล็อกท้องถิ่นเราจะทำอย่างไร หรือว่ามีโครงสร้าง การบริหารจัดการจังหวัดในรูปแบบใหม่ที่เราอยากเห็นเป็นอย่างไร

ในตอนนี้ส่วนตัวผมคิดว่าไม่เพียงพอที่เราจะพูดเพียงแค่ว่าปัญหาในประเทศคืออะไร เราบอกว่ารัฐธรรมนูญต้องแก้ แต่เราต้องมีแผนของพรรคให้เห็นชัดๆ ระบุได้เลยว่าถ้าเราจะเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้ว จะเสนอให้มีการแก้ไขอย่างไร มาตราใดอย่างไร

หรือเวลาที่เราจะบอกว่างบประมาณ 3 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลประยุทธ์กำลังใช้อยู่ใช้ผิดจุด ไม่เพียงแค่นั้น เราก็ต้องนำเสนอให้เห็นเลยว่าถ้าเป็นเราเป็นรัฐบาล งบฯ จำนวน 3 ล้านล้านบาทจะถูกใช้อย่างไร จะจัดสรรงบประมาณอย่างไรให้มีงบประมาณเพียงพอสำหรับสวัสดิการสำหรับประชาชน จะจัดสรรอะไรให้ท้องถิ่นมีรายได้เพียงพอในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่

ดังนั้น ผมว่าอย่างแรกคือความชัดเจนและความรอบคอบในการออกแบบนโยบายที่มีการแจกแจงทั้งแผนปฏิบัติการและที่มาของงบประมาณ และสร้างกระบวนการที่ประชาชนมีส่วนร่วม อย่างผลงานเล็กๆ น้อยๆ ในพื้นที่ที่เราสามารถทำได้ ก็อยากจะทำให้ประชาชนเห็น ก็ต้องพิสูจน์ว่าเมื่อเข้าไปเป็นฝ่ายบริหารแล้วจะบริหารอย่างไร และผลงานตรงนั้นจะเป็นสิ่งที่เราหวังว่าจะเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชนว่า การเลือกให้เราเข้ามาบริหารประเทศ แม้ว่าตอนนี้ก้าวไกลยังไม่มีพื้นที่ไหนให้เข้าไปบริหาร แต่คณะก้าวหน้า (ที่เป็นเพื่อนบ้านของเรา) ที่มีชุดความคิดที่สอดคล้องกับพรรคก้าวไกลก็มีโอกาสได้ไปแสดงผลงานในระดับท้องถิ่น อย่างเช่น ที่ตำบลอาจสามารถ มีผลงานเรื่องการจะทำให้น้ำประปาดื่มได้

เป็นตัวอย่างที่เห็นได้เลย ว่าจะเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

 

ประการสุดท้ายสำคัญมากเลยคือ “การแสดงเจตจำนงและความชัดเจนทางการเมือง” ว่าเมื่อพอได้เข้าไปอยู่ฝ่ายบริหารแล้ว ผมมั่นใจเลยว่าเราจะเจอสารพัดกฎระเบียบหรือความเคยชินที่ทำให้เห็นว่าถ้าเราไม่มีเจตจำนงที่ชัดเจน มีวาระที่ชัดเจนเมื่อเข้าไปแล้วก็อาจจะวนลูปกลับมาทำสิ่งเดิมๆ ตามระบบได้อย่างง่ายดาย เช่น การจัดสรรงบประมาณ ถ้าเราไม่มีงบประมาณฉบับก้าวไกลที่ชัดเจน สุดท้ายจะวนลูปกลับมาเหมือนเดิม

ถ้าเรามีการคิดทำการบ้านมาก่อน มีวาระที่ชัดเจนว่าเข้าไปแล้ววันแรกเราจะทำอะไร ผมคิดว่าอันนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้การเปลี่ยนโครงสร้างของประเทศ การแก้ไขปัญหาของประเทศมันทำได้ตั้งแต่วันแรกที่เป็นรัฐบาล

นี่คือ 3 เครื่องมือที่ตั้งใจไว้ ในการทำให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า ในการทำนโยบาย

คือเราต้องมี

1. นโยบายชัดเจนสามารถแจกแจงรายละเอียดได้

2. การพยายามแสดงผลงานในพื้นที่ที่พอทำได้อย่างที่

3. คือการแสดงให้เห็นเจตจำนงทางการเมืองชัดเจน หากเข้าไปเป็นไปจริงๆ

 

ผมอยากทิ้งท้ายอย่างนี้ว่า เผื่อใครที่อ่าน-ฟังอยู่แล้วอาจจะยังไม่มั่นใจสิ่งที่พรรคก้าวไกลจินตนาการประเทศไทยในฝันของเราที่อยากจะเห็น ว่า มันไม่ได้เป็นอะไรที่เกินเลยไปกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศอื่นทั่วโลก เรามักได้ยินคนพูดเสมอว่าประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ทำไมเราถึงไม่มั่นใจว่าประเทศไทยสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้

เพราะฉะนั้น ผมจึงเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราจินตนาการ สิ่งที่เราคิดและอยากจะทำมันไม่ได้เกินเลยไปกว่าสิ่งที่ประเทศอื่นเขาทำได้สำเร็จมาแล้วเหมือนกัน จึงไม่เกินเลยสำหรับสิ่งที่เราคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศนี้

เพราะฉะนั้น เป็นภารกิจหลักของผมและพรรคก้าวไกลที่จะต้องทำให้ประชาชนให้เกิดความมั่นใจว่าชุดนโยบายที่พรรคเรานำเสนอสามารถทำได้จริงๆ

 

ชมคลิป