จับกระแสเปลี่ยน ผบ.ทบ.ที่ยังไม่จบ เป้าเปลี่ยนม้ากลางศึก ‘บิ๊กบี้-บิ๊กต่อ’ รับการเมืองร้อน จับท่าที ‘บิ๊กตู่’ จัดทัพทิ้งทวน/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

จับกระแสเปลี่ยน ผบ.ทบ.ที่ยังไม่จบ

เป้าเปลี่ยนม้ากลางศึก

‘บิ๊กบี้-บิ๊กต่อ’

รับการเมืองร้อน

จับท่าที ‘บิ๊กตู่’ จัดทัพทิ้งทวน

 

ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต่อกระแสข่าวลือการย้ายบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ดูจะไม่ได้ฉุนเฉียวเช่นทุกครั้งที่โดนนักข่าวถามเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร

แต่กลับนิ่ง รับฟัง สะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็รับรู้ถึงกระแสข่าวนี้ ที่สะพัดในกองทัพมาหลายเดือน

ตั้งแต่มีปัญหาเรื่องการเสนอข่าวสงครามรัสเซียกับยูเครน ของสถานีโทรทัศน์ ททบ.5 จนบิ๊กตี๋ พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ ผอ.ททบ.5 เพื่อนรัก ตท.22 ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ต้องยอมลาออก เพื่อตัดตอนความรับผิดชอบ ก่อนที่จะลามไปถึงเก้าอี้ ผบ.ทบ.

รวมทั้งแนวคิด ท่าที ทัศนคติต่างๆ ของ พล.อ.รังษี ที่อาจจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่แฮปปี้นั้น ถูกตีความว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ที่เป็นเพื่อนซี้ ก็คิดเช่นนั้นด้วยหรือไม่

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะส่ายหน้า พร้อมกล่าวว่าไม่มี เมื่อถูกถามถึงกระแสข่าวจะย้าย ผบ.ทบ.ในโยกย้ายปลายปีนี้ก็ตาม ที่ถูกมองว่า น้ำหนักในคำพูดน้อย

แต่มีการเทน้ำหนักไปที่คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ว่า “ยังไม่ถึงเวลา” เสียมากกว่า

เพราะคำว่า “ยังไม่ถึงเวลา” ไม่ใช่การปฏิเสธว่าจะไม่ย้าย ผบ.ทบ. แต่ทว่า มันยังไม่ถึงเวลา เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายจะพิจารณาเสร็จสิ้นราวปลายเดือนสิงหาคมนี้

ดังนั้น จึงยังไม่อาจสยบกระแสข่าวลือได้ว่า จะไม่มีการย้าย พล.อ.ณรงค์พันธ์ จะไม่มีการเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ.

กระแสข่าวที่สะพัดใน ทบ.ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์กำลังพิจารณาว่าจะจัดวาง ผบ.เหล่าทัพใหม่ก่อนจะสิ้นสุดรัฐบาลนี้อย่างไร

แม้ พล.อ.ณรงค์พันธ์จะเกษียณกันยายน 2566 แต่ทว่า นั่งเป็น ผบ.ทบ.มาจะ 2 ปีแล้ว เป็น ผบ.เหล่าทัพที่อาวุโส อาจจะต้องขยับขึ้น

โดยที่กันยายน 2565 นี้ บิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกลาโหมจะเกษียณราชการ จึงเกิดกระแสข่าวว่า จะย้าย พล.อ.ณรงค์พันธ์ ข้ามไปเป็นปลัดกลาโหม เป็นข้าราชการประจำ เบอร์ 1 ของกระทรวงกลาโหม ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ

แต่ทว่า โดยเทรดดิชั่น ประเพณีและความเชื่อของกองทัพไทย จะมองว่า การย้าย ผบ.ทบ.เป็นเรื่องใหญ่ เพราะคนที่เป็น ผบ.ทบ.อยู่ ย่อมไม่ยอมถูกเด้งง่ายๆ แถม ผบ.ทบ.แต่ละคนที่ขึ้นมา ก็ย่อมต้องมีแบ๊กอัพไม่ธรรมดา

และหากจำต้องย้าย ผบ.ทบ. ด้วยการขยับขึ้นเป็นปลัดกลาโหม จะถูกมองว่ามีความผิด หรือถูกลงโทษ แม้ว่าตำแหน่งปลัดกลาโหมจะเป็นตำแหน่งที่สูงกว่าก็ตาม

แต่ทว่า จาก ผบ.ทบ. ที่คุมกำลังทหารมากที่สุดกว่า 2.5 แสนคน เพราะเป็นเหล่าทัพที่ใหญ่ที่สุด พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ คุมกำลังรบ และงบประมาณมหาศาล ให้ย้ายไปเป็นปลัดกลาโหม ที่ไม่ใช่หน่วยกำลังรบ แต่เป็นสายงานฝ่ายอำนวยการ ธุรการ จึงจะดูว่าเป็นการถูกลงโทษ

ทำให้เกิดกระแสข่าวว่า จะย้าย พล.อ.ณรงค์พันธ์ไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด แทนบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ที่จะสไลด์ย้ายระนาบ ไปเป็นปลัดกลาโหมในปีสุดท้าย ก่อนเกษียณกันยายน 2566 พร้อม พล.อ.ณรงค์พันธ์เสียมากกว่า

เพราะ ผบ.ทหารสูงสุด นั้น แม้จะเป็นผู้บังคับบัญชาของ ผบ.เหล่าทัพ แต่ทว่า ก็ไม่ได้คุมกำลังรบในมือเอง จะต้องสั่งผ่าน ผบ.เหล่าทัพ หากย้ายระนาบไปเป็นปลัดกลาโหม ก็ไม่ได้ถูกมองว่าถูกลงโทษ หรือลดชั้น

และจะกลายเป็นเทรดดิชั่นใหม่ของกองทัพ ในแนวสากลมากขึ้น ที่ ผบ.เหล่าทัพที่อาวุโส จะขยับขึ้น ผบ.ทหารสูงสุด หรือปลัดกลาโหม

พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์,พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

ทว่า นี่คือกองทัพไทย ที่ในอดีตจนปัจจุบัน ผบ.ทบ.ยังคงเป็นตำแหน่งที่ไม่ใช่ใครจะโยกย้าย เปลี่ยนแปลงได้ง่าย เพราะคุมกำลังรบ และเป็นคนที่จะก่อการรัฐประหารได้ จึงทำให้ไม่มีใครอยากย้าย หรือกล้าย้าย ผบ.ทบ. จึงถูกมองเป็น The Untouchable ในหมู่ข้าราชการไทย

เช่นกัน สำหรับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ที่ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.ได้ ก็ย่อมมีพลังหนุน แถมทั้งชื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ถูกขีดเส้นใต้เอาไว้ตั้งแต่เขาเป็น ผบ.พล.1 รอ. แล้วว่า จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และเป็น ผบ.ทบ. แบบที่ทุกคนต้องเปิดทางให้

แคนดิเดตรุ่นพี่ และรุ่นเพื่อน ที่เคยเป็นดาวรุ่ง ที่เคยเต็งจะขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ. ยังต้องยอมเบี่ยงเส้นทางเดิน หลบทางให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ หรือไม่ก็โดนเขี่ยให้พ้นทาง

ดังนั้น การย้าย พล.อ.ณรงค์พันธ์ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ชนิดที่เรียกว่า ถ้าไม่มี ‘สัญญาณ’ ใดๆ ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้อง แถมทั้งไม่ได้เป็นแค่ ผบ.ทบ. แต่เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย

จนทำให้เกิดกระแสข่าวลือ สูตรที่ 3 ถึงขั้นที่ว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์อาจได้ขยับไปทำหน้าที่ทหารที่สำคัญยิ่ง แทนการขยับไปเป็นปลัดกลาโหม หรือ ผบ.ทหารสูงสุด

เพราะการย้าย พล.อ.ณรงค์พันธ์ ไม่ว่าจะไปตำแหน่งใด ก็มีผลสะเทือนทั้ง พล.อ.เฉลิมพล ที่ย่อมไม่ต้องการจะขยับไปเป็นปลัดกลาโหม

ขณะที่หาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ข้ามไปเป็นปลัดกลาโหม ก็กระทบบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รองปลัดกลาโหม ที่เป็นลูกรักของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และก็สนิทสนมกับ พล.อ.ประยุทธ์เอง ที่ถูกมองว่า “เส้นแข็งโป๊ก” จ่อจะขึ้นอยู่ นั่งยาว 3 ปีเลย

แต่ในจุดแข็งก็มีจุดอ่อน ด้วยเพราะ พล.อ.สนิธชนกเป็น ตท.24 ที่มีอายุราชการถึงกันยายน 2568 จึงทำให้ถูกมองว่า ควรจะมีรุ่นพี่มาขัดตาทัพก่อนหรือไม่

เก้าอี้ปลัดกลาโหม อาจถูกใช้ในการแก้ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้าย

ประกอบกับการสยายปีกของทหารคอแดง จึงเกิดแรงผลักดันให้ทหารคอแดงเป็นปลัดกลาโหมคนแรก หลังจากที่มี ผบ.ทบ.คอแดงมา 2 คนแล้ว และ ผบ.ทหารสูงสุดคนแรกมาแล้ว จึงทำให้ชื่อของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ หรือ พล.อ.เฉลิมพล คนใดคนหนึ่งถูกเลือก

แต่ต้องไม่ลืมว่า พล.อ.เฉลิมพล ก็มี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นแบ๊กอัพสำคัญ และ พล.อ.อภิรัชต์ก็เป็นน้องรักสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น หาก พล.อ.อภิรัชต์ไม่เห็นด้วยในสูตรโยกย้ายแบบสไลด์ ก็คงจะยากที่จะขยับ

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.

หากย้อนกลับไปก่อนที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ในตุลาคม 2563 นั้น มีกระแสข่าวว่า พล.อ.อภิรัชต์มองว่า พล.อ.เฉลิมพลเหมาะสมกับสถานการณ์มากกว่า เหมาะสมที่จะเป็น ผบ.ทบ.มากกว่า โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีความเคลื่อนไหวในการต่อต้าน ล่วงละเมิดสถาบันหนักข้อขึ้น เพราะ พล.อ.เฉลิมพล สไตล์ทหารม้า จะมีความเด็ดขาดมากกว่า และเคยแสดงฝีมือตอนเป็น ผบ.พล.ม.2 รอ. ในยุค คสช. ที่เล่นบทบู๊ ในการจัดระเบียบสังคม และเป็นทีมปฏิบัติการของ คสช.ในเวลานั้น

แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการสลับเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด กับ ผบ.ทบ. จาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ มาเป็น พล.อ.เฉลิมพล และไม่เคยมีเกิดขึ้น

ก่อนหน้านั้น ตั้งแต่แรกที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์มาเป็น ผบ.ทบ. ก็ดูจะทิ้งระยะห่างกับ พล.อ.ประยุทธ์ และมากขึ้นๆ จากการไม่มาร่วมประชุมกับนายกฯ หลายครั้ง โดยเฉพาะประชุมสภากลาโหม

เหตุเพราะบางครั้งติดภารกิจในต่างจังหวัด และบางครั้งติดการประชุม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ,904) เพราะ พล.อ.ณรงค์พันธ์เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย

อีกทั้งจุดยืนของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ชัดเจนในเรื่องการปกป้อง เทิดทูน พิทักษ์ รักษา สถาบันพระมหากษัตริย์ และมีภาพลักษณ์ของการเป็นทหารของพระราชา ยึดม็อตโต้ พิทักษ์ราชัน ปกป้องประชา รักษาแผ่นดิน

พล.อ.ณรงค์พันธ์เป็น ผบ.ทบ.คอแดงคนที่ 2 เป็น ผบ.ทบ.ที่ควบ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 คนที่ 2 ต่อจากบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่ก็มีจุดยืนชัดเจนเรื่องความจงรักภักดี และปกป้องสถาบัน แต่ทว่า ก็ชัดเจนในการแสดงออกถึงการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ตลอดมา

จึงทำให้เกิดการเปรียบเทียบการแสดงออกถึงการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ระหว่าง พล.อ.ณรงค์พันธ์ กับ พล.อ.อภิรัชต์ ที่แตกต่างกัน ประกอบกับการมีบุคลิกภาพที่แตกต่างกัน

ขณะที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์มีระยะห่างกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะรุ่นเตรียมทหารที่ห่างกันถึง 10 รุ่น ระหว่าง ตท.12 จปร.23 กับ ตท.22 จปร.33 และความที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์เป็นคนไม่ค่อยพูด จึงยิ่งทำให้เกิดระยะห่าง

แต่ที่ผ่านมา พล.อ.อภิรัชต์ ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ ตท.20 ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และ พล.อ.เฉลิมพล ก็กลายเป็นสะพานเชื่อมต่อ กระชับระยะห่างกับนายกฯ ด้วยการพบปะกินข้าวระหว่างนายกฯ กับ ผบ.เหล่าทัพ ทุกเดือน

 

กระนั้น กระแสข่าวลือในกองทัพก็ยังสะพัด และทำให้บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผช.ผบ.ทบ. น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เติบโตมาด้วยกันจาก ร.21 รอ. บ้านทหารเสือฯ ถูกจับตามอง

เพราะเป็นตัวเต็ง ผบ.ทบ.คนต่อไป หาก พล.อ.ณรงค์พันธ์เกษียณกันยายน 2566 หรือหากถูกขยับในโยกย้ายกันยายน 2565 นี้ ตามกระแสข่าวลือ

จึงไม่แปลกที่กระแสข่าวข่าวนี้ทำให้ พล.อ.เจริญชัยอึดอัด เพราะกลายเป็นสาเหตุของกระแสข่าวสะเทือนเก้าอี้ ผบ.ทบ. เพราะมีแรงเชียร์จากเพื่อน ตท.23 หากรอจน พล.อ.ณรงค์พันธ์เกษียณ พล.อ.เจริญชัยก็จะได้เป็น ผบ.ทบ.แค่ 1 ปี เพราะจะเกษียณกันยายน 2567

ในอีกมุมหนึ่ง ใน ตท.23 ก็กำลังจับตามองความแรงของบิ๊กโต พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อนอีกคนที่จ่อจะขึ้น 5 เสือ ทบ. ในโยกย้ายกันยายนนี้ แล้วจะกลายเป็นแคนดิเดตชิง ผบ.ทบ. กับ พล.อ.เจริญชัยด้วยเสียเอง

เพราะในเรื่องเส้นทางการเติบโต ทั้ง พล.อ.เจริญชัย และ พล.ท.สุขสรรค์ มาจากสายคอมแมนด์ และจาก พล.ร. 2 รอ. เหมือนกัน แต่ พล.อ.เจริญชัย โตจาก ร.21 รอ. ทหารเสือราชินี ส่วน พล.ท.สุขสรรค์ โตมาจากแดนบูรพาพยัคฆ์ ร.2 รอ. และเป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ อีกคน

แต่ด้วยเพราะเป็นทหารคอแดงเหมือนกัน เป็น ตท.23 ด้วยกัน โตจาก พล.ร.2 รอ. และเป็นสาย “3 ป.” ด้วยกัน เกษียณกันยายน 2567 พร้อมกัน ดังนั้น จึงจะมีแค่คนเดียวที่ได้เป็น ผบ.ทบ.

แต่ พล.อ.เจริญชัยอาวุโสกว่า เพราะติดยศพลเอกก่อนแล้ว และหากตุลาคมนี้ ไม่ได้ขึ้น ผบ.ทบ. ก็จะเป็นรอง ผบ.ทบ. เอาอาวุโส อัตราพลเอกพิเศษ จ่อไว้ก่อน

 

นี่อาจกลายเป็นอีกหนึ่งพลังขับ ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์อาจต้องตัดสินใจในการจัดวาง ผบ.เหล่าทัพใหม่ ส่งท้ายรัฐบาล ส่งท้ายเก้าอี้นายกฯ และหากจะกลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย ก็ต้องเลือก ผบ.ทบ.ที่เต็มร้อย ใจถึงพึ่งได้ และที่เหมาะกับสถานการณ์

เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายกันยายน 2565 นี้ ทั้ง พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกลาโหม บิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. บิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ. และรวมถึงบิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เกษียณ

แต่แม้จะมีกระแสข่าวย้าย ผบ.ทบ.มาหลายเดือน แต่ก็ไม่มีความเชื่อมโยงกับกระแสข่าวรัฐประหาร

แม้ว่าในอดีต ทุกครั้งที่มีข่าวจะเด้ง ผบ.ทบ. มักจะเกิดรัฐประหารตามมาก็ตาม แต่ทว่า สถานการณ์ในเวลานี้ แตกต่างเพราะ พล.อ.ประยุทธ์และกองทัพยังคงเป็นขั้วฝ่ายเดียวกัน

อีกทั้งการรัฐประหารในยุคนี้ ยากที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะ ผบ.ทบ.เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย อีกทั้งหน่วยทหาร ขุมกำลังปฏิวัติ เช่น ร.1 รอ. และ ร.11 รอ. ก็ถูกโอนย้ายเป็นหน่วยในพระองค์แล้ว

ส่วนหน่วยกำลังรบหลัก ทั้งใน พล.1 รอ. ที่เคยได้ชื่อว่ากองพลปฏิวัติ ก็กลายเป็นทหารคอแดง เช่นเดียวกับ พล.ร.2 รอ. และ พล.ม.2 รอ. ก็อยู่ใน ฉก.ทม.รอ.904

 

แต่กระแสข่าวรัฐประหารที่กลับมาอีกครั้ง เพราะทั้งคำทำนายของหมอดูบ้าง นักการเมืองทั้ง 2 ขั้ว ทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ว.บางคนประเมินสถานการณ์บ้าง โดยเฉพาะหากพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง แผนการพา “ทักษิณ ชินวัตร” กลับบ้าน และการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ประกาศต่อต้านการกลับมาของระบอบทักษิณ และต่อต้านแผนชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย จนทำให้พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้คนเสื้อแดงกลับบ้าน ที่ส่อเค้าความวุ่นวายทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น หากอำนาจเปลี่ยนมือ เปลี่ยนขั้ว และเป็นช่วงครบรอบ 8 ปีรัฐประหาร ที่มีการเอาไปใช้เป็นประเด็นในบางเวทีดีเบตผู้ว่าฯ กทม.

จึงทำให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ยืนยันว่า ไม่มีหรอก รัฐประหาร เพราะกองทัพยึดอุดมการณ์ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

แต่ในอีกทางหนึ่ง มีการเชื่อมโยงว่า กระแสข่าวย้าย พล.อ.ณรงค์พันธ์พ้น ผบ.ทบ. เพื่อเปลี่ยน ผบ.ทบ. ที่พร้อมจะ “ปฏิบัติการพิเศษ” อีกครั้ง เมื่อสถานการณ์จำเป็น และมีเค้าลางเบื้องหน้า เพราะ พล.อ.ณรงค์พันธ์พยายามถอยห่างจากการเมือง

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์จะมีปฏิบัติการลาซาด้าออกมา ที่ไม่ใช่แต่เพราะความจงรักภักดี และปกป้องสถาบันเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงภาวะผู้นำ ในฐานะ ผบ.เหล่าทัพคนแรกที่แสดงปฏิกิริยาต่อโฆษณา ที่หมิ่นเหม่ต่อการล่วงละเมิดสถาบันด้วยนั่นเอง

เพราะบางที พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็ซ่อนตัวเองอยู่ในความเงียบ และไม่ค่อยพูด รอสถานการณ์ที่จำเป็น

 

กระแสวิวาทะรัฐประหาร จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ อดีตหัวหน้าคณะปฏิวัติ คสช. ต้องออกมาชี้แจงอีกครั้ง ถึงสาเหตุที่ต้องรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

“ที่พูดย้อนเก่า ก็กลับไปดูแล้วกันว่า ทำอะไรมาบ้างแต่ละคน แล้วรัฐประหารนั้น ทำมาเมื่อไหร่ ทำมาเพราะอะไร ย้อนกลับไปดูพฤติกรรมสมัยก่อนก็แล้วกัน ถ้าใครจะว่าผม บ้านเมืองอยู่มาวันนี้ได้ สงบแบบนี้ เพราะอะไรล่ะ แล้วใครจะอยากให้เกิดขึ้นอีกล่ะ ไม่มีหรอก ผมก็ไม่อยากทำ”

“แล้วใครจะรัฐประหาร ใครจะทำ” พล.อ.ประยุทธ์ตั้งคำถาม และคงสามารถตอบเองได้ เพราะก็ล่วงรู้สถานการณ์ในกองทัพ การเมือง และพอมองเห็นอนาคต

ที่ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่ว่าจะการเมือง หรือการรัฐประหารก็ตาม