พิธีกรรมอำนาจ ศาสตร์สมเด็จตระกูลฮุน/อัญเจียแขฺมร์ อภิญญา ตะวันออก

อภิญญา ตะวันออก

อัญเจียแขฺมร์

อภิญญา ตะวันออก

 

พิธีกรรมอำนาจ

ศาสตร์สมเด็จตระกูลฮุน

 

ฉันรู้สึกทึ่งต่อสมเด็จฮุน เซน เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง มันเกิดขึ้นจากตอนที่เขาต้องรีดเร้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะผู้นำอีกครั้งหนึ่งอย่างเห็นได้ ก็ตอนที่เขาต้องบินไปวอชิงตันเพื่อร่วม “สหรัฐ-อาเซียน” “อินโด-แปซิฟิก”

ในฐานะที่เป็นประธานอาเซียนในปีนี้ ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติจากวอชิงตันดีทีเดียว

ต้องขอรื้อฟื้นว่า เมื่ออดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา มาเยือนพนมเปญ 10 ปีก่อน และตอนนั้นสมเด็จฮุน เซน ก็เป็นประธานอาเซียนพอดี กัมพูชาได้แสดงการต้อนรับและความกระตือรือร้นอย่างสูงสุดต่อผู้นำสหรัฐ

ทว่า เขากลับผิดหวังอย่างรุนแรงในท่าทีสุภาพสตรีทำเนียบวอชิงตันที่เย็นชาต่อสมเด็จหญิงบุนรานี ฮุนเซน เสมือนเป็นหญิงชาวบ้านที่ไม่รู้ปัญหาเด็ก สตรีและสิทธิมนุษยชน

แต่นั้นมา ความสัมพันธ์อเมริกา-กัมพูชา ก็ไม่เคยกลับมาดีขึ้น

ผู้นำเขมรยังแอนตี้วอชิงตันด้วยการพึ่งพามหาอำนาจจีน เลวร้ายสุดคือกรณีฐานทัพเรือเรียมที่สหรัฐสร้างทิ้งไว้และขอให้กัมพูชาช่วยสงวนรักษา เขมรทำเหมือนกับให้จีนมาเซ้งลี้

ถ้าไม่มีสงครามรัสเซีย-ยูเครนแล้ว เขมรคงเป็นจุดเดือดที่ 2 ของภูมิภาคนี้ แต่ที่ล้ำไปอีกคือการที่ผู้นำเขมรประกาศสร้างเรียมให้เป็นท่าเรือน้ำลึกทางพาณิชย์แห่งที่ 2 แทนการพัฒนากองทัพเรือ และนั่นก็ทำให้ทุกอย่างลดความตึงเครียด แม้โดยนัยแล้ว ผู้ประมูลสัมปทานยังเป็นรัฐบาลจีน

กระนั้น ความเป็นท่าเรือพาณิชย์ก็ช่วยทำให้กัมพูชายังเป็นมิตรที่พอดูได้ และสมเด็จไม่ทิ้งรอยด่างให้แก่ทายาทของตนหากเขาดำรงตำแหน่งผู้นำคนต่อไปด้วยปัญหาเรียม-สะดือทะเลจีนใต้

อย่างที่ทราบฐานทัพเรือเรียมนั้นเล็กมาก หากเกิดปัญหาแบบมาริโอปอลในทางยุทธศาสตร์ พาณิชย์จีนคงเตรียมพินาศ ทั้งโครงการสาครสมุทรที่เกาะกง-เขตอุตสาหกรรมสีหนุวิลล์ที่ไม่มีทางออก การลงทุนบนคาบสมุทรเขมรทั้งหมดคงไร้ประโยชน์ ที่สำคัญ ยุทธศาสตร์ทางทะเลแห่งใหม่ได้ย้ายไปที่หมู่เกาะโซโลมอน

บนเวทีนานาชาติที่วอชิงตัน ฮุน เซน จึงแสนสุดสบายใจ และต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นสมเกียรติ โดยเฉพาะการเตโชบอกวอชิงตันว่า

เราต้องคุยกันอย่าง “ทัดเทียม” นั้น มันแฝงถึงอะไรเมื่อหลายปีก่อน

นรธิโพ เจ้าชายผู้สาบสูญ

แต่เรื่องที่ควรมรณานุสสติกว่านั้น คือบทบาทที่ฮุน เซน ในวัย 69 ปี ที่เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์ทั้งเรื่องของการเมืองและชีวิตส่วนตัว

โดยก่อนจะบินไปวอชิงตันไม่กี่ชั่วโมง ฮุน เซน เพิ่งจะร่วมพิธีบรรจุศพสมเด็จอุดมเทพวิญาณฮุน เนง (1950) พี่ชายที่เสียชีวิตจากโรคร้ายเมื่อ 5 วันก่อน ซึ่งด้วยภารกิจที่มากมายจนแทบจะไม่มีเวลา “แสดงอารมณ์สะเทือนใจ” ที่ควรเป็น

แต่ในฐานะน้องชายคนเดียวที่เหลืออยู่ จึงควรทำหน้าที่แทนหลานๆ และน้องๆ ตระกูลฮุนทั้งหมด

ด้วยเหตุนั้น เราจึงได้เห็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญเมื่อสมเด็จฮุน เซน ไปเป็นประธานพิธีบรรจุศพสมเด็จอุดมเทพวิเญียน (ออกเสียงแบบเขมร) ที่จังหวัดกำปงจาม ซึ่งนอกจากจะมีบรรดารัฐมนตรีและบุคคลสำคัญของพรรคประชาชนกัมพูชาไปเป็นสักขีพยานแล้ว ยังทำให้เราได้เห็นการถอดรหัสคำว่า “ช้างเหยียบนา พระยาเหยียบเมือง” ในแบบพิธีกรรมอีกด้วย

เหมือนถอยไปในยุค “เจ้าบ้านผลัดเมือง” กันเลยทีเดียว คือสมัยพระยาพระตะบอง ที่มีอำนาจอันน่าพิศวง ทัดเทียมไม่ต่างจาก “เสด็จ” หรือพระมหากษัตริย์

โดยที่สมเด็จพี่น้องตระกูลฮุนซึ่งมีอำนาจทั้งจากหัวเมืองเอกกำปงจามและราชอาณาจักร การมีพิธีกรรมยิ่งใหญ่จึงไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ในยุคนี้ ซึ่งโดยจริงแล้วจะว่าไป สมเด็จฮุน เซน และพี่ชายก็เกิดในยุคปลายอินโดจีน

ฮุน ลงเสง (ฮุน เนง) และฮุน นาล (ฮุน เซน) ลูกชาวนาพี่น้องจากกำปงจาม ซึ่งต่อมามีวาสนาทางการเมืองเป็นถึงสมาชิกวุฒิสภาและนายกรัฐมนตรี เทียบเท่ากับเสนาบดีกรุงกัมพูชา ณ ปัจจุบัน ด้วยเหตุนั้น เราจึงได้เห็นพิธีสดุดีต่อการจากไปของสมเด็จฮุน เนง อย่างยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยพบในรัชกาลกษัตริย์องค์ไหน เว้นแต่สมัยเจ้ากรุงพระตะบองซึ่งปกครองตนเองเหนืออาณัติกษัตริย์แห่งกัมโพช

โดยต้องไม่ลืมว่า สมเด็จฮุน เนง นั้น ก็เป็นเจ้าเมืองกำปงจามยาวนานจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ มิต่างเท่าใดจากตระกูลอภัยวงศ์ของพระตะบองในอดีต ซึ่งมักข่มเจ้ากรุงกัมพูชาธิบดี

กระทั่งพระบาทนโรดม ทนไม่ไหวต้องให้ฝรั่งเศสสร้างวังขึ้นใหม่ที่กรุงพนมเปญ

 

ในกิจการบ้านเมืองของสมเด็จฮุน เซน ที่ทำเอาฉันจวนจะเป็นไบโพลาร์-โรคสองอารมณ์ โดยเฉพาะด้านการต่างประเทศที่สมเด็จสุดจะทันสมัยและเต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาด มั่นใจในศักยภาพ

เรียกว่ามี “มอตะนะเพียบ” ที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ชาวเขมรอย่างมาก โดยเฉพาะสายอนุรักษ์พิทักษ์สมเด็จ ณ กรุงวอชิงตัน

แต่ก่อนเดินทางเพียงหนึ่งวัน สมเด็จฮุน เซน ยังมีส่วนร่วมกับพิธีกรรม “ช้างเหยียบนา พระยาเหยียบเมือง” ในงานศพของพี่ฮุน เนง ซึ่งมีทั้งแบบพุทธ พราหมณ์ จีน มอญ มหายาน และเถรวาทมารวมกัน

ที่หากหวนกลับไปมองราชสำนักกัมพูชา พิธีกรรมต่างๆ ได้ลดสถานะอันศักดิ์สิทธิ์ของระบอบกษัตริย์อันเนื่องจากสงครามและอำนาจที่เปลี่ยนไปของบ้านเมืองแล้ว

ในพิธีศพกษัตริย์นโรดม สีหนุ ในพระบรมรัตนโกศนั้น แม้ว่ารัฐจะให้ความสำคัญ แต่การที่พระศพของกษัตริย์ไม่ได้บรรจุในพระโกศทองใหญ่ดังราชประเพณีโบราณ ก็เป็นที่น่าสงสัยว่า นี่เป็นความต้องการของราชสำนักที่จะทำให้จารีตธรรมเนียมของราชวงศ์เปลี่ยนไปตลอดกาล?

หรือเป็นเพียงช่วงถ่ายผ่านประเทศเท่านั้น?

ขณะเดียวกัน ผู้เฝ้ามองอย่งฉันกลับพบว่า ในฝ่ายสมเด็จฮุน เซน เองกลับสร้างธรรมเนียมใหม่ที่แปลกหูแปลกตาไปจากฐานะชนชั้นนำซึ่งมีหน้าที่บริหารประเทศ

ตระกูลสมเด็จฮุน โดยเฉพาะสมเด็จบุนรานี ฮุนเซน นั้น ได้สร้างธรรมเนียนใหม่ในแบบเสนาบดีที่ปกครองประเทศในอดีต ตั้งแต่การปลูกสร้างที่พักสไตล์วังหรือตำหนักเจ้านายเขมร “จะนอลกาล” ยุคเก่า รวมทั้งการสร้างวัดประจำตระกูลเตโชและตระกูล “บุน” ของฝ่ายตน

จนไปถึงการประกอบพิธีกรรมนานาตามแบบธรรมเนียมประเพณีของฝ่ายในและเจ้าเมืองเสนาบดีโบราณ ดังการสร้างวัดและตำหนักเจ้าเมืองยุคก่อนที่พอจะเห็นนี้ ใกล้สุดคือยุคเมืองพระตะบอง

จนวัดและตำหนักของตระกูล กลายเป็นสมบัติคู่บ้านคู่เมืองพระตะบองมาจนทุกวันนี้

และนั่นเองจึงเป็นคำตอบว่า ทำไมพิธีบรรจุศพสมเด็จพี่ชายเตโชฮุน เซน จึงมีลักษณะถอดแบบจากเสนาบดีเมืองเก่าเขมร

 

แรกเลยพบว่า ในพิธีงานศพ สมเด็จฮุน เนียง ที่จัดอย่างสมเกียรติในฐานะบิดาสมเด็จฮุน เซน ได้จัดขึ้นที่วัดบัวตุมวไต วัดเดียวกับเจ้านายทุกพระองค์ในราชสกุลนโรดม ตลอดจนนักการเมืองชั้นสมเด็จและเป็นพิธีแบบพุทธคือเผาเมรุ

แต่ในพิธีศพของฮุน เนง ครั้งนี้มีความแปลก กล่าวคือ มีการสร้างเป็นสุสานเพื่อบรรจุศพแทนการเผาเมรุดังที่ผ่านมา

ไม่เพียงเท่านั้น ตระกูลฮุนยังเดินเวียนซ้าย 3 รอบก่อนยกโลงศพลงในคอนกรีต สมเด็จฮุน เซน โปรยดินและเทน้ำลงบนโลงพี่ชาย ในวันนั้นสมเด็จฮุน เซน ในเครื่องแต่งกายชุดขาว เฉียงพาดไหล่ผ้าสีขาวเหมือนชาวมอญเช่นเดียวกับลูกหลานชายหญิงทุกคนในตระกูล เว้นแต่ลูกหลานฝ่ายชายบางรายที่โกนหัว

มีการวางดอกไม้จันทน์บนพานรูปเคารพ แต่ไม่มีการประชุมเพลิงใดๆ และที่น่าสังเกตนั้น ใกล้กันกับหลุมศพของฮุน เนง ยังมีที่ว่างสำหรับโลงอีกโลงหนึ่ง!

ที่ว่างของหลุมศพอนาคตกาลนี้เป็นของใครกัน ที่จะรอคอยจนกว่าจะมีการสร้างองค์เจดีย์ใหญ่ครอบลงไปบนแท่นศพทั้งสองนั้น?

ไม่มีใครทราบว่า นั่นคือที่ว่างของน้องชายสมเด็จฮุน เซน หรือไม่?

หรือสมเด็จบุนรานี ฮุนเซน ผู้เปี่ยมไปด้วยความเชื่อในพิธีกรรม และเจดีย์องค์ใหม่สำหรับสองสมเด็จแห่งอนาคตกาล มันได้ถูกบรรจุไว้แล้ว พลัน ฉันก็ฉุกใจในท่าทีอาลัยซับน้ำตาของสมเด็จหญิงกัมพูชา

โอ ช่างเป็นคู่บุญบารมีที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ