ในยามวิกฤต สิ้นหวัง ‘วิกฤต’ กลับกลายเป็น ‘โอกาส’ ให้กับ ‘เซี่ยวลี้ปวยตอ’/บทความพิเศษ

บทความพิเศษ

 

ในยามวิกฤต สิ้นหวัง

‘วิกฤต’ กลับกลายเป็น ‘โอกาส’

ให้กับ ‘เซี่ยวลี้ปวยตอ’

 

คําถามก็คือ “ยาขจัดพิษ” อยู่ที่ใคร

คำถามนี้ตามมาด้วยคำถามอันยอกย้อนยิ่งกว่า

“ในตัวบุรุษพิสดารใจดำหากมียาขจัดพิษ หากถูกอสุรีพันมือค้นไป และถูกซีเอี๋ยวโซยชิงไปอีกทอดหนึ่งอย่างนั้นยาขจัดพิษคงอยู่ที่ซีเอี๋ยวโซย”

คำถามก็คือ “อาฮุยจะไม่หยิบสิ่งของผู้อื่นโดยพลการ”

ขณะเดียวกัน ที่อาฮุยนำเสื้อเกราะใยทอง (กิมซีกะ) ไป เพียงเพราะมันเห็นว่า เสื้อเกราะใยทองสมควรเป็นของลี้คิมฮวง นิสัยอาฮุยมั่นคงอย่างยิ่ง แม้กระทั่งคนตายมันก็ไม่ยอมเอาเปรียบ

ความจริงจึงค่อยประจักษ์ว่า ทั้งนี้ เพราะในตัวซีเอี๋ยวโซยหาได้มียาขจัดพิษไม่ ไม่ว่าลี้คิมฮวงไม่ว่าชายฉกรรจ์เคราครึ้มเท่ากับเข้าสู่ทางตัน

เบื้องหน้าสภาพการณ์เช่นนี้ลี้ชิ้มฮัวยิ้มพลางกล่าว

“ท่านมิต้องลำบากใจแทนข้าพเจ้า ความตายไม่ได้น่ากลัวดังที่ท่านคาดคิดไว้ ตอนนี้ข้าพเจ้านอกจากบนร่างไร้เรี่ยวแรงแล้วในใจกลับสงบยิ่ง เพียงคิดดื่มสุราสักถ้วย”

ครึ่งชั่วยามให้หลัง รถม้าของคนทั้งสองก็มาถึงหมู่บ้านงู้เกซึง

 

งู้เกซึงเป็นเมืองเล็กๆ ที่คึกคักอย่างยิ่ง เมื่อยังไม่มืดค่ำเต็มที่ พายุหิมะขาดหายไปแล้ว ร้านรวง 2 ฟากข้าง มีคนถือไม้กวาดออกกวาดหิมะที่สุมอยู่หน้าร้าน

ในเมืองย่อมมีเหลาสุรา คนคนหนึ่งนำคนอีกคนหนึ่งเข้าเหลาสุรา

ใบหน้าลี้คิมฮวงซีดขาวจนเผือด กระทั่งริมฝีปากก็เขียวคล้ำ มิว่าผู้ใดต่างดูออกว่าป่วยหนักจนร่อแร่ปางตายแล้ว

แต่ถึงกับยังมาดื่มสุรา

“ยกสุรามา” ชายฉกรรจ์หนวดเคราครึ้มคำรามพร้อมกับตบโต๊ะฉาดใหญ่ “ต้องการสุราดีที่สุดของร้าน หากผสมน้ำแม้สักหยดหนึ่งจะเด็ดศีรษะพวกเจ้าทุกคน”

สุราที่ส่งมาแม้มิใช่ชั้นเลิศ แต่มิได้ผสมน้ำเลยจริงๆ

“เสื้อผ้านี้อยู่กับเรามานานปี ความจริงเราก็ควรเชิญมันดื่มสุราสักจอกหนึ่ง มา มา มา เสื้อผ้าที่รัก ได้รับบุญคุณท่านที่ห่อหุ้มร่างกายต่อต้านความหนาว เราคารวะท่านจอกหนึ่ง”

ด้านหนึ่ง สะท้อนความเคารพในเสื้อผ้า ด้านหนึ่ง สะท้อนจิตใจที่ยกย่องสุรา

ไม่ว่ามองผ่านท่วงทำนองของลี้คิมฮวง ไม่ว่ามองผ่านการสำนองตอบจากชายหนวดเครารกครึ้ม

ทั้งสองบัดเดี๋ยวร่ำไห้ บัดเดี๋ยวหัวร่อ

 

ขณะเวลาเดียวกันนั้นเองพลันมีคนผู้หนึ่งเดินโซเซเข้ามา ฟุบล้มกับโต๊ะเก็บเงินร้องเสียงแหบแห้ง

“สุรา สุรา รีบยกสุรามา”

คนผู้นี้สวมเสื้อยาวสีครามซึ่งซักจนซีดขาว ที่บริเวณแขนเสื้อ อกเสื้อ มีคราบน้ำมันติดอยู่ เล็บทั้ง 10 เปรอะเปื้อนด้วยดินโคลน มาตรแม้นสวมหมวกเยี่ยงนักศึกษาแต่ผมที่ยุ่งเหยิงราวพงหญ้ากลับแลบออกมา

ใบหน้าทั้งเหลืองทั้งผอม ดูแล้วคล้ายเป็น “ซิวไฉ่” ยากไร้เข็ญใจ ผู้จัดการร้านขมวดคิ้วคิดในใจ “มีตัววิกลจริตมาอีกคนหนึ่งแล้ว” ดูท่าทีของมันหากมิได้ดื่มสุราทันทีจะต้องกระหายตายไป

เมื่อเสี่ยวเอ้อถือป้านสุรามาพร้อมกับสีหน้านิ่ว คิ้วขมวด หนอนตำรายากไร้ตัวนี้กลับมิได้ใช้จอกสุราเลย หากแต่แหงนคอดื่ม อึก อึกลงไปจนกว่าครึ่งป้าน พลันพ่นออกมาแล้วกระโดดโลดเต้น

“นี่ไม่อาจนับว่าเป็นสุราได้ นี่มันน้ำส้มชัดๆ และยังเป็นน้ำส้มที่ผสมน้ำด้วย”

ต่อเมื่อมันสะบัดมือวูบถึงกับมีเงินแท่งไม่ต่ำกว่า 50 ตำลึงกระเด็นออกมา สีหน้าของเสี่ยวเอ้อก็แปรเปลี่ยน

ดังนั้น สุราดีจึงถูกยกมา

 

ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาอันคมกริบของลี้คิมฮวง ทุกอย่างค่อยๆ คลี่คลายให้เห็นอย่างเด่นชัดขึ้นเป็นลำดับว่าปีศาจสุราคนใหม่นี้เป็นใคร

เมื่อมีผู้คน 5-6 คนตามมาถึงร้านเหล้า ต่างสวมอาภรณ์รัดกุม สะพายดาบ กระบี่ครบครัน

“ได้เงินทองของผู้คน บรรเทาภัยให้แก่ผู้คน ท่านรับค่ารักษาจากพวกเรา ไม่รักษาโรคให้พวกเรากลับหนีมาดื่มสุรา นับเป็นความหมายกระไรกัน”

ได้ยินดังนั้นหนอนตำราแยกเขี้ยวยิ้ม

“หรือท่านทั้งหลายยังไม่ทราบความหมาย เพียงแต่ว่าพยาธิสุรากำเริบเท่านั้น หากพยาธิสุราของเหมยยี่ซิงแซกำเริบเมื่อไรแม้นับว่าฟ้าถล่มลงมาก็ต้องดื่มสุราก่อนค่อยว่ากล่าวไหนเลยมีกะใจไปรักษาโรคให้แก่ผู้อื่น”

ความจริง ลี้คิมฮวงเข้าใจที่พวกเหล่านี้มาก็เพื่อรังควานล้างแค้น

กระนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของพวกมันแล้วจึงได้ทราบ ที่แท้ เหมยยี่ซิงแซ ผู้นี้ รับแต่เงินโดยไม่ยอมรักษาโรคให้ พวกประดานี้มาด้วยทีท่าดุร้าย แผดร้องก้องตะโกนไม่หยุดปาก แต่เหมยยี่ยังคงนั่งเด่นเป็นสง่า กรอกสุราไปทีละจอกดังเดิม

“ในเมื่อพวกท่านทราบนิสัยของเหมยยี่ซิงแซ ก็ควรทราบ เหมยยี่ซิงแซมีกฎ 3 ไม่รักษา

1 ค่ารักษาไม่ชำระก่อนไม่รักษา ชำระน้อยไปสักหุนหนึ่งก็ไม่รักษา 2 มารยาทไม่นอบน้อมนุ่มนวล กล่าววาจาก้าวร้าวล่วงเกินไม่รักษา 3 พวกลักเล็กขโมยน้อย มหาโจร ฆ่าคน ปล้นสินค้ายิ่งไม่ยอมรักษาเด็ดขาด”

“ไม่รักษาก็จะปลิดชีวิตท่าน”

“ปลีดชีวิตก็ไม่รักษา”

ชายฉกรรจ์หน้าฝีดาษตวัดมือตบฉาด ตบจนบ๊วยยี่ซิงแซ (สำนวน น.นพรัตน์) ทั้งคนทั้งม้านั่งกลิ้งออกไป 7-8 เซียะ

ฟุบร่างกับพื้น มุมปากปรากฏโลหิตไหลหลั่ง

 

ลี้ชิ้มฮวงเห็นบ๊วยยี่ซิงแซหนักแน่นเยือกเย็นถึงเพียงนี้ ความจริงเข้าใจว่าคนผู้นี้เป็นยอดคนแดนโลกีย์ยามนี้ค่อยทราบว่า บ๊วยยี่ซิงแซแม้ปากแข็ง แต่สองมือหาได้เข้มแข็งไม่

ลี้ชิ้มฮัว กับชายฉกรรจ์เคราครึ้มจึงต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง

ไม่เพียงแต่ชายฉกรรจ์เคราครึ้มจะตวาด “นี่เป็นสถานที่ดื่มสุรา คนที่ไม่ดื่มสุราล้วนไสหัวออกไปให้แก่เรา”

หากแต่ “ไสหัวไปไม่สนุกสนาน เรียกพวกมันคลานออกไปเถอะ” เป็นสำทับจากลี้ชิ้มฮัว

ความจึงค่อยปรากฏว่าประดาที่เข้ามาเป็น “เจ็ดมังกรร้ายฮวงโห” (อึ้งฮ้อฉิกเกา) แม้จะตอบโต้ แต่ก็ปะทะเข้ากับวิชาคงกระพันระฆังทองคลุมกาย (กิมเจ็งเจ๋า) และภูษาเหล็ก (ทิโป๋วซา) ยังไม่ทันที่สถานการณ์จะนานปลาย

ชายฉกรรจ์หน้าฝีดาษกลับฉุดลากสหายออกไปเนื่องจากชำเลืองเห็น “มีดน้อย” ที่จัดวางอยู่ข้างถ้วยสุรา

“ข่าวสาร” และ “ข้อมูล” ก็พรั่งพรูออกมาเป็นขั้นเป็นตอน

“เมื่อครึ่งเดือนก่อนเราได้ยินเล่าโอวถู (เต่าดำ) แห่งศาลเจ้าซิ่งเล้งเบี้ยบอกว่า เขาเข้าด่านมาอีกแล้ว เมื่อหลายปีก่อนเล่าโอวถูเคยพบเห็นเขามา คนผู้นี้ทั้งดื่มกิน เที่ยวสตรี เล่นพนัน เชี่ยวชาญอบายมุขทุกประการ สุขภาพร่างกายไม่ดีนัก แต่มีดของเขา ไยต้องตอแยเขาด้วย”

เหล่าชายฉกรรจ์ที่บุกเข้ามาราวพยัคฆ์ร้าย ยามนี้กลับคล้ายสุนัข หลุบหางหลบหนีออกไป

บ๊วยยี่ซิงแซค่อยคืบคลานลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า เบิ่งตามองลี้ชิ้มฮัว

 

ท่านทราบหรือไม่ว่าตัวเองจะมีชีวิตอีกนานเท่าใด เมื่อทราบไม่ยืนยาว ยังมิรีบไปจัดเตรียมเรื่องหลัง ยังจะมาดื่มสุรา เป็นตายเรื่องเล็กน้อย ดื่มสุราเรื่องใหญ่ คำพูดของท่านนี้เป็นที่ถูกใจเรานัก

ท่านคงทราบว่าเราเป็นใครแล้ว ท่านไม่รู้จักเราจริงๆ เช่นนี้เป็นว่าท่านช่วยเหลือเรา มิใช่ต้องการให้เรารักษาโรคให้แก่ท่าน

โชคดี โชคดีนัก ท่านพบพานเรานับเป็นความโชคดีจริงๆ โรคของผู้อื่นเราไม่รักษา โรคของท่านเรามิอาจไม่รักษา หากท่านไม่ต้องการให้เรารักษาโรคนอกจากฆ่าเราก่อน โรคของเขานี้นอกจากบ๊วยยี่ซิงแซแล้ว ทั่วทั้งแผ่นดินไม่ว่าผู้ใดก็รักษาไม่ได้ เราไม่ทราบผู้ใดจะทราบ ท่านเข้าใจว่า “ฮวยเล่าลัก” (อันดับหกแซ่ฮวย) สามารถผสมฮั่วโกยซั่ว (ผงไก่หนาวสะท้าน) ได้จริงๆ

นอกจากผงไก่หนาวสะท้านของตระกูลบ๊วยแล้ว ทั่วทั้งแผ่นดินยังมีพิษใดทำร้ายลี้ชิ้มฮัวได้

 

เหมือนกับไม่เสาะหากลับได้พบ เหมือนกับไม่ต้องการคนที่ปรารถนาก็เดินมาเข้าทางของลี้คิมฮวงและชายเครารกครึ้ม

เป็นเช่นนั้นจริง

กระนั้น แท้จริงแล้วหนทางอันถือได้ว่าเป็น “โชคดี” สำหรับลี้คิมฮวงนั้นจะเป็นโชคอย่างแท้จริง

หรือว่านำมาซึ่ง “วิกฤต” ระลอกใหม่