อุบัติเหตุจริง หรือฆาตกรรม? ‘คดี แตงโม’ ยืดเยื้อ-คาใจกว่า 2 เดือน บทสรุป ‘ความจริง’ ที่สังคมตั้งตารอ/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

อุบัติเหตุจริง หรือฆาตกรรม?

‘คดี แตงโม’ ยืดเยื้อ-คาใจกว่า 2 เดือน

บทสรุป ‘ความจริง’ ที่สังคมตั้งตารอ

 

ล่วงเลยมากว่า 2 เดือนแล้ว แต่ก็ยังหาบทสรุปจุดจบของเรื่องนี้ไม่ได้

สำหรับกรณีการเสียชีวิตของนักแสดงสาว “แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์” จากการพลัดตกเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยาในคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนจะพบร่างของนักแสดงสาวในช่วงบ่ายวันที่ 26 กุมภาพันธ์ บริเวณใกล้กับจุดที่พลัดตก ห่างจากท่าเรือพิบูลสงครามไปเพียง 300 เมตร

การจากไปของแตงโมไม่เพียงนำมาซึ่งความเสียใจให้ครอบครัว แฟนคลับและกลุ่มเพื่อน

แต่ยังเกิดข้อสงสัยในสังคมหมู่มากที่ติดตามเรื่องนี้ โดยเฉพาะประเด็นกลุ่มเพื่อนทั้ง 5 คนที่อยู่บนเรือ หลังเกิดเหตุกลับแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน ไม่ได้ให้ความสนใจเพื่อนที่จมดิ่งหายไปในแม่น้ำ อย่างที่สามัญสำนึกมนุษย์คนหนึ่งพึงกระทำ

รวมถึงประเด็นต้นเหตุที่ถูกยกขึ้นมาเป็นคำให้การ ว่าแตงโมเดินไปปัสสาวะบริเวณท้ายเรือ ก่อนพลัดตกลงไปในน้ำจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด

หรือแม้แต่การหลีกเลี่ยงเข้าให้ปากคำ การตรวจปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดในวันเกิดเหตุอย่างที่ควรจะเป็นไปตามขั้นตอน

เรื่อยมาจนถึงคำให้การจากปากของ “กระติก อิจศรินทร์” เพื่อนสนิทและผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม ที่บอกไม่อยากทุบหม้อข้าวตัวเอง เพราะเมื่อไม่มีแตงโมก็จะไม่มีงาน

“แซน วิศาพัช” กับการตอบคำถามสื่อเรื่องสวมชุดบอดี้สูทฉี่ท้ายเรือ

และการขอบวชของ “ไฮโซปอ” และ “โรเบิร์ต” ที่ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าอาวาสวัดท่าไม้ จนถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักไปนั้น

 

การเสียชีวิตของแตงโมสร้างความคาใจให้กับคนในสังคม โดยเฉพาะในโลกโซเชียล ต่างช่วยกันวิเคราะห์ พร้อมทวงถามความยุติธรรมให้ดาราสาว ผ่านแฮชแท็ก #แตงโมต้องไม่ตายฟรี, #แตงโมต้องได้รับความยุติธรรม และ #ทวงคืนความยุติธรรมให้แตงโม จนขึ้นเทรนด์ความนิยมอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์อย่างต่อเนื่องในทุกๆ วัน นับตั้งแต่ดาราสาวจากไป รวมถึงยึดพื้นที่สื่อนานร่วมเดือน

โดยกระแสสังคมไม่ได้มองแค่ว่าผู้เสียชีวิตเป็นดารา มีชื่อเสียง

แต่ด้วยองค์ประกอบหลายเรื่อง การตายที่มีแต่ข้อกังขาสร้างแต่ความน่าสงสัย จนเกิดการตั้งคำถามว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุจริงตามคำบอกเล่าของคนบนเรือ หรือจะเป็นการฆาตกรรมกันแน่?

แถมเรื่องนี้มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นมี “นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์” หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่เข้ามาช่วยหาหลักฐานในช่วงแรกจนเกิด ดราม่า ก่อนจะประกาศวางมือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องนำคนทำผิดมาลงโทษ

หรือแม้แต่ “นายสิระ เจนจาคะ” ที่เข้ามาช่วยทางฝั่งของ “กระติก” ซึ่งก็ถูกสังคมมองว่าใช้เรื่องของแตงโมเข้ามาแก้แค้นคู่ปรับเก่าอย่างนายมงคลกิตติ์

เมื่อมีหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แถมยังกลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจมากขึ้นทุกวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้จึงต้องทำงานอย่างระมัดระวังและตรงไปตรงมาที่สุด เพื่อไขข้อสงสัยให้สังคม

แต่ก็ไม่วาย “โป๊ะแตก” ถูกสังคมจับได้ว่านำภาพรอยแผลถูกใบพัดบาดขาของต่างประเทศมาใช้ในการแถลงข่าว จนถูกวิจารณ์ยกใหญ่อีกครั้ง

ก่อนที่ทางตำรวจภูธรภาค 1 นำโดย “พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร” ผบช.ภ.1 จะออกมาชี้แจงยอมรับว่านำภาพของต่างประเทศมาใช้จริง เจตนาเพื่อเปรียบเทียบบาดแผล เนื่องจากไม่สามารถนำภาพจริงมาใช้ได้ และเรื่องนี้ไม่กระทบกับรูปคดีแต่อย่างใด

ยิ่งทำให้สังคมหมดความเชื่อมั่นและเสื่อมศรัทธาต่อการทำงานของตำรวจไทยมากยิ่งขึ้น

“นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เป็นอีกหนึ่งคนที่ติดตามเรื่องนี้และพยายามจะคลี่คลายความจริง ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของแตงโมว่าไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่ตำรวจสรุป

โดยการแถลงข่าวครั้งล่าสุดของนายอัจฉริยะระบุว่ามีตำรวจยอมรับผิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสำนวนคดีนั้นไม่เป็นความจริง การจำลองบาดแผลที่ขาของแตงโมไม่สามารถเข้าได้กับใบพัดเรือ มีการสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาทั้งหมด

โดยอ้างว่าขณะนี้ “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทราบพฤติกรรมของลูกน้องแล้ว ให้สังคมช่วยจับตา พร้อมยืนยันว่ามีตำรวจระดับนายพลเข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนี้ด้วย

นายอัจฉริยะได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน GPS, แสง และโปรแกรมเมอร์ รวมถึง “นายตี๋” ซึ่งระบุว่าเป็นเพื่อนของไฮโซปอในคลิปเสียงสนทนา มาเปิดหน้ายืนยันประเด็นปัสสาวะท้ายเรือเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา มีการวางแผนโดยบิ๊กตำรวจ พร้อมเปิดหลักฐานต่างๆ ให้สื่อมวลชนดู

ครั้งนี้นายอัจฉริยะตอบอย่างมั่นใจว่าการเสียชีวิตของแตงโมไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ แต่เกิดจากการฆาตกรรม ซึ่งพบความบกพร่องหลายอย่าง

และอ้างว่ามีนายพลอักษรย่อ ว. เป็นคนสั่งการทั้งหมด

 

ขณะที่ “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” ในฐานะทนายความของ “นางพนิดา ศิระยุทธโยธิน” แม่ของแตงโม ได้เผยถึงประเด็นที่นายอัจฉริยะเปิดข้อมูลหลักฐานล่าสุด โดยระบุว่าข้อมูลส่วนใหญ่ที่ออกมานั้นเป็นการไปเอามาจากรายการต่างๆ เป็นหลักฐานที่เคยเปิดมาแล้วไม่ใช่หลักฐานใหม่

ส่วนคลิปที่กล่าวอ้างว่าเป็นภาพที่เอามาจากแพทย์นิติเวช ทนายเดชากล่าวว่าไม่รู้ว่าเอามาได้อย่างไร เพราะเป็นความลับทางราชการ

พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการนำคลิปนิติเวชออกมาแถลง ไม่รู้คลิปจริงหรือเท็จ ดังนั้น นายอัจฉริยะต้องหาพยานหลักฐานพิสูจน์ และแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลในคลิป เพราะทนายเดชาและคุณแม่คงไม่ดำเนินการอะไร เนื่องจากไม่รู้ที่มาที่ไป รวมถึงการนำภาพร่างของแตงโมออกมาเผยแพร่ ไม่เคยได้รับการติดต่อขออนุญาต ตรงนี้อาจจะถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทศพด้วย

นอกจากนี้ ทนายเดชายังยืนยันว่าหลักฐานที่นายอัจฉริยะนำมาเปิดเผย เป็นพยานหลักฐานนอกสำนวน ไม่มีผลต่อรูปคดี ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นพนักงานอัยการที่เพิ่งจะสั่งสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่สังคมยังคงสงสัย

 

ด้าน “นางพนิดา ศิระยุทธโยธิน” แม่ของแตงโม ที่ก่อนหน้านี้เคยเกิดดราม่าเรื่องการเรียกร้องค่าเยียวยาจาก 2 ผู้ต้องหา รวมถึงพฤติกรรมที่ดูไม่รักษาผลประโยชน์ของลูกสาวอย่างที่ควรจะเป็นในฐานะคนเป็นแม่ จนโดนกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ก็ได้พูดถึงการที่นายอัจฉริยะออกมาแฉเรื่องนี้ ยอมรับยังไม่ได้ดูแถลงข่าว

และยังไม่ทราบข้อเท็จจริงเรื่องการนำศพแตงโมมาสร้างหลักฐานเท็จ

เพราะไม่รู้ว่านำศพออกมาจำลองกับใบพัดเรือจริงหรือไม่ มองไม่ออกว่าเป็นภาพแตงโมจริงหรือเปล่า

ซึ่งการจะนำศพแตงโมออกไปทำอะไรนั้น ต้องขออนุญาตก่อนเพราะศพแตงโมถือเป็นทรัพย์ของตน

ส่วนเรื่องบาดแผลที่ทางตำรวจแถลงไปก่อนหน้าได้ดูก่อนแล้วและดูอย่างละเอียด สิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำให้ดูมันเข้ากันได้มากๆ กับข้อสรุปที่ออกมา

กรณีที่นายอัจฉริยะออกมายืนยันว่าเป็นการฆาตกรรมนั้น จะพูดเล่นๆ ไม่ได้ ต้องดูหลักฐาน ทราบว่าคดีนี้เป็นอุบัติเหตุ ถ้าเป็นฆาตกรรมจริงคงไม่ยอม ต้องเอาฆาตกรเข้าคุกให้ได้ แต่พอใจแล้วกับการแถลงสรุปสำนวนของตำรวจ

แม่ของแตงโมยังบอกอีกว่าเริ่มรำคาญนายอัจฉริยะที่ขุดโน่นขุดนี่มาพูด โดยไม่มีหลักฐานที่แท้จริง ยืนยันจะไม่ผ่าพิสูจน์ศพอีกแล้ว และ 24 พฤษภาคมนี้ มีกำหนดจะฌาปนกิจร่างของแตงโม

 

ล่าสุดมีรายงานข่าวพบ “Alprazolam” หรือ “ยาเสียสาว” ในผลการตรวจเลือดของไฮโซปอ ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่ากินยานี้แก้เครียดหลังเกิดเหตุ

โดยทางตำรวจชี้แจงว่าได้สอบปากคำประเด็นนี้ไว้ในสำนวนที่ส่งให้อัยการไปแล้ว

คดีที่ยืดเยื้อมานานดูท่าจะยืดเยื้อต่อไป ส่วนหนึ่งต้องรอผลสอบสวน 20 ประเด็นที่ทางอัยการสั่งสอบเพิ่ม ซึ่งสังคมเองก็เฝ้ารอผลสรุปตรงนี้ว่าจะออกมารูปแบบใด

บทสรุปการเสียชีวิตของแตงโม ท้ายที่สุดจะลงเอยว่าเป็นอุบัติเหตุหรือการฆาตกรรม ยังเป็นสิ่งที่สังคมจับตารอดูความจริง ที่ผ่านมาแม้ชื่อของแตงโมที่ปรากฏตามหน้าสื่อจะไปในด้านลบมากกว่าฝีมือและผลงาน

แต่หลายคนก็หวังว่าเธอจะได้รับความยุติธรรมจากเรื่องนี้ แม้จะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วก็ตาม