ยานยนต์ สุดสัปดาห์/โตโยต้า “ยาริส”ใหม่ 5ประตู-คู่แฝด “เอทีฟ”

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

โตโยต้า “ยาริส”ใหม่ 5ประตู-คู่แฝด “เอทีฟ”

“โตโยต้า” ออกมาเขย่าตลาดรถเล็กในเมืองไทยแบบ “ดับเบิ้ลแอ๊กชั่น” เพื่อหวังยึดแชมป์ตลาดเก๋งเล็ก หรือ “อีโคคาร์” ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้

หลังจากส่ง “ยาริส เอทีฟ” อีโคคาร์ 4 ประตูรุ่นแรกออกมาไม่นาน “ยาริส” 5 ประตูก็เปิดตัวตามออกมาในเวลาใกล้เคียงกัน

“ยาริส” ถือเป็นเก๋งอีโคคาร์ 5 ประตูรุ่นสุดท้ายของอีโคคาร์เฟสแรก เผยโฉมออกมาเมื่อปลายปี พ.ศ.2556

หลายท่านอาจแย้งว่าอีโคคาร์ 5 ประตูรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวออกมา เป็น “มาสด้า 2” มิใช่หรือ?

ใช่ครับ….มาสด้า 2 คืออีโคคาร์ 5 ประตูรุ่นล่าสุดของเมืองไทย แต่มาสด้า 2 ถือเป็นรถในอีโคคาร์เฟส 2 ครับ

เมืองไทยนั้นรู้จักชื่อ”ยาริส”มาตั้งปี พ.ศ.2549 แต่มาในฐานะเซ็กเมนต์ซิตี้คาร์ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เปิดตัวเพื่อช่วย “โตโยต้า วีออส” บู๊กับค่าย “ฮอนด้า” ที่มีซิตี้คาร์ 4 และ 5 ประตู ในรุ่น “ซิตี้” และ “แจ๊ซ”

แต่ “ยาริส” เจเนอเรชั่นแรก แม้จะขายได้ไม่น้อยแต่ไม่ถือว่าเปรี้ยงมากนัก

จนเมื่อมีโครงการอีโคคาร์ และประสบความสำเร็จอย่างสูงแต่ละค่ายกวาดยอดขายกันระเบิดระเบ้อ สุดท้ายโตโยต้าจึงส่ง “ยาริส” เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เข้ามาร่วมแชร์ตลาด

ถือว่าไม่ธรรมดาครับ เพราะตั้งแต่เปิดตัวถึงเดือนสิงหาคม 2560 มียอดขายสะสมกว่า 150,000 คัน

กระทั่ง “ยาริส เอทีฟ” ออกมาเขย่าตลาดอีโคคาร์ 4 ประตูเมืองไทยได้แค่เดือนเดียว

โตโยต้า ก็ปรับโฉม “ยาริส” 5 ประตู ตามมาทันที

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นรุ่นปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์ แต่เป็นระดับ “บิ๊กไมเนอร์เชนจ์” เพราะเปลี่ยนจนไม่เหลือเค้าเดิม

ยาริส เจาะตลาดวัยรุ่นสไตล์สนุกสนานภายใต้แนวคิด “New YARIS…YES, THAT”S RIGHT! ที่สุดของความใช่ ในสไตล์คุณ”

ด้านหน้ามองผาดๆ นึกว่าเอทีฟ เพราะคล้ายกันมาก ไม่ว่าจะเป็นฝากระโปรงหน้า และกระจังหน้า ที่ต่างคือช่องดักลมด้านล่างแม้มีขนาดใหญ่เหมือนกัน แต่ยาริสออกแบบบทรงคล้ายๆ ตาข่าย ขณะที่เอทีฟเป็นแบบซี่สีดำแนวขวาง

ไฟหน้าแบบ Projector พร้อมไฟ LED Light Guiding ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Light แบบ LED และไฟตัดหมอกหน้า ทรงเดียวกับเอทีฟเป๊ะ

เช่นเดียวกับลิ้นเล็กๆ ด้านหน้าแบบสีเดียวกับตัวรถก็เหมือนกัน เพียงแต่ยาริสไม่มีเส้นสีแดงบริเวณลิ้นด้านหน้าหรือในโคมไฟหน้าแบบเอทีฟ

เรียกว่าหากมองผ่านๆ แทบแยกไม่ออกว่ารุ่นไหนเป็นรุ่นไหน

รูปร่างหน้าตาด้านหน้าบอกเลยว่า สวยกว่ารุ่นเก่ามากถึงมากที่สุด

ส่วนเส้นสายด้านข้างก็คล้ายกัน

ด้านหลังไฟท้ายทรงคล้ายๆ กัน เป็นแบบ LED Light Guiding ตอนเปิดไฟเป็นเส้นเดี่ยวๆ ดูโฉบเฉี่ยวดี เพียงแต่รูปทรงส่วนที่เว้าเข้าไปในตัวถังต่างกัน เพราะยาริสมีขนาดใหญ่กว่าคล้ายๆ รุ่นเดิม

ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED มาพดร้อมสปอยเลอร์ พร้อมเสาอากาศแบบครีบฉลาม (เฉพาะรุ่น G-รุ่นท็อป)

กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว แน่นอนว่าทรงเดียวกับเอทีฟ ต่างกันที่ไม่มีเส้นคาดแดง

มือจับประตูโครเมียมพร้อมระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry ซึ่งมีปุ่มรับสัญญาณโดยไม่ต้องควักรีโมตออกมาเวลาเปิด-ปิดล็อก

ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว

และแน่นอนว่าเอกลักษณ์สำคัญของค่ายโตโยต้า คือติดตั้ง “ฟิน” หรือตัวจัดอากาศเป็นครีบเล็กๆ บริเวณฐานกระจกมองข้าง และบริเวณด้านข้างของไฟเลี้ยวทั้ง 2 ฝั่ง

ภายในยิ่งไม่ต้องพูดถึง แทบจะยกของเอทีฟมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย 3 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่นตกแต่งด้วยสีโครเมียม ผ่อนแรงด้วยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering)

มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่อัจฉริยะ MID จุดนี้จะต่างจากเอทีฟ เพราะจอแสดงข้อมูลการขับขี่อัจฉริยะ MID ของยาริสที่มีขนาดเล็กกว่า และรายละเอียดต่างๆ มีน้อยกว่า

คอนโซลกลางติดตั้งเครื่องเสียงมีความแตกต่างกันเล็กน้อย เครื่องเล่นวิทยุ CD/ MP3/ WMA พร้อมช่องต่อ USB/ AUX และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมจอ LCD ช่องแอร์ตกแต่งด้วยสีโครเมียมเช่นกัน

ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry ควบคุมการล็อก-ปลดล็อกประตูและที่เก็บสัมภาระท้ายรถ

มีระบบสตาร์ตเครื่องยนต์อัจฉริยะ (Push Start)

ที่วางขวดน้ำบริเวณประตูผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า ช่องเสียบชาร์จไฟ 12V พร้อมช่องเก็บของข้างเบรกมือ

ติดตั้งกล่องเก็บของอเนกประสงค์ใต้ที่วางแขนตรงกลาง ซึ่งเหมือนเอทีฟ ที่ถือว่าเป็นครั้งแรกของรถกลุ่มอีโคคาร์

เบาะที่นั่งด้านหลัง ปรับ-พับแยกอิสระแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุก

ที่เป็นจุดดีไม่ต่างจากเอทีฟ คือพื้นที่นั่งด้านหลังไม่มีอุโมงค์มาเกะกะ เป็นแบบพื้นเรียบสะดวกสำหรับผู้โดยสารคนที่ 5 และการเข้าออก

เครื่องยนต์บล๊อกเดียวกับเอทีฟ แบบ 3NR-FE DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว DUAL VVT-i 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 86 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร ทำงานควบคู่กับ เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock

รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E20 มาตรฐานไอเสีย EURO4 และประหยัดน้ำมันตามสเป๊กอีโคคาร์คือ 20 กิโลเมตร/ลิตร

จุดที่ต่างจากรุ่นเดิมน่าจะเป็นพวกวัสดุซับเสียงที่เพิ่มเข้ามาค่อยข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นความหนาของพรม ยางขอบประตูแบบ 2 ชั้น ส่วนจะเก็บเสียงได้ดีกว่ารุ่นเก่าขนาดไหนต้องรอทดสอบก่อนถึงจะสรุปได้ แต่จากสเป๊กพอจะบอกได้ว่าดีกว่ารุ่นเก่าแน่นอน

ระบบความปลอดภัยมาตรฐานมาครบไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control) ระบบสัญญาณเตือนสิ่งกีดขวางขณะถอยหลัง ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill Start Assist Control)

ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist)

กุญแจป้องกันการโจรกรรม Immobilizer ระบบไฟส่องสว่างหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow-Me-Home) (เฉพาะรุ่น G)

ชุดซ่อมยางฉุกเฉินพร้อมที่ปั๊มลม

ที่พลาดไม่ได้และเป็นจุดเด่นของอีโคคาร์ค่ายนี้คือถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง

มี 7 สีให้เลือก (Citrus Mica Metallic / Orange Metallic/ Red Mica Metallic/ Super White/ Silver Metallic / Gray Metallic/ Attitude Black Mica)

ยาริสใหม่ มี 4 รุ่นย่อย ประกอบด้วย

รุ่น G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 609,000 บาท

รุ่น E เกียร์อัตโนมัติ ราคา 559,000 บาท

รุ่น J เกียร์อัตโนมัติ ราคา 529,000 บาท

รุ่น J ECO เกียร์อัตโนมัติ ราคา 479,000 บาท

แต่แจ้งก่อนนะครับว่านี่เป็นราคาช่วงแนะนำ ยืนไปถึงวันที่ 31 ตุลาคมนี้เท่านั้น หลังจากนั้นจะปรับราคาขึ้นพร้อมกับ “ยาริส เอทีฟ”