3 ป.ขาลง พปชร.วูบ-เศรษฐกิจไทยร้าว ‘ธรรมนัส’ หัก ‘บิ๊กน้อย’ ‘บิ๊กป้อม’ ปรับแผน ‘บิ๊กตู่’ ดื้อ และสัญญาณจาก ‘บิ๊กบี้’/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

3 ป.ขาลง

พปชร.วูบ-เศรษฐกิจไทยร้าว

‘ธรรมนัส’ หัก ‘บิ๊กน้อย’

‘บิ๊กป้อม’ ปรับแผน

‘บิ๊กตู่’ ดื้อ

และสัญญาณจาก ‘บิ๊กบี้’

 

แผงอำนาจ 3 ป. กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ท้าทาย และเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ว่าจะครองอำนาจรัฐต่อไปได้ หรือกำลังนับถอยหลังสู่จุดจบ

โดยเฉพาะสถานการณ์การเมือง หลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และสมาชิกสภากรุงเทพฯ ที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กวาดคะแนนแบบซูเปอร์แลนด์สไลด์ และพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล กวาดที่นั่ง ส.ก.ส่วนใหญ่ ขณะที่พรรคพลังประชารัฐได้แค่ 2 ที่นั่ง

ส่งผลให้ถูกมองว่า เพราะคะแนนนิยมของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลดลง รวมถึงการต่อต้านอำนาจฝ่ายทหารของ 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” ที่กำเนิดจากการรัฐประหาร ในนาม คสช.

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ยอมรับในความพ่ายแพ้ แต่มองว่าเป็นแค่การเลือกตั้งท้องถิ่นแค่จังหวัดเดียว ไม่ใช่ทั้งประเทศไทย ไม่สะท้อนอะไรทั้งนั้น ใครจะนิยมก็นิยม ผมก็ทำของผมเต็มที่แล้ว

ส่วนบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พี่ใหญ่ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แม้จะยอมรับว่า พปชร.ผิดพลาด และต้องทบทวน แต่ก็มองว่า เป็นเพราะกระแส และเป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น

แต่ไม่ตอบว่าเป็นเพราะเรตติ้งของ พล.อ.ประยุทธ์ลดลงหรือไม่

แม้ว่ากองเชียร์บิ๊กตู่จะโยนว่า เป็นเพราะ 3 ป.ที่ไม่เด็ดขาด และขัดแย้งกันเอง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ยอม พล.อ.ประวิตรมากเกินไป กลับจะเดินเกมการเมืองพลาด ที่ยอมใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และสูตรนับคะแนนแบบหารด้วย 100 ท่ามกลางกระแสข่าว “บิ๊กดีล” พรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย

อีกทั้งยังเกิดความแตกร้าวในพรรคพลังประชารัฐ สาขา 2 อย่างพรรคเศรษฐกิจไทย ที่น้องรักของ พล.อ.ประวิตร ขัดแย้งกันเอง ถึงขั้นที่ ส.ส. และกรรมการบริหารของพรรค ได้รับสัญญาณจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ให้ลาออก เพื่อบีบให้บิ๊กน้อย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรคพ้นตำแหน่ง

ถือเป็นการหักหน้า พล.อ.วิชญ์อย่างแรง แม้ว่าเจ้าตัวจะระแคะระคายมาล่วงหน้าแล้วว่าจะมีปฏิบัติการนี้

หลังจากที่ พล.อ.วิชญ์ให้สัมภาษณ์สื่อในวันเดียวกันไว้ว่า ยังจะไม่ลาออก แต่ยอมรับว่า คิดจะลาออก เพราะรู้สึกเหมือนเป็นแค่หัวหน้าพรรคหุ่นเชิด ไม่มีสิทธิ์มีเสียงในพรรค รวมทั้งจุดยืนไม่ตรงกัน เพราะ ร.อ.ธรรมนัสยืนกรานไม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ แต่มีน้องๆ ขอร้องไว้ จึงยังไม่ลาออก

จนในที่สุด พล.อ.วิชญ์ก็ต้องยอมลาออก เมื่อ 15 กรรมการบริหารพรรคลาออก และนำมาซึ่งความแตกหักกับ ร.อ.ธรรมนัส

ท่ามกลางข่าวสะพัดว่า ร.อ.ธรรมนัสไม่พอใจที่ พล.อ.วิชญ์เตรียมจัดวางตัวบุคคลในการลงสมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ส่งผลให้ ส.ส.ในพรรคไม่พอใจ เพราะมีคนของตนเองเตรียมไว้แล้ว

รวมทั้งมีปัญหาเรื่องสวนกล้วย ที่รู้กันดีว่า ร.อ.ธรรมนัสเป็นเสมือนหัวหน้าพรรคตัวจริง และเป็นเจ้าของสวนกล้วย แม้สวนกล้วยบางส่วนจะเป็นของ พล.อ.ประวิตรก็ตาม แต่ พล.อ.วิชญ์มองว่า พี่ใหญ่ยังคุมเกมเองทั้งหมด

แต่จุดพลิกที่สำคัญคือ พล.อ.วิชญ์เปลี่ยนจุดยืน จากที่ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ มาเป็นสนับสนุน หลังจากที่ พล.อ.ประวิตร พี่เลิฟขอร้องให้ช่วยนายกฯ ต่อไป ที่สวนทางกับจุดยืนของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ประกาศตนชัดเจนมาตลอดว่าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์

ด้วยเพราะ พล.อ.ประวิตรประกาศไว้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯ ไปอย่างนี้จนจบ ไม่มีใครล้มนายกฯ แต่ไม่พูดชัดว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะยังคงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ต่อหรือไม่

อีกทั้ง พล.อ.วิชญ์เคยยืนยันกับ พล.อ.ประยุทธ์เองว่า ไม่คิดแทงหลังน้อง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นรุ่นน้อง ตท.12 จปร.23 ส่วน พล.อ.วิชญ์ เป็น ตท.11 จปร.22 แม้จะถูกมองว่า ถูก พล.อ.ประยุทธ์ตัดหน้าขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ทั้งๆ ที่มีอายุราชการถึง 4 ปีก็ตาม แต่ไม่เคยโกรธ จึงทำให้ พล.อ.วิชญ์ต้องรักษาคำพูด

แต่ยิ่งผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.ออกมาแบบ พปชร.แพ้ลุ่ย จน พล.อ.ประวิตรมีแนวคิดที่อยากจะให้ พล.อ.วิชญ์กลับมาอยู่ พปชร. และต้องการให้ ร.อ.ธรรมนัสกลับมาเป็นเลขาธิการพรรค พปชร.อีกครั้ง เพื่อช่วยกอบกู้พรรค

แต่ ร.อ.ธรรมนัสก้าวไปไกลเกินกว่าที่หันหลังกลับมาอยู่ พปชร. หรือยุบรวมพรรคเศรษฐกิจไทยกับ พปชร. เพราะแสดงจุดยืนชัดเจนไม่เอาบิ๊กตู่ แม้ว่าจะยังเคารพ พล.อ.ประวิตรเช่นเดิมก็ตาม

อีกทั้งมาถึงจังหวะที่คะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ตกลง พลังอำนาจ 3 ป.และมนต์ขลัง คสช.เสื่อมคลายแล้ว และเป็นก้าวย่างที่ ร.อ.ธรรมนัสสามารถขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยเองได้เลย

 

อีกทั้งต้องรอดูเกมของ พล.อ.ประวิตร ว่าจะเดินต่อแบบไหน จะส่งใครมาเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยคนใหม่ ระหว่างบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. น้องรัก ที่เพิ่งไปยุโรป และไปซีเกมส์ที่เวียดนามกับ พล.อ.ประวิตรมา แต่ต้องรอพ้นจากเว้นวรรคทางการเมืองครบ 2 ปี ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ก่อน เพราะพ้นจาก ส.ว.โดยตำแหน่ง มาจะครบ 2 ปี

หรืออาจเป็นบิ๊กป๊อด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชายแท้ๆ ของ พล.อ.ประวิตร ที่สนิทสนมกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร แต่ก็จะถูกเชื่อมโยงกับ พล.อ.ประวิตร จนยากจะแยก

ขณะที่ ส.ส.ในพรรค ต่างก็หนุน ร.อ.ธรรมนัสเป็นหัวหน้าพรรคเอง คุมทุกอย่างเบ็ดเสร็จ

ปัญหาในพรรคเศรษฐกิจไทย และปัญหาระหว่าง พล.อ.วิชญ์ กับ ร.อ.ธรรมนัส ครั้งนี้สะเทือนถึง พล.อ.ประยุทธ์เต็มๆ แม้จะมีหลายสาเหตุภายในพรรค แต่ก็ทำให้นายกฯ ได้เห็นว่า ทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.วิชญ์ ไม่มีใครคุม ร.อ.ธรรมนัสได้

การถอยออกจากพรรคเศรษฐกิจไทยของ พล.อ.วิชญ์ จึงถูกมองว่าเป็นการปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อย ร.อ.ธรรมนัส และ ส.ส.ของเขาอย่างอิสระ

แม้ว่าในทางปฏิบัติ ร.อ.ธรรมนัสอาจยังฟัง พล.อ.ประวิตรอยู่บ้างก็ตาม แต่หากเป็นหัวหน้าพรรคเอง ร.อ.ธรรมนัสก็จะเป็นเสมือนเสือติดปีก ที่จะทำให้ทหารเสือฯ อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ อาจนอนไม่หลับ และต้องระวังหลังตลอด โดยเฉพาะเกมในสภา ทั้งการอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 ในวันที่ 31 พฤษภาคม-2 มิถุนายนนี้ และจนถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะมีสวนกล้วยที่อุดมสมบูรณ์ และมี พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ที่จะรักษาสัญญาในการประคองน้องไปจนครบเทอม

แต่หากไม่มี พล.อ.ประวิตร ก็ยากที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินบนถนนการเมืองได้อย่างปลอดภัย

เพราะหันมองไปที่กองหลังอย่างกองทัพ ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ เพราะผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.ครั้งนี้ ก็เป็นการตอกย้ำว่า ทหารสั่งไม่ได้ ว่าจะให้ช่วยเทคะแนนให้ใคร เบอร์ไหน

หน่วยเลือกตั้งหน้าหน่วยทหาร ที่กำลังพลและครอบครัวมาใช้สิทธิ์นั้น ปรากฏว่าเลือกนายชัชชาติกันเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าบางหน่วย นายสกลธี ภัททิยกุล เบอร์ 3 อาจชนะ เพราะมีข่าวสะพัดในโค้งสุดท้ายว่า ให้คนที่จะเลือก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เทคะแนนมาให้

และพบว่า คะแนนจะกระจาย แชร์กัน ทั้งนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือแม้แต่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จากพรรคก้าวไกล ก็ได้คะแนนในหน่วยเลือกตั้งเขตทหารไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่เลือกนายชัชชาติ

ด้วยเพราะสมัยนี้ ผบ.หน่วยจะสั่งให้เลือกเบอร์ไหนก็ไม่ได้เพราะกลัวโดนอัดคลิป อัดเสียงไปแฉ หรือพลทหารโทร.บอกพ่อแม่ และหากทหารไม่เลือก แล้วถูกลงโทษ ก็จะโดนแฉออกสื่ออีก ดังนั้น เทคนิคของ ผบ.หน่วย จึงต้องใช้วิธีอธิบายเหตุผล ข้อดีข้อเสีย ให้ตัดสินใจเอง ผลจึงออกมาเช่นนี้

ซึ่งไม่ว่าใครจะเป็น ผบ.เหล่าทัพ ก็ไม่แตกต่างในเรื่องคะแนนเสียงเลือกตั้ง ที่จะช่วยได้ไม่มากนัก

ดังนั้น หากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ที่ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และมีแนวโน้มใช้สูตรนับคะแนนแบบหารด้วย 100 อาจเอื้อต่อพรรคเพื่อไทยให้ชนะแบบแลนด์สไลด์ หรือไม่ถล่มทลาย แต่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้เป็นนายกฯ จึงอาจมีความวุ่นวายทางการเมืองตามมา จากแกนนำกลุ่มม็อบ กปปส.เดิม หรือกองหนุน พล.อ.ประยุทธ์ และอาจนำไปสู่การสร้างสถานการณ์ เรียกให้ทหารก่อการรัฐประหารอีก

แต่ทว่า การรัฐประหารในยุคนี้ ไม่อาจทำได้ง่ายเช่นแต่ก่อน ที่ ผบ.ทบ.นำยึดอำนาจ แต่ปัจจุบัน ผบ.ทบ.เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย แถมหน่วยกำลังรบที่เคยใช้ในการปฏิวัติ ก็โอนย้ายเป็นหน่วยในพระองค์ และเป็นหน่วยใน ฉก.ทม.รอ.904 หรือเรียกว่า เป็นทหารคอแดง ไปแล้ว

สถานการณ์ที่ส่อเค้าลางวุ่นวายเหล่านี้ รวมทั้งการปลุกกระแสคนเสื้อแดงให้กลับมาหนุนพรรคเพื่อไทยอีก ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ประกาศจะต่อต้านการกลับมาของระบอบทักษิณ จึงทำให้บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ต้องจัดพิธีทำบุญให้ 7 ทหารที่เสียชีวิต จากการกระชับพื้นที่คนเสื้อแดง ในปี 2553 ที่วัดโสมฯ เพื่อตอกย้ำว่า ไม่ใช่มีแค่ผู้ชุมนุมเสียชีวิต และบาดเจ็บ แต่ทหารก็เสียชีวิต บาดเจ็บ พิการด้วยเช่นกัน

“เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดเพราะสูญเสีย บาดเจ็บทุกฝ่าย เพราะมีการใช้ความรุนแรงซึ่งกันและกัน จึงไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ขอให้เป็นบทเรียน” พล.อ.ณรงค์พันธ์ระบุ หลังจากที่เคยยืนยันแล้วว่า ไม่มีรัฐประหาร

สถานการณ์การเมืองที่อำนาจ 3 ป.เริ่มเสื่อมคลาย ทำให้บรรดานายทหารสายเลือดเตรียมทหาร สายเลือด จปร.ในกองทัพ ต่างเป็นห่วง และจับตามองว่า ทั้ง 3 ป. อดีตนายทหารรุ่นพี่ จะแก้ปัญหานี้อย่างไร เดินเกมอย่างไรให้ชนะ และไม่ให้ต้องมาเดือดร้อนน้องๆ ในกองทัพอีกในอนาคต

เช่นที่พี่น้อง 3 ป.เคยต้องเข้ามาแก้ปัญหาจากความผิดพลาดของรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยรุ่นพี่ที่รัฐประหารเสียของ จนต้องมี 22 พฤษภาคม 2557 ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ น้องเล็กใน 3 ป. ที่มีพี่ใหญ่ และพี่รองคอยช่วยเหลืออยู่ จนอยู่ยาว 8 ปี ยังถอยไม่ได้

ยกเว้นเสียแต่ว่า หากบิ๊กดีลที่ร่ำลือกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐ ของ พล.อ.ประวิตร กับพรรคเพื่อไทย ของคนแดนไกล กลายเป็นความจริง ก็อาจจะเป็นการผ่องถ่ายอำนาจเพื่อให้ 3 ป.ได้ซอฟต์แลนด์ดิ้ง แบบไม่ต้องระวังหลัง โดนเช็กบิลย้อนหลัง ก็เป็นได้

เมื่อ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา วันครบรอบ 8 ปีรัฐประหาร คสช. เป็นวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ถูกปฏิวัติล้มอำนาจจากผลเลือกตั้งนั้น หลังใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้ว พี่น้อง 3 ป.ก็นัดเจอกัน ในการปรับกลยุทธ์ สู้ศึกการเมืองต่อไป

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ยอมถอย มอง กทม.เป็นแค่จังหวัดหนึ่ง แต่ประชาชนในต่างจังหวัดยังให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์จึงยังต้องการไปต่อ แม้จะมีเสียงเตือนให้ลงจากหลังเสือแบบสวยๆ ในสมัยนี้ ดีกว่าสู้เลือกตั้งครั้งหน้าแล้วแพ้ลุ่ยก็ตาม

แต่ดูเหมือนว่า เลือดทหารนักสู้ ยังคงเต็มกาย พล.อ.ประยุทธ์ แต่ภาระหนักมาอยู่ที่ พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่รอง ที่ต้องผนึกกำลังกันอีกครั้ง

เว้นเสียแต่ว่า พี่ใหญ่จะมีเกมของตนเอง แบบที่น้องเองก็อาจจะคาดไม่ถึง