ฮุน เซน-ในภาษากาย 108

อภิญญา ตะวันออก

สิ่งที่นักจับผิดบุคลิกภาพผู้นำสังเกตเห็นคือ สมเด็จฮุน เซน แห่งกัมพูชา ในแง่นักการเมืองที่มีการปรับปรุงมากคนหนึ่งในบรรดาผู้นำแห่งประชาคมภูมิภาคอาเซียน

แบบทดสอบดีเด่น ก็ตอนที่ไปวอชิงตันเพื่อประชุม “สุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐ” นี่แหละ

เชื่อไหม ถ้าฉันจะบอกว่า ในบรรดาผู้นำทุกคนที่นั่น ไม่มีใครเลยที่เทียบเท่าฮุน เซน คนที่ชอบประชุมระดับนี้เข้าเส้นเลือด และเขามีประสบการณ์ลากไส้แบบนี้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1989 ตอนถกเขมร 4 ฝ่ายที่กรุงปารีส ใหญ่กว่าซัมมิตรอบนี้

ตอนนั้นเขาเพิ่งจะอายุเพียง 36 ปี ดังนี้ พัฒนาการทาง “กายวิกา” หรือ “ภาษากาย” ของฮุน เซน ที่วอชิงตันหนนี้ เขาจึงดูมีภาษีเมื่อเทียบกับอีกหลายผู้นำในอาเซียนที่ภาษากายและการแสดงออกไม่ได้เรื่อง จนถูกนำไปล้อเลียนในติ๊กต็อก

“หลักเหลี่ยม” เรื่องการทูตและธรรมเนียมแบบนี้ ฮุน เซน มีเหนือเมฆและมากขึ้นตามลำดับชั้นสมเด็จ และโดยเฉพาะทุกครั้งที่ได้นั่งแท่นเป็นประธานอาเซียน เห็นชัดว่าทุกวาระ ฮุน เซน มีวาระซ่อนเร้น “hidden agenda” ทางการเมือง ตั้งแต่ภูมิภาคกรณีเมียนมาจนถึงวอชิงตัน

แต่เชื่อไหม ในอดีต ฮุน เซน เคยถูกล้อเลียนมากที่สุดรายหนึ่ง ด้วยบุคลิกเหมือนมาเฟียที่ชอบถุนบุหรี่ยี่ห้อดัง 555 ตั้งแต่ครั้งที่ยังหนุ่ม อย่างไม่รู้ตัวมารยาททางสังคม เขาชมชอบทำกิริยายียวนและชี้นิ้วใส่หน้านักข่าว เป็นภาพจำยุค ’90 กว่าจะเลิกบุหรี่และลดท่าอาการได้ กิริยาแข็งกร้าวนั้นก็กลายเป็นภาพจำไปแล้ว

แต่มันไม่ใช่ปัญหาเมื่ออำนาจมากล้นยังอยู่แค่ในประเทศ แต่ถ้าเป็นออกนอกสังเวียน ก็คงต้องมีกุนซือรดับพระกาฬคอยประกบหน้าหลัง

ดังนั้น โปรดเข้าใจด้วยว่า เรื่องการปรับบุคลิกภาษากายสไตล์นี้ ถ้าไม่ตั้งใจจะเอาดี ก็ใช่ว่าจะมีได้

ขนาดคนที่ภาษากายดีอย่างนายบารัก โอบามา-อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ยังเอาตัวไม่รอดมาแล้วเมื่อเผลอไผลไปใช้ท่าทีกึ่งเหยียดและเย็นชาต่อผู้นำกัมพูชาจนเป็นเรื่องให้เคืองกันมา 10 ปี เสียหายขนาดว่า ไม่มีทูตสหรัฐคนไหนเข้าหน้าสมเด็จฮุน เซน ได้อีกเลย และนับแต่นั้น จีนก็มากินรวบ

การแก้ไขกายวิกา-เพื่อให้เกิดสมดุล “กัมพูชา-อเมริกัน” จึงเป็นความสำคัญมากกว่าจะกล่าว เรามีความสัมพันธไมตรีกันมาแล้วกี่ปี “ภาษากาย” จึงไม่ได้เกิดขึ้นมาอย่างลอยๆ แต่เป็นเรื่องของมืออาชีพ ที่ต้องทำกันเป็นทีม

“ภาษากาย 108” ของฮุน เซน ผู้นำเขมร ที่ในอดีตเคยถูกจับผิดมามากในความไม่สากล ตั้งแต่ ไม่นิยมดื่มแชมเปญ-ไวน์แดง และอาหารจานฝรั่ง จนถูกตราหน้าว่าล้าหลัง อีกทั้งการแสดงออกของจังหวะภาษากายอื่น ถ้าไม่หัดมาฝึกมาบ้าง ก็ยืนหลังไม่ผายและเอาหน้าติดโต๊ะ

มันตลกตรงที่อยู่บ้านตัวเองที่พนมเปญ ฮุน เซน ใส่เสื้อกล้ามขาวตราห่าน? นั่งกินข้าวเย็นสั่งงานอยู่หัวโต๊ะ ก็ไม่มีใครสน แต่มันอยู่กับบริบทว่าเขาทำอะไร ถ้าฮุน เซน ใส่ชุดขาวไว้ทุกข์ในงานศพของพี่ชาย แต่พอหัวหน้าร่วมพรรคฝ่ายค้านที่ทั้งเคยถูกจองจำและกักบริเวณ มานั่งยิ้มแป้นกินกล้วยไข่กับฮุน เซน

พลัน ปฏิกิริยาผู้สนับสนุนกึม สกขา ก็เกิดความเดือดดาล

นั่นเอง ที่ฉันรู้สึกว่า ภาษากาย 108 ของฮุน เซน นี้ ช่างมีหลักเหลี่ยมร้ายกาจและยากที่ใครจะตามทัน

แต่การปรับลุคใหม่ๆ โดยเฉพาะครั้งนี้ที่ไปวอชิงตัน ใช่ว่าจะดีเด่นไปทุกด้าน หากรำลึกว่า แบ๊กอัพอย่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะรื่นรมย์ไปหมดเมื่อรำลึกถึงหนหลัง สมัยที่ช่วยเหลือนโรดม สีหนุ แต่ก็ถูกสมาชิกราชนิกุลบางคน “ล้วงตับ” เอาความลับไปขายซีไอเอ

หมดยุคสงครามเย็น แต่ความหวาดระแวงแบบนั้นจะกลับมากับกัมพูชาอีกหรือไม่? หรือฮุน เซน นั่นเองที่เล็งเห็นการเล่นแร่แปรอำนาจจาก “สมการใหม่” ที่มีวอชิงตันป็นศูนย์กลาง?

สังเกตไหม? ฮุน เซน ที่ไม่เคยเปิดทางให้นักการทูตตะวันตกมาร่วมทศวรรษแล้วตั้งแต่คบกับจีน แต่เที่ยวนี้ เขากลับส่งเมง กิต-ประธานบีโอไอไป “โรดโชว์” ที่นั่นเพื่อเปิดทางให้นักลงทุนอเมริกันขยานฐานกัมพูชา?

“แมวสีอะไรก็จับหนูได้”, “รู้หน้าไม่รู้ใจ”, “ไม่มีมิตรแท้-ศัตรูถาวร” สโลแกนที่ชื่นชมกันนักในผู้นำปักกิ่ง ลำพังแค่ฮุน เซน คนเดียว ก็ไม่พอจะ (ใช้) ยาไส้

อาทิ ซุน จันทล ที่ฮุน เซน เหน็บติดหลังไปวอชิงตันรอบนี้ นี่คือ รมต.กัมพูชาคนเดียวที่ถือสัญชาติสหรัฐ และเป็นมือวางข้างหลังในการ “ดีล” กับนักการทูตสหรัฐ แต่ขอโทษหน้ากล้องของพวกเขาคือยืนห่างและหันหลัง?

และซุน จันทล นี่แหละที่อยู่เบื้องหลังฮุน เซน บนเวทีนานาชาติ เขาคือคนที่ปรับปรุงภาพลักษณ์และ “กำจัด” จุดอ่อนให้สมเด็จที่เก่งด้านเศรษฐกิจ แต่ก็เป็นเบอร์ 2 ของ ครม.ฮุน เซน ที่ถูกส่งไปทำงานโยธาแทนนอมินีด้านเศษฐกิจอย่างเมง กิต

ซุน จันทล ไม่ใช่มือดีลกับทางการจีน ใครจะสะเออะเอา รมต.ที่ถือสัญชาติสหรัฐด้วยไปคุยกับจีน จนการมาถึงของวอชิงตันซัมมิต และว่า ทำไมฮุน เซน ใช้ รมต.ต่างประเทศ-ปรัก สุคน ที่โดดเด่นเรื่องเมียนมา

มาถึงจุดสูงสุดของวันนี้ ถ้าไม่แน่จริง คงไม่ป่วนแสบวอชิงตันมานานปี แต่การที่เมง กิต ไปดีลลงทุนกับสหรัฐรอบนี้ ช่างบังเอิญตรงกับตอนที่จีนส่อกำลังฝืดเคือง

ภาษากายฮุน เซน บ่งบอกว่า เขากำลังเล่นเกมที่ใหญ่ขึ้น และอยากจะฟอกขาวตัวเองด้วย หลังจากที่หลายคนในคณะถูกสหรัฐอ้างขึ้นบัญชีดำ!

ให้คิดว่า ไปซัมมิตรอบนี้ จึนคงถอดบทเรียนจากฮุน เซน จนมือสั่น

เรื่องโดน “เกือกลอย” ใส่หน้าท่ามกลางฝูงชน จึงอาจจะคุ้มค่า สำหรับประสบการณ์ไปอเมริการอบนี้

กว่า 10 ปีแล้วที่ตระกูลฮุนของเขาถูกต่อต้านหนักจากชาวเขมร-สหรัฐ ทั้งพลโทฮุน มาเนต และฮุน มานี ที่ต่างถูกปาถุกรรม/ประท้วง จนสมเด็จฮุน เซน แสนจะเดือดดาล แต่ไม่ใช่หนนี้ ที่เขามีความสงบเยือกเย็นและชื่นมื่น จากกลุ่มสนับสนุนที่ร้องตะโกนเรียกขานอย่างอบอุ่น

ทั้งคุณอา, คุณลุง, คุณตา และขอถ่ายภาพเซลฟี่ แต่ที่เด็ดมากและ ถ้าหูไม่ฝาดเผื่อน คือตะโกนเรียกว่า “สมเด็จตา!”

สะกิดให้เราหวนคิดถึงคำว่า “สมเด็จโอว/สมเด็จพ่อ” พระนามที่ใช้กับพระบาทนโรดม สีหนุ!

นับว่าเป็นการยกระดับสุดๆ ของฮุน เซน ที่มาถึงยุคปลาย ส่วนอากัปกิริยานั้น ไม่ต้องห่วงว่าภาษากายของสมเด็จจะไปถึง ณ จุดการเชิดชูนั้นหรือไม่

มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ฮุน เซน เมื่อหนุ่มในภาษากายแบบมาเฟียได้ตายแล้ว และเมื่ออยู่ในวัยปัจฉิมปลาย เขาได้ประเทืองเมืองแขมร์ไปพร้อมกับตัวเองอย่างดียิ่ง

แลบอกว่า ณ ภาษากายและการทูตที่กรุงพนมเปญ ท่าทีเย็นชาไร้มารยาทที่ปรากฏต่อเจ้าหน้าที่สหรัฐอย่างบ่อยครั้ง ยิ่งทำให้เห็นว่าที่ผ่านมาทั้งหมด คือวาระซ่อนเร้นแห่งการแสดงหรือไม่ และถึงบางประเด็นจะสนองรสนิยมส่วนตัวไปบ้าง แต่สำหรับทางการเมืองแล้ว สมเด็จฮุน เซน มีสายตายาวไกลต่อกัมพูชาแบบใด?

เพราะยุทธศาสตร์การเอาตัวรอดยุคสมัยที่ผ่านมา กัมพูชาไม่ว่า-สีหนุหรือลอน นอล ต่างก่อปม “หล่มสงคราม” ที่มีฉากหลังเป็นคือสหรัฐและจีน!

มาจนถึงยุคฮุนเซนที่ได้ “ลายเซ็น” เป็นของตัวเอง และจะบังเอิญหรือไม่? ด้วยการทูตเช่นนั้น…มันกลับย้อนเกล็ดเป็นบทเรียนแก่ทั้งจีนและสหรัฐ!

แม้ความจริงนั้น เดิมพันการด้วยระบอบฮุนเซน ที่ยังต้องเล่นแร่แปรอำนาจนี้ต่อไปอย่างยาวไกลเท่าที่ตระกูลฮุนทั้งหมดจะทำได้ แต่ด้วยทักษะที่ไม่พบในผู้นำคนไหน ตั้งแต่ชั้นกษัตริย์ลงมาถึงระดับนายทหาร ภาษากาย 108 ฮุนเซนพันเล่มเกวียน คือหลักเหลี่ยมการเมืองที่แพราวพราวและไม่มีผู้นำเขมรคนไหนเคยทำได้!

ด้วยแคมเปญ “ชนะX3” สโลแกนวลีที่คณะต้อนรับฮุน เซน ต่างพากันร้องตะโกนไปทั่วหน้าโรงแรมเมืองมะกัน

ถ้านี่ไม่ใช่การรับมือต่อ “ระเบียบดุลอำนาจใหม่” ระหว่างจีน-สหรัฐ

เราคงต้องสดุดีให้ผู้นำชาวเขมรคนนี้ที่กล้าหาญเล่นแร่แปรอุบายและทำให้หมู่บ้าน “อาเซียน” รอบนี้

และมี “กายวิกา 108”