ในรถเมล์ในมหานครที่มีชื่อว่ากรุงเทพฯ / เรื่องสั้น : วุฒิเดช มนต์ชัยวิศาล

เรื่องสั้น

วุฒิเดช มนต์ชัยวิศาล

 

ในรถเมล์ในมหานครที่มีชื่อว่ากรุงเทพฯ

 

คุณเบียดตัวขึ้นรถเมล์สาย 113 จากมีนบุรีเพื่อกลับที่พักย่านรามคำแหงเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาสี่สิบห้านาทีด้วยอารมณ์หงุดหงิดซึ่งติดตามมาจากที่ทำงาน

วันนี้สินค้าเข้าชุดใหญ่ คุณและเพื่อนร่วมแผนกต้องตรวจรับและจัดเตรียมทั้งวัน และมันยังไม่เสร็จ พรุ่งนี้จะต้องมาสะสางให้เรียบร้อย เพื่อให้ทันต่อลูกค้าที่รอรับสินค้าตามกำหนด ฝ่ายขายโทร.เข้ามาเร่งทุกๆ ชั่วโมง สั่งให้จัดเตรียมสินค้าทุกตัวให้เรียบร้อย ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน พวกคุณไม่สามารถทำงานออกมาได้ดีด้วยความเร่งรีบ และก็ไม่ยอมทนต่อคำตำหนิจากใคร พวกคุณจึงบอกฝ่ายขายไปว่า “เราทำเท่าที่เราทำได้ เราไม่ใช่เครื่องจักร” นั่นทำให้เกิดมีปากเสียงขึ้นระหว่างแผนกคุณกับฝ่ายขาย กว่าจะสงบปากคำลงได้ก็เสียเวลางานร่วมชั่วโมง

บนรถเมล์มีคนเบียดกันยืนเท่าที่จะเบียดแทรกได้ คุณเบียดตัวเข้าไปข้างใน ยืนโหนราวอยู่กลางรถ ล้วงหยิบเหรียญสิบออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นส่งกระเป๋ารถเมล์ กระเป๋ารถเมล์ยื่นตั๋วให้ก่อนจะเบียดตัวเดินไปเก็บค่าโดยสารท้ายรถ เสียงแท่งเก็บเหรียญดังตับๆ ตับๆ เป็นจังหวะซ้ำๆ ทำให้คุณรำคาญ

เมื่อรถจอดป้ายถัดมา กระเป๋ารถเมล์พูดเสียงดังว่า “ชิดในครับ ชิดใน ชิดเข้าไปอีกครับ แบ่งกันนั่งหน่อย” ทำให้อารมณ์ของคุณซึ่งค้างกรุ่นอยู่ก่อนปริปะทุออกมาอีกครั้ง คุณนึกถึงคู่มวยไทยช่วงหัวค่ำ และอยากตะบันหน้ากระเป๋ารถเมล์สักที มันมีตาอยู่เต็มเบ้าคงเห็นว่าในรถนั้นเต็มแน่นแล้ว แต่ก็ยังให้เราขยับกันอีก มันจะทำไปเพื่ออะไรนอกจากยั่วโทสะของคุณ ฉะนั้น สิ่งที่มันควรจะได้รับเป็นการตอบแทนคือก้อนกำปั้นขนาดเหมาะๆ สักกำปั้นเข้าที่เบ้าตาที่มันมองมายังคนที่ยืนเบียดเสียดกันอยู่จึงจะสาสมที่สุด

และมันพาลให้คุณรู้สึกไม่พอใจอะไรๆ ไปหมด เมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างคุณขยับตัว คุณจึงเหลือบสายตาลุกวาวด้วยความไม่พอใจ และคุณก็เกลียดผู้ชายที่นั่งตีหน้ามึนบนเบาะตรงหน้า

“ไอ้ขยะสังคม ผู้หญิงยืนเต็มไปหมดไม่คิดจะลุกให้” คุณตะคอกใส่มันในความคิด

มันเสียบหูฟังเข้าหูฟังเพลงจากโทรศัพท์มือถืออย่างเป็นรถส่วนตัว มันทำอย่างกับว่ากำลังอยู่ในรถของตัวเอง คุณจ้องมองมันเพื่อที่จะทำให้มันรู้สึกอะไรขึ้นมาบ้าง สาปแช่งมันทางความคิด แต่มันไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์ไม่วาง สักพักมันลุกพรวด พูดว่า “ขอทางหน่อยครับ” ก่อนจะแหวกกลุ่มคนผ่านหน้าคุณไปยืนอยู่หน้าประตู ก้าวขาลงจากรถโดยไม่มีคุณอยู่ในสายตาสักนิด

คุณมัวแต่มองมันจนเก้าอี้ที่ว่างลงตรงหน้าถูกยึดโดยหญิงอ้วนฉุ สวมเสื้อกล้ามสกปรกและกางเกงขาสั้นสกปรกคนหนึ่ง หล่อนหอบหิ้วถุงพะรุงพะรัง คุณไม่ได้สังเกตเห็นตั้งแต่แรก จึงสงสัยว่าหล่อนแทรกเข้ามานั่งจากไหน “หน้าด้าน” คุณคิด กวาดสายตามองหล่อนด้วยความขยะแขยง ก้อนไขมันปริปลิ้นออกมาจากท่อนแขน ท่อนขา จากหน้าท้องอย่างน่าเกลียด รอยแตกลายบนโคนแขนทำให้คุณสะอิดสะเอียน

ไอ้พวกถ่วงความเจริญ!

คนพวกนี้ถือกำเนิดขึ้นมากลางบ่อน้ำครำ บนกองขยะเหม็นเน่า ในเพิงพักสังกะสี ในไซต์งานคับแคบ เป็นสิ่งแปลกปลอมที่กำจัดออกจากมหานครที่มีชื่อว่ากรุงเทพฯ ไม่หมดสักที เหมือนเห็บหมัดที่เกาะกินเลือดเนื้อ ก่อความรำคาญ เพาะพันธุ์เชื้อโรค แฝงอยู่ในทุกซอกมุมเมือง ปะปนอยู่ในฝูงชนอย่างไม่ละอายใจ ไม่สำเหนียกเจียมตัวในความต่ำต้อย ตีตนเสมอคนอื่นๆ ไม่เคยก้มมองดูสารรูปตัวเอง

หล่อนจะรู้บ้างไหมว่ามีหนูถูกรถทับตายทุกวัน พวกมันไม่เคยถูกมองเห็น สัตว์พวกนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของคนกรุงเทพฯ หรอก หล่อนกับหนูสักตัว กับหมาสักตัวก็ไม่แตกต่างกัน เมื่อมีคนเห็นมันถูกรถทับร่างแหลกเละก็พากันสมน้ำหน้าในความเซ่อซ่า

เมื่อมีจังหวะผู้คนจะบดขยี้ชีวิตที่น่ารังเกียจพวกนี้ให้แหลกคาตีน พร้อมพ่นถ้อยคำ “ไอ้โสโครก”

 

ยายแก่ใส่แว่นสายตา ในชุดลายดอกไม้คนหนึ่งก้าวขึ้นรถมายืนเบียดข้างคุณ ทันทีนั้นคุณจึงถอนหายใจพูดกับตัวเอง “มนุษย์ป้ามาอีกแล้ว” ด้วยความเอือมระอา ในกรุงเทพฯ ไม่มีใครอยากต่อกรกับมนุษย์ป้า หากคุณพูดกับมนุษย์ป้าสักคนหนึ่ง นั่นเท่ากับคุณกำลังหาเรื่องใส่ตัวและจะทำให้ชีวิตของคุณยุ่งวุ่นวายขึ้นมาทันที

มนุษย์ป้าพยายามหาที่นั่ง แกมองไปรอบๆ ก่อนจะแสดงตัวให้ผู้ชายที่แกล้งหลับคนหนึ่งรับรู้ว่า สังคมเดี๋ยวนี้มันเป็นอย่างนี้แล้วรึ มันถึงกับต้องปล่อยให้คนแก่คนหนึ่งโหนรถเมล์อย่างนั้นรึ คุณรู้เห็นทุกการกระทำ ทันทีที่ขึ้นรถ แกก็เข้าประชิดที่นั่งที่ใกล้ที่สุดทันที ทำท่าทางเหมือนคนข้อเข่าเสื่อม นั่นคือลำดับแรกของการแสดงตัวล่ะ เมื่อไม่ได้ผลแกจะหยิบโทรศัพท์มือถือเก่าคร่ำครึเครื่องหนึ่งออกมา คุณรู้ว่าแกตั้งใจพูดให้ทุกคนได้ยิน โดยเฉพาะคนที่แกล้งหลับอยู่ตรงหน้า นี่เป็นวิธีที่คนแก่ทุกคนใช้

มนุษย์ป้าชูบัตรประชาชนเพื่อยืนยันส่วนลดราคาตั๋ว นี่เป็นสวัสดิการคนชราที่คุณหัวเราะออกมาด้วยความสมเพช คนแก่คนหนึ่งขึ้นรถเมล์ที่เต็มแน่นเบียดเสียด พัดลมก็เสีย แล้วได้ตั๋วครึ่งราคา ถ้าชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ นอนดูสารคดีชีวิตสัตว์โลกที่บ้านดีกว่า หรือไม่ก็รีบๆ ตายไปดีที่สุด

เสียงกระเป๋ารถเมล์พูดว่า “ขอที่ให้คนแก่นั่งหน่อยนะครับ” เมื่อทุกสายตาพุ่งไปยังชายหนุ่มคนที่แกล้งหลับตรงหน้ามนุษย์ป้า เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกหากยังต้องอยู่ในมหานครที่มีชื่อว่ากรุงเทพฯ และยังจะต้องขึ้นรถเมล์สายนี้อีกในวันพรุ่งนี้ ทุกคนเข้าใจดีว่านี่เป็นสิ่งที่ต้องทำหากยังเป็นคนคนหนึ่งที่ไม่อาจหนีออกจากมหานครที่มีชื่อว่ากรุงเทพฯ ได้

 

คุณจับตาเฝ้ามองทุกอย่างด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เฝ้าคอยใครสักคนลงป้ายถัดไปและเหลือพื้นที่นั่งสักที่ คุณจะไม่ลังเลสักวินาทีเดียว จะกระโจนลงนั่งอย่างไม่เอาใจต่อสายตาที่จับมองด้วยความริษยา หยิบหูฟังออกจากกระเป๋าเป้แล้วเสียบเชื่อมเข้ากับโทรศัพท์มือถือเปิดเพลงฟังสักเพลง การได้นั่งลงแล้วฟังเพลงเป็นสิ่งที่น่าอภิรมย์ เมื่อมีโอกาสคุณจะไม่ปล่อยให้มันหลุดลอยไปแน่นอน

ทันทีที่เสียบหูฟังเข้ากับหูโลกใบนี้จะเป็นของคุณ เร่งเสียงให้ดังกลบเสียงทุกอย่าง กลบทุกคำพูด หลับตาลงช้าๆ หลีกหนีไปจากสายตาอันลุกวาวด้วยเปลวเพลิงแห่งความอิจฉาที่รายล้อมอย่างไม่ยี่หระ ทุกถ้อยคำในบทเพลงจะนำพาให้คุณเตลิดหนีออกจากรถเมล์คันคับแคบ อึดอัดและร้อนระอุไปไกลแสนไกล กลับไปสู่บ้านเกิด ทุ่งนาท้องไร่ อาหารรสมือแม่ ท้องฟ้าสีครามเข้ม ทุ่งหญ้าสีเขียวสด แต่คุณอาจต้องสะดุ้งลืมตา เมื่อรถเบรกกะทันหัน ดึงหูฟังออกจากหูข้างหนึ่งจึงได้ยินเสียงโชเฟอร์เอะอะโวยวาย เสียงกระเป๋ารถเมล์สบถด่า สีหน้าตื่นตกใจของผู้โดยสารคนอื่นๆ

จากนั้นรถได้หยุดกึกเพราะสัญญาณไฟแดง เก๋งคันหนึ่งชะลอมาจอดข้างรถเมล์ สายตาคุณเหลือบมองเข้าไปข้างใน จึงเห็นว่าหญิงสาวในชุดนักศึกษาที่นั่งข้างคนขับได้ปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนออก ปล่อยเปลือยสองเต้าเต่งตูมล่อนจ้อน และมีมือซ้ายของชายคนขับรถบีบคลึงอย่างไม่เกรงใจผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ

“เงี่ยนไม่เลือกที่” คุณคิดขณะรถค่อยๆ ออกตัว มีผู้หญิงอย่างเธอมากมายปรารถนาแค่การร่วมหลับนอนแต่ไม่ต้องการการผูกมัด พวกเธอหลงระเริงอยู่ในเนื้อหนังตัวเอง หัวเราะคิกคัก มั่นใจในสันจมูกโดดเด่น เที่ยวปล่อยเปิดเนินเนื้อเชื้อเชิญคุณและใครๆ พร่ำพูดว่า “ผู้หญิงมีชีวิตเดียว ใช้ให้มันคุ้มสิค่ะ” เมื่อมีรอยตีนกา จุดด่างดำ รอยเหี่ยวย่น ก็กุลีกุจอเข้าคลินิกเสริมความงาม คุณรู้ดี ผู้หญิงในมหานครที่มีชื่อว่ากรุงเทพฯ เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ใช้หัวสำหรับคิดอะไร พวกเธอเดินเข้าคลินิกเสริมความงามด้วยความเป็นทุกข์กังวลและเดินออกมาด้วยความมั่นใจ ในขณะที่คุณก็เห็นว่าถ้าใบหน้าของพวกเธอไม่บิดเบี้ยวหรือปูดบวม มันก็ไม่ผิดไปจากเดิม นอกจากกองแป้งที่โปะลงเสียหนาเตอะและขาววอกจนน่าขัน

คุณมีความสัมพันธ์กับพวกเธอมากหน้า พวกเธอคอยประจบประแจง ปั้นคำป้อยอและนินทาคู่นอนคนก่อนๆ ให้ฟังอย่างนั้นอย่างนี้ คุณรับฟังถ้อยคำทั้งหมดด้วยความสยดสยอง พร้อมๆ กับถาโถมความใคร่อยากในตัวคุณใส่เธอ สัดส่วนเว้านูนกระเพื่อมสั่นนำพาคุณสู่ปลายทางอย่างเร้าร้อน กระทั่งพายุจบสิ้นลงแล้ว

เธอเหล่านั้นเป็นเพียงกองเนื้อทุเรศอุจาดสายตา ไม่มีอะไรน่าชื่นชมยินดี

มนุษย์ป้าอีกคนขึ้นรถเมล์จากป้ายล่าสุด แกกวาดมองเบาะว่างอย่างน่าหมั่นไส้ ไม่มีทาง ถ้าเบาะว่างลงสักที่ คุณจะรีบนั่งให้เร็วที่สุดอย่างที่คุณทำมาเสมอ คุณเกลียดไอ้พวกโลกสวยเอาแต่วิพากษ์วิจารณ์ มันจะไปรู้อะไร คุณรู้ว่าจะต้องดูแลตัวเองให้ดีแค่ไหน ร่างกายที่เหนื่อยล้าเกินไปอาจจะทำให้ตื่นสายและไปทำงานไม่ทัน จะไม่ได้เบี้ยขยัน หรือไม่ก็อาจจะต้องฝืนสังขารที่ระโหยโรยแรงไปทำงาน จากนั้นคุณอาจจะป่วย และคุณก็ป่วยครบกำหนดแล้วด้วย หากป่วยอีก บริษัทจะหักเงินเดือน คุณรู้ดีว่าถ้าเป็นอย่างนั้นคุณจะใช้เงินไม่ชนเดือน ค่าผ่อนโทรศัพท์ ค่าผ่อนกล้องถ่ายรูป ทุกอย่างถูกวางไว้อย่างดีแล้ว คุณจะต้องจัดการให้เรียบร้อย

คุณจะไม่ยอมโง่ฟังคำใคร มันไม่อาจทำอะไรคุณได้ พอๆ กับที่ไม่มีใครจะช่วยอะไรคุณ คุณเชิดหน้ามองไปรอบๆ อย่างผู้พิชิต กราดมองไปที่ใบหน้าของทุกคน มนุษย์ป้า ชายหนุ่ม เด็กหญิงผู้ง่วนอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ชายวัยกลางคนสีหน้าเคร่งเครียด พนักงานหญิงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง กลุ่มนักเรียน หญิงอ้วนฉุ กะเทย คนย้อมผมสีทอง

กลิ่นเหงื่อลอยอวลเคล้ากลิ่นน้ำหอมสารพัดชนิด บางครั้งรุนแรงจนอยากจะอ้วก

 

รถชะลอจอด คุณเห็นหญิงสาวคนหนึ่งก้าวขาขึ้นรถมาด้วยอาการไม่เต็มใจ ชักสีหน้าเง้างอนเหมือนเด็กน้อยถูกขัดใจ เธอเบียดมายืนอยู่ใกล้คุณ มีเพียงมนุษย์ป้าและคนย้อมผมสีทองคั่นระหว่างคุณกับเธอ “โดนว่ะคนนี้” คุณบอกตัวเองขณะลอบมองใบหน้าเนียนละเอียดของเธอ มีเนื้อแป้งเกลี่ยทาบางๆ รูปปากเผยอเหมือนกลีบกุหลาบสีแดงฉ่ำยั่วยวน เสื้อยืดสีดำเว้าอกและกางเกงยีนส์ขาสั้นเอวลึกเผยสัดส่วนชวนมอง

“สะบึ้ม!” คุณคิด อารมณ์หงุดหงิดที่ก่อกวนมาตลอดทางค่อยดีขึ้นบ้าง

คุณแกล้งทำเป็นบังเอิญให้ต้องหันไปทางเธอบ่อยๆ แต่นานไปคุณก็หันไปด้วยความตั้งใจ และจ้องมองอย่างเปิดเผย มองดูที่ต้นคอกลมกลึงขาวผ่อง มองผมเส้นละเอียดโดนลมนอกรถพัดไหวเบาๆ ไล่ลงมาที่หัวไหล่ มองเห็นเม็ดไฝสีดำตัดสีเนื้อขาวอมชมพู คุณก้มมองพื้น มองท่อนขาเรียวยาว ไล่สายตาจากข้อเท้าขึ้นมาจรดบั้นท้าย

หญิงอ้วนฉุลุกขึ้นยืนเบียดตัวไปยืนรอลงหน้าประตู เบาะนั่งว่างลง ได้จังหวะคุณจึงรีบพูดขึ้น “ป้าครับ นั่งสิครับ” กับมนุษย์ป้าที่ยืนข้างคุณแล้วหันหน้าไปทางเธอ ตอนนี้เหลือคนย้อมผมสีทองยืนคั่นระหว่างคุณกับเธอ

คุณขยับเข้าใกล้เธออีก ค่อยๆ ไล่สายตามองเธออย่างพิจารณา จากส่วนบนลงล่าง จากล่างขึ้นบน แล้วมาหยุดสายตาตรงเนินเนื้อที่ดันเสื้อออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น คุณก้มหน้ามองพื้น สักพักสายตาคุณก็มาหยุดอยู่ที่บั้นท้ายที่เบียดแน่นกันอยู่ใต้กางเกงยีนส์สั้นจู๋ คุณพอใจที่ได้ก้มหน้ามากกว่า มันเหมือนคุณกำลังงีบหลับสั้นๆ บนรถ แต่บั้นท้ายนั่นทำให้คุณตื่น คุณนิ่งมองอยู่นาน พยายามมองให้ทะลุเข้าไปและจินตนาการถึงสิ่งต่างๆ ที่อยู่ภายใน แล้วไล่สายตาขึ้นข้างบน เพ่งจับที่เนินอกอวบอิ่ม คุณหยุดอยู่ที่ตีนเนินเป็นเวลานาน พยายามมองเข้าไปแต่ก็เห็นเพียงร่องลึกดำมืดเท่านั้น

ไม่ทันรู้ตัวคุณก็ประสานสายตากับเธอที่มองมาทางคุณพอดี

คุณจึงหันกลับแล้วมองออกไปนอกรถ ผู้คนริมถนน รถรา ตึกสูงรอบข้าง บนทางเท้าเต็มไปด้วยแผงลอยวางของขาย คนเดินกันขวักไขว่ แสงแห่งสนธยาลัยขับเน้นให้ชีวิตมีแสงเงาเฉพาะ คุณคิดว่าชีวิตเหล่านี้ช่างมีสีสันและรสชาติ เต็มไปด้วยการต่อสู้เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า มหานครที่มีชื่อว่ากรุงเทพฯ เต็มไปด้วยเรื่องราวของการต่อสู้ ผู้คนต่างใช้ชีวิตอย่างสอดคล้อง เป็นส่วนหนึ่งต่อกันอย่างแยกขาดจากกันไม่ได้ ทุกอาชีพล้วนพึ่งพากันและกัน ไม่มีใครดีกว่าหรือใครต่ำต้อยกว่าใคร มีแต่คนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิต เต็มไปด้วยคุณค่า เติมเต็มแก่กันและกันเพื่อให้จิ๊กซอว์มหานครที่มีชื่อว่ากรุงเทพฯ สมบูรณ์แบบ

นี่คือความงามที่จะมองหาจากที่ไหนไม่ได้

 

แล้วคุณก็หันไปมองเธออีกครั้ง ซุกหน้ากับท่อนแขนข้างที่โหนรถแล้วจ้องไปที่บั้นท้ายของเธออย่างเอาจริงเอาจัง ดื่มด่ำในเรือนร่างนั้นอย่างไม่รู้จักพอ เธอมีอำนาจเกินกว่าคุณจะต้านทานได้ และเรียกร้องให้คุณลงมือทำอะไรสักอย่าง

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋า จิ้มไปบนหน้าจอก่อนจะยกแนบใบหู ป้องปากพูดอะไรเบาๆ ไม่ได้ยิน ขณะพูดเธอหันมาทางคุณเป็นระยะ

หลังยกโทรศัพท์มือถือออกจากหูและยัดใส่กระเป๋าถือ เธอเบียดตัวเข้าไปในที่ว่างห่างออกไป คุณจึงเบียดตัวตามเข้าไป เธอยังหันมองคุณเป็นระยะ สลับกับการมองออกไปนอกรถ แต่เธอไม่กล้าสบตาคุณ ทันทีที่คุณหันมองเธอจะรีบหันหน้าหนีทันที เมื่อคุณหันกลับและมองไปที่อื่น เธอจะมองมาที่คุณอีกครั้ง

คุณพยายามเบียดเข้าไปใกล้เธอเสมอเมื่อมีโอกาส เหงื่อเม็ดโตผุดออกมาตามตัวทำให้คุณอึดอัด เสื้อผ้าที่ใส่อยู่เหมือนจะคับขึ้นมากะทันหัน อยากจะเปลื้องทิ้ง แต่นี่มันในรถเมล์ คุณจึงก้มมองพื้นเพื่อข่มใจ แต่ก็ไม่สามารถละสายตาจากเธอไปได้

ทำอะไรสักอย่างสิ! คุณพูด แล้วกางมือข้างที่ไม่ได้โหนรถตะปบแก้มก้นตัวเอง ลูบไล้ขึ้นลงช้าๆ แล้วลองบีบนวดเบาๆ จากนั้นจึงเพิ่มน้ำหนักมือขึ้นทีละน้อยๆ ร่างกายของคุณสนองรับ มันกระตุกเต้นด้วยความวาบหวาม ซาบซ่านไปทั้งสรรพางค์กาย คุณจึงลงน้ำหนักทั้งหมดบีบเคล้นก้อนเนื้อเหมือนพอใจให้มันปริแตก

คุณหอบหายใจกระชั้นถี่ เหมือนคนที่กำลังจะขาดอากาศ แต่คุณก็พอใจเหลือเกิน

 

เธอเอากระเป๋าถือมาปิดบั้นท้าย และขยับตัวให้คนที่เพิ่งขึ้นรถยืนแทรกระหว่างคุณกับเธอและพยายามขยับห่างออกไปอีก แต่ยิ่งเธอขยับเท่าไหร่ก็ยิ่งกระตุ้นให้คุณรุกเข้าหาด้วยความกระหายอยากรู้เป็นเท่าทวี คุณเลื่อนมือป่ายปัดไปตามหน้าท้อง แผงอก หว่างขา แล้วกลับมาที่แก้มก้น ท่อนขา ขยำขยี้ คลำสะเปะสะปะไปทั่ว คุณหลงลืมวันเวลาแล้วจริงๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ อุณหภูมิในรถราวหม้อนึ่ง เสื้อผ้าของคุณเปียกชุ่มเหมือนคนตกน้ำ

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หันกล้องหน้ามาทางคุณเพื่อบันทึกภาพ แต่คุณไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพื่อแสดงว่าคุณไม่กลัว คุณจะขยับเข้าประชิดตัวเธอเลยทีเดียว แต่ในวินาทีนั้นเสียงสัญญาณไซเรนมาระงับคุณไว้ มันส่งเสียงดังเตือนให้รถทุกคันที่วิ่งบนท้องถนนชะลอเพื่อเปิดช่องจราจรให้

เสียงใกล้เข้ามา จากนั้นคุณมองเห็นรถตำรวจคันหนึ่งขับขนาบมากับรถเมล์คันที่คุณกำลังโหน ผู้โดยสารหันมองซ้ายขวาด้วยความสงสัย คุณเองก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นรถเมล์เบี่ยงตัวเข้าจอดริมถนนตามสัญญาณมือจากตำรวจบนรถ ตำรวจกระโดดลงจากรถวิ่งมาที่ประตูรถเมล์ โชเฟอร์เปิดประตูผู้โดยสารออก ตำรวจกระโจนขึ้นมาพร้อมกับตะโกนบอกผู้โดยสารทุกคนให้อยู่ในความสงบ

จังหวะนั้นเธอก็ร้องเสียงลั่นขึ้นมา “ทางนี้ค่ะ ทางนี้” แล้วชี้นิ้วมาที่คุณ และร้องตะโกนต่อไป “คนนี้ค่ะ คนนี้ ไอ้เหี้ยนี่แหละค่ะ ไอ้โรคจิต จับมันเลยค่ะคุณตำรวจ จับมันเลย”

คุณยังคงตื่นตะลึงต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจและเสียงตะโกนสาปแช่งของผู้โดยสาร ตำรวจลากตัวคุณลงจากรถ ใช้ท่อนแขนทุบกลางหลังและเตะข้อพับขาจนคุณทรุดกองกับพื้นฟุตปาธ ตำรวจนายหนึ่งจ่อปากกับใบหูของคุณและคำราม

“มึงจะเงี่ยนกะใครก็ได้ แต่นั่นมันเด็กนายว่ะ ไอ้โสโครก” •