ทายาท ‘มาร์กอส-ดูแตร์เต’ ผงาดครองทำเนียบ ปธน.ตากาล็อก/บทความต่างประเทศ

A screen showing partial election results of the Presidential candidate Ferdinand "Bongbong" Marcos Jr., the son and namesake of the late Philippine dictator, and Vice-presidential candidate Sara Duterte-Carpio, daughter of Philippine President Rodrigo Duterte, as staff members work on the computers at the command center of the election watchdog Parish Pastoral Council for Responsible Voting (PPCRV) in Manila, Philippines, May 11, 2022. REUTERS/Willy Kurniawan

บทความต่างประเทศ

 

ทายาท ‘มาร์กอส-ดูแตร์เต’

ผงาดครองทำเนียบ ปธน.ตากาล็อก

 

การนับคะแนนเสียงการเลือกตั้งของฟิลิปปินส์ที่เกือบแล้วเสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์

ผลเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการชี้ขาดว่า เฟอร์ดินานด์ บองบอง มาร์กอส จูเนียร์ วัย 64 ปี บุตรชายของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ผู้นำเผด็จการฟิลิปปินส์ ตั้งท่ากวาดชัยชนะไปอย่างถล่มทลาย

ด้วยการมีคะแนนเสียงสนับสนุนนำมากกว่า 56 เปอร์เซ็นต์ ที่กว่า 31 ล้านเสียง

ทิ้งห่างนางเลนี โรเบรโด รองประธานาธิบดีซึ่งเป็นคู่แข่งที่มีภาษีใกล้เคียงที่สุดในบรรดาผู้ลงสมัครด้วยกันถึงสองเท่า ในสนามแข่งขันที่ถือเป็นการรีแมตช์กันระหว่างมาร์กอส จูเนียร์ กับโรเบรโด ในศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีครั้งนี้

หลังจากที่ทั้งสองเคยต่อสู้กันมาแล้วในสนามชิงเก้าอี้รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เมื่อ 6 ปีก่อน ที่มาร์กอส จูเนียร์ เป็นฝ่ายปราชัยให้กับโรเบรโด

แต่มาคราวนี้มาร์กอส จูเนียร์ กำลังสร้างประวัติศาสตร์ของการเป็นผู้สมัครที่ชนะด้วยเสียงข้างมากเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีแดนตากาล็อก

และจะเป็นการหวนคืนสู่อำนาจปกครองของตระกูลการเมืองตระกูลนี้ที่โด่งดังด้วยประวัติอันฉาวโฉ่จากการถูกกล่าวหาว่าทุจริตปล้นชาติเป็นมูลค่ามากถึงหมื่นล้านดอลลาร์ในยุคมาร์กอสผู้พ่อ

ก่อนที่อดีตผู้นำเผด็จการมาร์กอสจะถูกพลังมวลชนปฏิวัติโค่นล้มลงจากอำนาจในปี 1986 จนครอบครัวมาร์กอสต้องลี้ภัยออกนอกประเทศไป

 

ชัยชนะของมาร์กอส จูเนียร์ ครั้งนี้ส่วนหนึ่งถูกมองว่าเป็นผลมาจากการรณรงค์ให้ข้อมูลที่บิดเบือนและการเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่ที่เป็นการฟอกขาวให้ครอบครัวตัวเองพ้นจากข้อกล่าวหาของการเป็นผู้ปกครองที่โหดร้ายและคอร์รัปชั่นในอดีต

โดยใช้โซเซียลมีเดียเป็นเครื่องมือ จนทำให้ชาวฟิลิปปินส์ที่หลงลืมบาดแผลที่เคยได้รับมา

ยอมวางเดิมพันกับทายาทตระกูลมาร์กอสที่คุ้นเคยนี้ด้วยหวังว่าอาจจะนำความรุ่งโรจน์ในอดีตกลับมาสู่ชาวฟิลิปปินส์ได้

โดยไม่สนเสียงเตือนว่าการหวนคืนสู่อำนาจของตระกูลมาร์กอส อาจจะยิ่งทำให้ปัญหาทุจริตหยั่งรากลึกและทำให้ประชาธิปไตยในประเทศอ่อนแอลงได้

 

ขณะที่ในสังเวียนชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นการสู้ศึกแยกกัน ซารา ดูแตร์เต-คาร์ปิโอ วัย 43 ปี ลูกสาวคนโตที่จะเป็นตัวตายตัวแทนทางการเมืองของประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งในเร็ววันนี้ และได้ประกาศจับมือเป็นคู่หูของมาร์กอส จูเนียร์ ในศึกชิงทำเนียบมาลากันครั้งนี้ตั้งแต่ปลายปีก่อนนั้น ยังมีคะแนนนำลิ่วผู้สมัครคู่แข่งที่ใกล้เคียงมากที่สุดถึงกว่า 3 เท่าอีกด้วย

การคว้าชัยชนะของซารา ดูแตร์เต ยังเป็นสิ่งแสดงให้เห็นว่าความนิยมของดูแตร์เตผู้พ่อ ยังคงมีอยู่สูง แม้เขาจะถูกประณามจากประชาคมโลกในการทำสงครามกวาดล้างยาเสพติดอย่างรุนแรง ที่ทำให้ผู้ต้องสงสัยพัวพันกับยาเสพติดถูกฆ่าตัดตอนไปเป็นจำนวนมาก จนทำให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ต้องเปิดการสอบสวนในเรื่องนี้ตามคำร้องที่ได้รับมา

แต่การดำเนินนโยบายในหลายเรื่องตามสไตล์ดูแตร์เตกลับโดนใจชาวฟิลิปปินส์ที่ส่วนใหญ่เบื่อหน่ายกับระบบราชการ การทุจริต และความผิดปกติที่กระทบต่อชีวิตประจำวันของตนเ นั่นทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนดูแตร์เตมองว่า ซารา ดูแตร์เต จะเป็นมือที่รับช่วงต่อมรดกทางการเมืองของดูแตร์เตผู้พ่อได้

ความสำเร็จของซารา ดูแตร์เต ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะยังเป็นหลักประกันว่าตระกูลดูแตร์เตจะยังคงมีบทบาท อิทธิพลทางการเมืองในฟิลิปปินส์ต่อไปอีก 6 ปี

และทำให้ครอบครัวดูแตร์เตติดอยู่ในบัญชีตระกูลนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลในแดนตากาล็อกต่อไป

 

การจับมือกันเดินเข้าไปบริหารอำนาจปกครองในทำเนียบประธานาธิบดีของมาร์กอส จูเนียร์ และซารา ดูแตร์เต ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับคนหลายกลุ่มไม่น้อย

โดยเฉพาะคนฟิลิปปินส์ที่ยังไม่ลืมอดีตอันเจ็บปวดจากยุคปกครองที่กดขี่และเต็มไปด้วยการทุจริตโกงกินบ้านเมืองสมัยมาร์กอสผู้พ่อ

หรือการต้องสูญเสียคนในครอบครัวไปด้วยน้ำมือของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งได้รับอำนาจอย่างเต็มที่จากรัฐบาลดูแตร์เตในการปราบปรามยาเสพติด

ฟลอเรนซิโอ อาบัด หนึ่งในผู้ประท้วงชาวฟิลิปปินส์หลายล้านคนที่ออกมาแสดงพลังขับไล่มาร์กอสผู้พ่อในตอนนั้นบอกว่า “เราพูดกันในปี 1986 ว่า จะไม่มีอีกแล้ว” ซึ่งเขาหมายถึงผู้นำที่กดขี่ขี้ฉ้ออย่างมาร์กอส

แต่ตอนนี้เขาได้แต่ตั้งคำถามว่าตระกูลมาร์กอสกลับสู่อำนาจได้อย่างไร?!