ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 พฤษภาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ
มงคล วัชรางค์กุล
อเมริกันชนจะตายไม่ได้
ถ้ายังไม่ได้กิน Lobster Roll
ที่ร้าน Red’s Eats
เช้าวันหนึ่งในรัฐเมน สหรัฐอเมริกา ฝนพรำตั้งแต่เช้ามืด ที่จริงได้ยินเสียงฝนตั้งแต่เมื่อคืน พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้จะมีฝนตกทั้งวันในรัฐเมน
ถือว่าโชคดีที่ฝนมาตกวันนี้ ไม่ตกเมื่อวานที่เราท่องไปทั่วอ่าวทำให้หมดสนุก
กินอาหารเช้ากับภาพวิวสายฝนชุ่มอ่าว แล้วเราเช็กเอาต์จาก Boothbay Harbor Inn สู่ที่หมายที่พลาดไม่ได้ในรัฐเมน
“โกหว่า” คุณพ่อน้อง “จิ๊บ” เจ้าของร้าน Best Thai เป็นคนแนะนำว่า
เมื่อมาถึงรัฐเมน โดยเฉพาะเมืองแถบนี้ ต้องไม่พลาดไปกิน Lobster Roll ที่ร้าน Red’s Eats ที่อร่อยจนมีคำกล่าวว่า
“อเมริกันชนจะตายไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้กิน Lobster Roll ที่ร้าน Red’s Eats”
อะไรจะ (อร่อย) ถึงปานนั้น
ผมเป็นมือขับจากโรงแรมในช่วงแรก กูเกิลแม็ปพาไปบนทางหลวงสาย 1 สู่ร้าน Red’s Eat ระยะทาง 11 ไมล์ครึ่ง บอกว่าใช้เวลา 12 นาที แต่ในสายฝนกระหน่ำต้องเปิดที่ปัดน้ำฝนระดับสาม ผมใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงสู่ที่หมาย
เก็บเกี่ยวความงามของใบไม้แต่งตัวในสายฝนไปตลอดทาง ให้มุมมองที่สวยงามไปอีกแบบ
ทางหลวงสายหนึ่งพาผ่านสะพานข้ามแม่น้ำ Sheepscot River เข้าสู่เมือง Wiscasset ข้ามทางรถไฟที่ขนานกับแม่น้ำ มีถนนตัดเลียบทางรถไฟอีกที พอผ่านหัวมุมถนนนี้ก็จะเป็นร้าน Red’s Eats ที่วางคล่อมระหว่างถนนเลียบทางรถไฟกับถนนแยกเชื่อมกับทางหลวงสาย 1 ด้านหลังร้านจะเป็นมุมให้ลูกค้านั่งชิลกินอาหารชมวิวแม่น้ำ ส่วนหน้าร้านเป็นที่ให้ลูกค้า To Go หรือ Take Away
ผมเลี้ยวขวาผ่านหน้าร้าน Red’s Eats ไปจอดเลยหน้าร้านไปหน่อย ตรงนี้เป็นถนนแยกสายเล็ก
ผมมาถึงร้าน Red’s Eats ตอน 10 โมงครึ่ง มีคนยืนกางร่มและใส่เสื้อฝนต่อคิวรอหน้าร้านเกือบ 20 คน
หลานสาวลงไปรับบัตรคิวได้หมายเลข 81 ร้านนี้เปิดร้านให้บัตรคิวตอน 10 โมงเช้า นี่ขนาดมาถึงหลังร้านเปิดแค่ครี่งชั่วโมงยังเป็นคิวที่ 81
ต้องยืนกางร่มกันฝนในลมหนาวยะเยือกระดับ 0 ํC นานเกือบครึ่งชั่วโมงจึงได้ Lobster Roll 3 อัน แพ็กด้วยกระดาษฟรอยใส่กล่องพลาสติก 3 กล่อง แต่ละกล่องมีน้ำจิ้มใส่ถ้วยเล็กๆ มาให้เสร็จสรรพ 2 ถ้วย
สนนราคากล่องละ $ 25 หรือ 750 บาทเอง กับความอร่อยเหาะระดับอเมริกันชนจะตายไม่ได้ถ้ายังไม่ได้กิน Lobster Roll ที่ร้านนี้
ในฤดูร้อนหน้าท่องเที่ยว คิวรอ Lobster Roll หน้าร้าน Red’s Eats จะทอดยาวเหยียดคดเคี้ยวไปตามฟุตปาธหน้าร้าน
เป็นที่แน่นอนว่า แต่ละคนจะต้องใช้เวลารอคอยนานเกินกว่าหนึ่งชั่วโมง
โกหว่าเล่าว่า แต่ละหน้าร้อน ร้าน Red’s Eats ทำเงินเกินกว่าหนึ่งล้านเหรียญ
แต่ไม่มีใครรู้ว่าทำเงินได้เท่าไหร่ เพราะร้านนี้รับแต่เงินสด ไม่รับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต จึงตรวจสอบไม่ได้
ผมเคยเจอร้านเป็ดและร้านขนมอบแห้งในไชน่าทาว์น นิวยอร์ก ที่รับแต่เงินสด ไม่รับบัตรเครดิตเหมือนกัน
ร้านพวกนี้จะหยิ่งมาก ไม่สนใจ ถ้าไม่จ่ายเงินสดก็ไม่ต้องมากิน
พลิกปูมประวัติของร้าน Red’s Eats ร้านนี้ตั้งเมื่อปี 1938 โดยคนก่อกำเนิดชื่อ Allen “Red” Gagnon “Red” เป็นฉายาของเขาที่ได้มาจากสีผมที่แดงเหมือนขิงแก่ แรกเริ่มเดิมทีร้านตั้งอยู่ที่เมือง Boothbay แล้วย้ายมาที่เมือง Wiscasset ตรงจุดตัดระหว่างถนน Water Street กับ Main Street ในปี 1954 และเป็นที่ตั้งร้านจนถึงปัจจุบัน
Allen เสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ตอนนี้เป็นลูกหลานของเขาที่ดำเนินกิจการต่อมา
ทุกวันนี้มีร้าน Lobster Roll สิบกว่าร้านในรัฐเมน การจะกล่าวว่า Red’s Eats คือร้าน Lobster Roll ที่ดีที่สุดในรัฐเมน เป็นคำกล่าวที่ยังไม่ถูกต้องเสียทีเดียว
เพราะที่จริงจะต้องกล่าวว่า Red’s Eats คือร้าน Lobster Roll ที่ยอดเยี่ยมที่สุดใน New England จึงจะถูกต้องกว่า
นั่นคือหมายรวมว่า Red’s Eats คือร้าน Lobster Roll ที่ยอดเยี่ยมที่สุดใน 6 รัฐแห่งภาคตะวันออกของอเมริกา
เครดิตของร้าน Red’s Eats คือ ภาพคนยืนต่อคิวยาวเหยียดหน้าร้านกลายเป็นสัญลักษณ์ของรัฐเมน
ร้านจะเปิดให้บริการตั้งแต่กลางเดือนเมษายนไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม พอฤดูหนาวมาเยือนก็หยุดค้าขาย
ร้านมีเมนูอื่นของล็อบสเตอร์ให้สั่งด้วย แต่ทุกคนที่มาที่ Red’s Eats ล้วนสั่งแต่ Lobster Roll แทบทั้งนั้น
เพราะ Lobster Roll คืออาหารพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัฐเมน ใครมารัฐนี้ต้องลิ้มลอง Lobster Roll ทั้งนั้น
เราตกลงกันว่า จะกิน Lobster Roll เป็นมื้อกลางวัน
ผมทำหน้าที่โชเฟอร์ต่อ วิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 1 สู่รัฐ New Hampshire ฝนยังลงหนาเม็ดอยู่ตลอดทาง นี่คืออากาศช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง อากาศภายนอกหนาวแน่นอน เพราะอุณหภูมิที่โชว์คือ 32 ํF หรือ 0 ํC
แต่ภายในรถเปิดฮีตเตอร์อบอุ่น
ขับมาเกือบสองชั่วโมง เนวิเกเตอร์บนมือถือบอกว่าเข้าเขต New Hampshire แล้ว พลันท้องฟ้าก็เริ่มเปิด แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่อง สายฝนของรัฐเมนมิอาจตามมาบดบังได้
แล้วไม่นานท้องฟ้าก็กระจ่าง แสงแดดเปรี้ยง บรรยากาศรอบข้างสว่างสดใส ใบไม้แต่งตัวต้อนรับเราทุกหนแห่งที่จรผ่านมา
บ่ายโมงครึ่งแล้ว ท้องเริ่มหิว เราเลี้ยวรถสู่ทางแยกเข้าเมืองไหนสักแห่ง เพื่อหมายตาสวนสาธารณะเป็นที่แวะจอดรถ กินมื้อกลางวัน
วนรถเข้าเมือง ผ่านแยกไฟแดงหลายแห่งก็ยังไม่เจอสวนที่หมายตา จนถึงโรงละครเร่ที่กางเต็นท์ขนาดใหญ่ จึงเลี้ยวรถเข้าอาศัยร่มเงาบังแดดด้านหน้าโรงละคร
แล้วนาทีที่รอคอยก็มาถึง เราแจก Lobster Roll กินมื้อกลางวันกันในรถ
แกะห่อฟรอยด์ออกมา ข้างในจะเป็นขนมปังประกบแบบที่ใช้ยัดไส้ฮ็อตดอก แต่ไส้ที่ยัดอยู่ข้างในคือเนื้อล็อบสเตอร์นึ่งอบเนย เป็นล็อบสเตอร์ตัวเล็กแกะออกมาอย่างสวยงามทั้งตัว บางชิ้นที่ตัวใหญ่หน่อยก็จะแบ่งมาครึ่งตัว เนื้อล็อบสเตอร์อัดแน่นเต็มปริ่มล้นก้อนขนมปัง
มีน้ำจิ้มมาสองถ้วยพลาสติกเล็กๆ ถ้วยหนึ่งเป็นพวกครีมเนย อีกถ้วยเป็นเมเนตที่คนไทยเรียกว่า มายองเนซ
กัดกิน Lobster Roll แกล้มน้ำจิ้มด้วยความอร่อยเหาะ มีความรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ชั้นที่ 7
นี่คืออีกหนึ่งความระลึกถึงรัฐเมนที่ชวนให้ฝันถึงทุกเมื่อ
ขับรถเข้าปั๊มเพื่อเติมน้ำมัน เข้าห้องน้ำ ได้วิวสวยของใบไม้ฝั่งตรงข้ามมาฝาก คนข้างกายเปลี่ยนเป็นโชเฟอร์ในช่วงนี้ เธอขับเข้ารัฐแมสซาชูเซตส์ เฉียดเมืองบอสตันแล้วเข้าสู่รัฐคอนเนตทิคัต กูเกิลแม็ปพาไปสู่ถนนสายใหม่ คนละเส้นกับขามา ถนนสายนี้กว้างใหญ่กว่า ตัดลัดเลาะไปบนเนินเขาสูงต่ำที่มีบ้านหลังใหญ่สีขาวหลายหลังเหมือนบ้านตากอากาศอยู่บนไหล่เขาที่ปกคลุมแวดล้อมด้วยใบไม้แต่งตัวเป็นระยะห่างๆ ให้สีเจิดจ้าในตะวันแรงยามบ่าย งดงามสุดจะพรรณนา
เย็นย่ำแล้ว ตะวันกำลังชิงพลบ ในแสงสลัวของยามโพล้เพล้ หลานสาวมาเป็นโชเฟ่อร์ในสามชั่วโมงสุดท้ายที่ชายแดนเชื่อมรัฐนิวยอร์ก เธอพาพวกเราผ่านการจราจรที่แน่นขนัดของนิวยอร์กยามย่ำค่ำกลับบ้านในเพนซิลเวเนียโดยสวัสดิภาพ
ส่งหลานสาวให้คนมารับที่ศูนย์การค้าข้างเมือง Allen Town แล้วผมนั่งหลังพวงมาลัยในชั่วโมงสุดท้าย พิชิตไมล์สุดท้ายสู่บ้านเรดดิ้งในราตรีที่มืดสนิท
ทริปยลโลกสวยเมื่อใบไม้แต่งตัวคือความทรงจำที่งดงาม รอคอยที่จะพบกันอีกในปีหน้า