เปิดข้อหา ‘หมอปลา’ หลวงปู่แสง-คดีพลิก พศ.ลุย-สั่งรื้อ 8 เรื่องเก่า พิสูจน์ศรัทธาชาวพุทธ/อาชญากรรม อาชญา ข่าวสด

หมอปลาขอขมา

อาชญากรรม

อาชญา ข่าวสด

 

เปิดข้อหา ‘หมอปลา’

หลวงปู่แสง-คดีพลิก

พศ.ลุย-สั่งรื้อ 8 เรื่องเก่า

พิสูจน์ศรัทธาชาวพุทธ

 

กลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่มีผลกระทบอย่างยิ่งต่อพระพุทธศาสนา

นั่นก็คือบทบาทการบุกวัด ตรวจค้น จ้องจับผิดพระที่ประพฤติผิดวินัย ตลอดจนกดดันให้ต้องลาสิกขา ของหมอปลา หรือนายจีรพันธ์ เพชรขาว ที่ก่อนหน้านี้อ้างตนเป็นมือปราบสัมภเวสี แต่หันมาเอาดีด้านการตรวจสอบพระ

อ้างเหตุของการปกป้องพระพุทธศาสนา เป็นปัจจัยหลัก และช่วยเหลือสังคมให้พ้นจากความเชื่องมงายต่างๆ

ซึ่งตอนแรกก็ได้รับความสนใจ ทั้งจากการบุกสึกพระเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก ที่ จ.สมุทรปราการ จากการซุกสีกาในกุฏิ จนกลายเป็นภาพไวรัลใช้ที่คาดผมรัดหัวแก้ปวด

ตลอดจนบุกทลายลัทธิประหลาดของพระบิดา ที่ จ.ชัยภูมิ

แต่ภารกิจล่าสุดที่เข้าตรวจสอบพระเกจิชื่อดังอย่างหลวงปู่แสง พร้อมถ่ายคลิปกล่าวหาว่าลวนลามสีกา

สุดท้ายเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าหลวงปู่อาพาธ เป็นอัลไซเมอร์ กระแสก็ตีกลับทันที

ตามมาด้วยการแจ้งความดำเนินคดีกันเป็นพัลวัน สำนักงานพระพุทธแห่งชาติที่เคยนิ่งเงียบ ก็ออกโรงเป็นโต้โผใหญ่ กุมโอกาสนี้ไว้อย่างมุ่งมั่น

สุดท้ายจะจบยังไงคงต้องรอดู ที่แน่ๆ คือเต็มไปด้วยคดีความ และดราม่าร้อนๆ คงเสิร์ฟต่อให้สังคมได้เสพกันอย่างยาวนานแน่นอน!!

วัดขึ้นป้ายโจมตี

ถล่มหมอปลาลบหลู่หลวงปู่

เหตุการณ์บุกวัดเกจิดังครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยหมอปลา หรือนายจีรพันธ์ ระบุว่าได้รับเรื่องร้องเรียนจากหญิงสาวรายหนึ่ง ให้ตรวจสอบหลวงปู่แสง ญาณวโร พระเกจิชื่อดัง ที่ที่พักสงฆ์บ้านดงสว่าง ต.โคกนาโก อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร พร้อมนำคลิปเหตุการณ์อ้างว่าเป็นญาติโยมแม่-ลูก เข้าไปทำบุญที่กุฏิ แล้วถูกลูกศิษย์หลวงปู่ ที่เป็นทั้งพระและฆราวาส เรียกให้เข้าไปใกล้ๆ จากนั้นหลวงปู่แสงก็ลูบหัว มีลักษณะคล้ายโอบกอด

ก่อนประสานเจ้าหน้าที่สำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดยโสธร และสื่อมวลชนคณะใหญ่เข้าตรวจสอบ ซึ่งการสื่อสารเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะหลวงปู่แสงมีอายุถึง 98 พรรษา ขณะที่พระลูกศิษย์ชี้แจงว่าเป็นความเมตตาของหลวงปู่ ที่สำคัญหลวงปู่เป็นอัลไซเมอร์ ซึ่งการกระทำบางอย่างเป็นไปตามความเคยชิน

ขณะที่หลวงปู่แสงไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่โยนพระเหรียญรูปเหมือนให้ จนเกิดวิวาทะระหว่างทีมหมอปลากับผู้สื่อข่าว และลูกศิษย์

ด้านนายสิทธิลักษณ์ จิตอาคนารัตน์ ผอ.สำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดยโสธร ระบุว่า ดูจากคลิปวิดีโอนั้นมีการแตะตัวหญิงสาว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเข้าข่ายผิดพระธรรมวินัยจริง ส่วนเรื่องจะเข้าข่ายอวดอุตริเรื่องธาตุขันธ์ในร่างกายหรือไม่นั้น จะส่งเรื่องดังกล่าวไปยังเจ้าคณะปกครองสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต

ทั้งนี้ กระแสตอนแรกสังคมอยู่ในฝั่งหมอปลา แถมพระลูกศิษย์หลวงปู่ ยังฉันปัสสาวะโชว์ อ้างถึงความศักดิ์สิทธิ์ เรื่องเลยไปกันใหญ่

แต่ต่อมาเมื่อมีการตั้งคำถามว่าพระที่มีอายุถึง 98 พรรษา ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาตลอด ด้วยอายุที่อาจจะหลงลืม แถมยังมีอาการป่วย อย่างนี้ถือว่ากระทำผิดวินัยหรือไม่

จนวันที่ 14 พฤษภาคม คณะแพทย์ รพ.พริ้นซ์ อุบลราชธานี แถลงอาการอาพาธ 10 กลุ่มโรค ประกอบด้วย 1.ทางเดินอาหารผิดปกติ ท้องผูก 2.ภาวะโรคหัวใจโต โดยเฉพาะห้องล่างด้านซ้าย ทำให้มีปัญหาหัวใจล้มเหลวบางครั้ง 3.ความดันโลหิตสูง 4.ต่อมลูกหมากโต 5.ปวดหลัง เนื่องจากกระดูกสันหลังคด 6.ข้อเข่าสองข้างเสื่อม มีโรคเกาต์ 7.กระดูกพรุน ยุบตัว 8.นอนหลับยาก 9.สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ จากการประเมินเบื้องต้น อยู่ในระยะที่ 1 หรือ 2 10.ภาวะพฤติกรรมอารมณ์ที่ผิดปกติ เนื่องจากสมองเสื่อม

พร้อมย้ำผลจาก MRI บอกว่ามีอาการเสื่อมของสมองจริงๆ เกิดภาวะสมองเกิดการขาดเลือดเป็นจุดๆ ทำให้เกิดความจำเสื่อมในปัจจุบัน ทำให้ความจำระยะสั้นไม่ได้ แต่จำระยะยาวได้

หลวงปู่แสงให้อภัย

ยืนยันเป็นอาการอาพาธจริง

พศ.ลุยแหลกฟันทุกข้อหา

หลังจากข้อเท็จจริงปรากฏ กระแสก็ตีกลับหมอปลา และเมื่อตรวจสอบขุดคุ้ยก็ลามไปถึงทีมงานสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวหมอปลา เมื่อพบว่า 1 ในผู้สื่อข่าว เป็นคนในคลิปแอบถ่าย จนถูกมองว่าเป็นการจัดฉากล่อซื้อ จนเกิดการสั่งพักงานกันอุตลุดและคำสั่งเลิกจ้าง

ขณะที่หมอปลา และทีมงาน ตั้งโต๊ะแถลงขอโทษที่บ้านพักใน จ.เพชรบุรี พร้อมทำพิธีขอขมาต่อหน้ารูปหลวงปู่แสง ระบุรับข้อมูลผิดพลาด แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะล่วงเกินหลวงปู่ แต่ต้องการให้พระอุปัฏฐากดูแลหลวงปู่ให้ดีกว่านี้

ด้านนายอนันต์ไชย ไชยเดช ทนายความที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่แสง ก็แถลงภายหลังเข้าสักการะ ที่วัดป่าอรัญญาวิเวก จ.อำนาจเจริญ ระบุว่า การกระทำของหมอปลาเหมือนเป็นการเหยียบย่ำหัวใจชาวอีสาน แต่จากการเข้าไปกราบไหว้หลวงปู่ ระบุว่าไม่อยากเอาเรื่องเอาความกับบุคคลดังกล่าว ขอให้จบไป แต่หากใครจะแจ้งก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ก็จะดำเนินการตามที่หลวงปู่ต้องการด้วยการมีเมตตา และให้อภัย

อย่างไรก็ตาม เรื่องดูจะไม่จบลงง่ายๆ เมื่อตัวแทนชาวยโสธร เข้าแจ้งความที่ สภ.ป่าติ้ว ให้เอาผิดหมอปลา ใน 4 ข้อหาหนัก ประกอบด้วย 1.สร้างพยานหลักฐานเท็จ เพื่อให้บุคคลอื่นได้รับโทษทางอาญา 2.พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 3.พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และ 4.อั้งยี่ซ่องโจร

เช่นเดียวกับสำนักพระพุทธศาสนาฯ ที่ก่อนนี้นิ่งเงียบมาตลอด ก็สั่งรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐาน เอาผิดหมอปลาทุกข้อหา

โดยนายสิทธา มูลหงษ์ ผู้ตรวจราชการ และโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ระบุว่า นายสิปป์บวร แก้วงาม ผอ.พศ. มอบหมายให้กลุ่มนิติกร ซึ่งรวบรวมข้อมูลดำเนินคดี ซึ่งไม่เฉพาะหลวงปู่แสง แต่จะดูในทุกกรณีที่หมอปลามีการบุกเข้าไปในกุฏิสงฆ์ด้วย

ล่าสุด นำมาตรวจสอบแล้ว 8 กรณี เพราะอาจจะมีความผิดเข้าข่ายกฎหมายหลายเรื่อง เช่น การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล, ความผิดทางอาญา, ความผิดตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ รวมทั้งความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

หมอปลาขอขมา

ฟันทุกข้อหา ฟันทุกกรณี!!

เปิดประวัติมือปราบสัมภเวสี

สําหรับหมอปลา หรือนายจีรพันธ์ นั้นมีชื่อเสียงมาจากการเป็นมือปราบสัมภเวสี ทำรายการมาหลากหลาย เน้นไปที่เรื่องความเชื่อของบุคคล และมีภาพลักษณ์ชอบทุบทำลายศาลพระภูมิเจ้าที่

โดยระยะหลังเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ผ่านเฟซบุ๊กหมอปลาช่วยด้วย และช่องทางยูทูบ เน้นเรื่องการไปสำรวจเรื่องราวแปลกประหลาด ช่วยเหลือคนที่ร้องเรียนมา อย่างไรก็ตาม หลัง ๆมักจะเข้าไปพัวพันกับเรื่องพุทธศาสนา

ที่โด่งดังและจำกันได้ก็เป็นเรื่องการบุกไปตรวจสอบกุฏิเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ระบุว่ามีสีกาเข้ามาในกุฏิเจ้าอาวาส ซึ่งจากการตรวจค้นพบสีกาซ่อนตัวอยู่ใต้บันไดทางขึ้นชั้น 2 ของกุฏิ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565

และในขณะที่เข้าตรวจค้นพร้อมคณะสื่อมวลชน ก็พบที่คาดผมตกอยู่ โดยเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวนำมาคาดหัว ระบุว่าเป็นวิธีแก้ปวดหัวจนเกิดเป็นไวรัลดังไปทั่วโลกออนไลน์ ซึ่งต่อมาเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวก็ยอมสึก

นอกจากนี้ยังเข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีพระกาโตะ พระนักเทศน์ชื่อดังที่มีข่าวฉาวว่าเสพเมถุนกับสีกาตอง บนรถที่สันเขื่อนกะทูน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเรื่องดังกล่าวพระกาโตะ ก็รับเองว่าเป็นความจริง และสึกจากความเป็นพระไปเรียบร้อย ยังเหลือแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ ที่เอาของวัดไปจ่ายให้สีกา ซึ่งจะต้องถูกตรวจสอบต่อไป

อีกกรณีที่ดังก็คือ พาคณะไปทลายลัทธิประหลาด ของพระบิดา ที่ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ จนฝ่ายปกครองต้องเข้าตรวจสอบดำเนินคดีทั้งเรื่อง พ.ร.บ.สาธารณสุข บุกรุกที่สาธารณะ ล่าสุดต้องระเห็จออกจากพื้นที่ไปปักหลักอยู่ที่ อ.ภูกระดึง จ.เลย

แต่ที่ฮือฮามากที่สุด และเป็นเค้าลางของการเผชิญหน้ากันระหว่างหมอปลา กับวงการสงฆ์ ก็คือกรณีวัดใหม่พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ขึ้นป้ายปลุกกระแสห้ามหมอปลาเข้าสร้างความวุ่นวายในวัด ชี้ว่าวัดเป็นนิติบุคคล เจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงาน ทุกวัดควรขึ้นป้ายต่อต้านหมอปลา ฝ่าฝืนเข้าไปทำแบบที่เคยทำในวัดไหน ให้ฟ้องศาลทุกวัด ผิดถูกไปว่ากันในศาล ไม่เช่นนั้นหมอปลาจะย่ำยีพระตลอดไป กล้าไปทุกวัด ก็ต้องกล้าไปขึ้นศาลทุกคดี

สุดท้ายหมอปลาก็พาคณะบุกไปถึงวัดและตั้งวงถกกับเจ้าอาวาส ท่ามกลางการเกาะติดของสื่อมวลชน จนเจ้าอาวาสยอมรับว่าดื่มเหล้า และฉันหมูกระทะจริง โดยสั่งเข้ามากินในวัด สุดท้ายก็ลาสิกขาไป

จนกระทั่งถึงกรณีหลวงปู่แสง ที่อาพาธจนถูกกระแสตีกลับ และคดีตามมาไม่หยุดหย่อน

จึงต้องรอดูกันว่าเรื่องนี้จะมีบทสรุปอย่างไร

แต่นอกจากเรื่องหมอปลาแล้ว ก็ยังมีข้อสงสัยอีกมากว่าภายในศาสนจักร ที่มีปัญหาต่อความเชื่อมั่นเรื่องแนวทางการปฏิบัติ เงินทองของบริจาค และการเบิกจ่ายเงินวัด ควรจะมีการจัดระเบียบให้เหมาะสม เพื่อฟื้นศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนหรือไม่

นี่คือคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ!!!