ตร.ออกแรงลุ้น! ไทยขึ้น ‘เทียร์ 2’ เปิดยุทธการปราบ ‘เรือมนุษย์’ บังคับติดยาใช้แรงงานทาส/บทความโล่เงิน

บทความโล่เงิน

 

ตร.ออกแรงลุ้น! ไทยขึ้น ‘เทียร์ 2’

เปิดยุทธการปราบ ‘เรือมนุษย์’

บังคับติดยาใช้แรงงานทาส

 

สถานการณ์ค้ามนุษย์ของไทยอยู่ในระดับ “เทียร์ 2 วอตช์ลิสต์” ถือว่าน่ากังวล

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรสำคัญที่จะทำให้ประเทศได้เลื่อนระดับดีขึ้นหรือไม่

การเปิดยุทธการ “เรือมนุษย์” สนธิกำลังจากตำรวจสังกัด บช.ก. 150 นาย ตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 6 จุด ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ จ.นนทบุรี และ จ.จันทบุรี เพื่อกวาดล้างจับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์บังคับใช้แรงงานบนเรือประมงตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 5 พฤษภาคม

เป็นอีกสถานการณ์หนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐบาลไทยมีความจริงจังปราบปรามเครือข่ายผู้กระทำความผิดเพื่อขจัดการค้ามนุษย์หมดไป

สําหรับปฏิบัติการในครั้งนี้ ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการ CCOC หรือ Command And Control Operations Center เพื่อคอยประสานงานควบคุม สั่งการจากส่วนกลาง แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ตามจุดตรวจค้นแบบเรียลไทม์ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

มีคีย์แมนประจำการ ประกอบด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศพดส.ตร.), พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศพดส.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ปคม. และ พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ ผบก.รน.

สำหรับการตรวจค้นจุดที่ 1 จ.จันทบุรี เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งที่ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี และจับกุม เสี่ย ส.(นามสมมุติ) อายุ 56 ปี ตามหมายจับ ในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือให้บริการหรือการอื่นใดที่คล้ายคลึงกันอันเป็นการขูดรีดบุคคลไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม สำหรับเสี่ย ส.เป็นญาติของนักการเมืองคนหนึ่งใน จ.จันทบุรี

จุดที่ 2 ที่ จ.สมุทรปราการ ตำรวจนำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นท่าเทียบเรือแห่งหนึ่งภายในซอย 8 (หลวงสุข) ถนนท้ายบ้าน ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

จุดที่ 3 เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง หมู่บ้านพนาสนธิ์ซิตี้ ถนนศรีนครินทร์ ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

จุดที่ 4 ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

จุดที่ 5 ที่บ้านหลังหนึ่ง ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อค้นหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีค้ามนุษย์บนเรือประมง

จุดสุดท้าย ที่ จ.นนทบุรี ตำรวจนำหมายค้นของศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ภายในหมู่บ้านนันทิชา 3 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี และจับกุมตัว น.ส.เพ็ญศิริ (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ตามหมายจับศาล ในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ จากการบังคับใช้แรงงานหรือให้บริการหรือการอื่นใดที่คล้ายคลึงกันอันเป็นการขูดรีดบุคคลไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และได้กระทำผิดตามที่ตกลงกันไว้

 

สิ้นสุดปฏิบัติการ ปรากฏว่า จับกุมผู้กระทำผิดได้ 7 คน แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้าคอยจัดหาเหยื่อแรงงาน จำนวน 5 คน ไต้ก๋งเรือ 1 คน และเจ้าของเรือ 1 คน เหลือผู้ต้องหาที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนีเป็นไต้ก๋งเรืออีก 3 ราย กำลังติดตามตัว ยังพบด้วยว่า 1 ใน 5 นายหน้าเคยถูกจับกุมดำเนินคดีติดคุกมาแล้ว แต่พอพ้นโทษมากลับมาทำงานเดิมอีก นอกจากนี้ เจ้าของเรือเคยโดนตำรวจดำเนินคดีมาแล้วแต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง

จากการตรวจสอบยังพบว่า การที่กลุ่มผู้ต้องหาล่องเรือไปทำประมงยังน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้านนั้น เป็นการแอบลักลอบเดินทางออกนอกราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย

อีกทั้งเจ้าของเรือประมงและไต้ก๋งเรือลำเกิดเหตุ ไม่ได้จัดทำเอกสารคนประจำเรือ, เอกสารการเดินทางเข้า-ออกของเรือประมงลำเกิดเหตุ รวมถึงไม่ได้มีการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นการกระทำที่ส่อเจตนาปกปิดข้อมูลของลูกเรือและเรือลำที่ใช้

โดยหลังจากนี้จะดำเนินการตรวจสอบขยายผลเอาผิดผู้ร่วมขบวนการรายอื่นต่อไป

 

สําหรับยุทธการ “เรือมนุษย์” สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.จิรภพได้ตั้งชุดทำงานแกะรอย หลังจากเดือนกันยายนปีที่แล้ว มาเลเซียได้ส่งแรงงานไทยกลับ 44 คน จากการตรวจสอบ พบในจำนวนนี้มี 3 รายถูกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์แรงงานประมง จึงตั้งคณะทำงานขยายผล ประกอบด้วย กองปราบปราม, ปคม. และตำรวจน้ำ สืบสวนในเชิงลึก จนพบว่ามีการทำกันเป็นกลุ่มขบวนการ

เริ่มตั้งแต่กลุ่มนายหน้าจัดหาเหยื่อที่ส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัดเข้ามากรุงเทพฯ หางานทำตามสถานีรถไฟหัวลำโพง สถานีขนส่งหมอชิต แล้วเข้าไปหลอกลวงว่าจะพาไปหางานทำบนเรือประมง รายได้ดี เมื่อเหยื่อหลงเชื่อติดตามกลุ่มนายหน้าไป ถูกนำตัวไปกักขังที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี

จากนั้นกลุ่มนายหน้าใช้กลอุบาย จัดหญิงบริการ อาหาร สุรา เครื่องดื่ม และยาเสพติด ทั้งยาบ้าและไอซ์ จนหลงเคลิ้ม ติดยา

ถ้าใครไม่ยอมไปขึ้นเรือจะถูกกักขัง ทุบตีทรมาน จนต้องยอมทำตาม แล้วถึงปล่อยออกจากที่กักขัง พาไปส่งต่อให้กับเจ้าของเรือประมงแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร โดยกลุ่มนายหน้าจะได้ค่าตอบแทน 50,000 บาท ต่อแรงงาน 1 คน

ต่อมาเจ้าของเรือประมงจะนำแรงงานเหล่านี้ลงเรือประมงล่องออกสู่อ่าวไทย ก่อนแอบลักลอบออกนอกเขตน่านน้ำไทย เพื่อไปทำประมงในเขตน่านน้ำมาเลเซีย โดยระหว่างที่อยู่บนเรือก็จะมีไต้ก๋งเรือคอยควบคุมและบังคับให้แรงงาน เหยื่อเหล่านี้ทำงานหนักเป็นเวลาต่อเนื่องติดต่อกัน ได้พักวันละไม่เกิน 4 ชั่วโมง พร้อมนำยาเสพติดมาให้เสพอีกจนติดหงอม เพื่อใช้เป็นข้อต่อรองให้ยอมอยู่ในความควบคุม

หากคนใดไม่ยอมทำตามก็จะถูกทำร้ายทุบตี จนอยากกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย แถมค่าแรงไม่ได้ตามที่สัญญาไว้ เพียงแค่ได้ค่าดำรงชีพ 1,000 บาท เวลาหาปลามาได้แล้วไปส่งแพปลา ไว้ซื้อของอุปโภคบริโภคบนเรือ มีแรงงานบางคนให้การว่า ทำงานบนเรือ 4 ปี ได้เงินเพียง 9,000 บาท

นอกจากการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์แล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังจัดอบรมติวเข้มพนักงานสอบสวนและทีมสหวิชาชีพ เพื่อให้ทำสำนวนคดีค้ามนุษย์รัดกุม เพื่อให้ผลการสั่งไม่ฟ้องในชั้นพนักงานอัยการและศาลลดลง

ทั้งหมดเพื่อให้ผลการประเมิน “ทิปรีพอร์ต” ของประเทศไทยยกระดับเป็น “เทียร์ 2” ในปีนี้