ปลานิลก็ดีพอ : ทางรอดอยู่ในครัว / ครัวอยู่ที่ใจ : อุรุดา โควินท์

ครัวอยู่ที่ใจ

อุรุดา โควินท์

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: ปลานิลก็ดีพอ

 

มีออเดอร์สบู่ของชำร่วยเข้ามา อา…นี่คืองานแต่งแรกที่ใช้สบู่ของฉัน ก็ใช่ -ออร์เดอร์หมายถึงรายได้ แต่ความรู้สึกชื่นใจมันล้นเอ่อ นอกจากตอบแทนด้วยการลดแลกแจกแถม ฉันยังอยากทำให้สวยที่สุด

เดือนนี้ฉันต้องทำสบู่มากขึ้น สั่งน้ำหอมและน้ำมันมาล้นห้องกวนสบู่

“พี่จะทำสบู่หมดนี่เลยเหรอคะ” ซันถาม

ฉันให้เธอช่วยเก็บกวาดห้องสบู่ ก่อนเริ่มทำวันพรุ่งนี้ ฉันชอบให้มันสะอาดเอี่ยม ข้าวของอยู่ในที่ของมัน เพื่อหยิบใช้ง่าย

กับสบู่ที่มีลวดลาย เราต้องบริหารเวลาให้ดี เครื่องมือทุกชิ้นควรอยู่ใกล้มือ หยิบไม่ผิด หยิบได้อย่างรวดเร็ว

“พรุ่งนี้เย็นทำงานที่อื่นแล้วมาช่วยพี่ล้างอุปกรณ์สบู่ด้วยนะ” ฉันบอกเธอ

ฉันเริ่มกวนพรุ่งนี้ และกวนต่อเนื่อง 5 วัน ถ้าเริ่มชั่งด่างแต่เช้า กว่าจะกวนเสร็จก็ราวบ่ายสาม ได้ซันมาล้างอุปกรณ์ ทำให้ฉันเริ่มห่อโมล์ดและออกแบบลวดลายใหม่ก่อนทำมื้อเย็น ไม่ต้องนอนดึก และได้แบ่งเงินให้ซันใช้

“ถ้ามาตอนเย็นไม่ได้ ตอนเช้าอีกวันก็ได้นะ แต่ต้องเช้าหน่อย” ฉันว่า

“มาตอนเย็นแระพี่ ดีเลย ลูกย้ายโรงเรียน ต้องซื้อรองเท้าใหม่ ชุดนักเรียนใหม่”

“มาห้าวันติดกันเลยนะ เราจะทำแบบรัวๆ เสร็จแล้วค่อยพัก”

“เย้” เธอร้องเสียงดัง “ได้เลยค่ะพี่”

ซันขยันมาก เธอรับซื้อทุกอย่างในเมืองไทยแล้วส่งให้คนที่อยู่พม่า เธอเป็นล่ามให้กับชาวพม่าที่มารักษาตัวในโรงพยาบาลเชียงราย เธอทำงานบ้านสามหลังต่อสัปดาห์ และถ้าตอนเย็น ฉันอยากให้เธอมาช่วยทำอะไร เธอก็มา

เมื่อเช้า ซันเพิ่งถามฉันว่า เธอจะซื้อครีมบำรุงผิวยี่ห้อ SK2 ได้ที่ไหน ลูกค้าชาวไทยใหญ่ของเธอสั่งมา แต่เซ็นทรัลสาขาเชียงรายไม่มีเคาน์เตอร์เครื่องสำอางนี้

เธอรับซื้อทุกอย่าง และดูเหมือนคนพม่าสั่งซื้อแทบทุกสิ่งจากไทย ตั้งแต่ของชิ้นเล็ก ไปถึงเครื่องปั่นไฟ

“เขาว่าด่านจะเปิดแล้วนะพี่” ซันบอก “แต่ด่านปิดซันก็ยังเห็นคนรวยข้ามไปข้ามมาได้อยู่เลย” หัวเราะ

ถ้าด่านเปิด ฉันคงขับรถไปเที่ยว แวะซื้อเกี๋ยวซ่า แล้วข้ามไปท่าขี้เหล็ก หาไวน์ติดมือมาสักขวดสองขวด

ราคาไวน์ในท่าขี้เหล็กต่างจากไทยชนิดอยากซื้อยกลัง (แต่ทำไม่ได้) ทั้งมีมากมายแบบที่คนรักไวน์จะต้องน้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้ม

“เปิดเมื่อไรบอกพี่ด้วยละกัน”

เธอยิ้ม

“พี่จะซื้อทานาคาน่ะ”

แล้วเราก็หัวเราะด้วยกัน

 

นับวัน ฉันยิ่งรู้สึก-ซันเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจฉัน เธอรู้ว่าแต่ละวันฉันทำอะไรบ้าง มากแค่ไหน เธอรู้ว่าฉันชอบ ไม่ชอบอะไร

“อยากกินผัดขึ้นฉ่ายมั้ย” ฉันถาม

เธอชอบกินปลาช่อนผัดขึ้นฉ่าย และเป็นอาหารรสจืดชนิดเดียวที่ซันชอบ

“ปลาช่อนตลาดแถวนี้ไม่มี ถ้ามี ซันซื้อมาให้พี่ทำน้ำขนมจีนนานแล้ว อยากกิน”

“ปลานิลก็ได้นะ ทำผัดขึ้นฉ่ายน่ะ ดีพอใช้ได้เลยล่ะ” ฉันจะไม่โกหกว่าอร่อยเหมือนกัน เพราะนั่นไม่ใช่ฉัน และลิ้นเธอไม่ธรรมดา บางวันฉันแกงจืดไปนิด เธอยังจับติด

“งั้นเดี๋ยวซันไปซื้อปลาพร้อมกับซื้อทิชชู่ม้วนยาวที่พี่สั่ง”

ฉันวางเงินไว้ และบอกให้เธอซื้อมาสองตัว สั่งเขาทำแบบแล่แต่เนื้อ และขึ้นฉ่ายแบบเหมาตลาด ทำทีเดียวกินไปสองบ้านเลย

 

ปลาผัดขึ้นฉ่าย เป็นอาหารอีกจานที่ต้องการความเค็มแบบเต้าเจี้ยว ความเค็มซึ่งละมุน มีเนื้อมีหนัง เข้ากันกับปลาทอดที่สุด

ได้ปลามา ฉันหั่นชิ้นเล็กลง ถ้าเป็นปลาช่อน ฉันชอบทอดโดยไม่คลุกแป้ง แต่กับปลานิล เอามาคลุกแป้งแห้งสักหน่อยจะดีกว่า

ทอดปลาในน้ำมันท่วม ให้เป็นสีเหลืองทอง แล้วตักมาพักไว้ในกระชอน

ขึ้นฉ่าย ถ้าได้ต้นอวบๆ จะอร่อยมาก แต่ก็นะ บางทีเราเลือกไม่ได้หรอก ในตลาดเล็กๆ น่ะ มาแบบไหนก็ทำไปแบบนั้น

ขึ้นฉ่ายล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อนยาวๆ ต้องใช้เยอะมาก เพราะมันยุบเหลือนิดเดียว

เตรียมขึ้นฉ่ายแล้ว ก็ทุบกระเทียมรอ

เปิดเตา ใส่น้ำมันนิดหน่อย พอเริ่มร้อนก็เอากระเทียมลง ตามด้วยขึ้นฉ่าย ซีอิ๊วขาวนิด เต้าเจี้ยวเยอะๆ น้ำตาลพอให้มีรสหวาน อาจใส่น้ำมันหอยด้วย ถ้าชอบ แต่ฉันจะไม่ใส่ รอขึ้นฉ่ายสุก ฉันหยอดน้ำลงกระทะไปหน่อย แล้วค่อยเทปลานิลทอดลง ผัดให้ร้อนทั่วกัน ชิมอีกครั้ง ถ้าจืดก็จะเติมรส แต่บังเอิญว่ามันพอดี

ตักครึ่งหนึ่งใส่ปิ่นโตให้ซันกลับไปกินที่บ้าน อีกครึ่งตักลงจาน WEDGWOOD ใบงาม จานมือสอง แต่สวย ทำให้ปลานิลผัดขึ้นฉ่ายดูน่ากินขึ้นเป็นกอง

 

ไม่รู้ว่าซันกินกับอะไร แต่บ้านเรากินกับไข่คั่วใส่มะเขือเทศ “ปลานิลอาจไม่อร่อยเท่าปลาช่อน” ฉันบอกเขาขณะจัดโต๊ะ

เขาตักกินไปสองคำ แบบไม่มีข้าว “อร่อยเลยล่ะ ไม่ต้องปลาช่อนก็ได้ ถ้ามันหาซื้อยาก”

“ปลานิลถูกกว่ามาก ซื้อมา 150 ทำได้สองจานใหญ่เลย” ฉันบอก

และนั่นคือประเด็นหลักของแม่บ้านยุคประหยัด •