ซะอ์ดี กวีเอกของโลกชาวเปอร์เซีย (จบ)/มุมมุสลิม จรัญ มะลูลีม

จรัญ มะลูลีม

มุมมุสลิม

จรัญ มะลูลีม

 

ซะอ์ดี กวีเอกของโลกชาวเปอร์เซีย (จบ)

 

กุลิสตาน เรื่องที่ 7

พระราชาองค์หนึ่งประทับอยู่ในเรือลำเดียวกับเด็กทาสชาวเปอร์เซียผู้หนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นทะเล หรือเคยได้รับประสบการณ์อันยากลำบากในเรือมาก่อน เขาจึงเริ่มร้องไห้คร่ำครวญตัวสั่น จะปลอบโยนเท่าไรเขาก็ไม่สงบลงได้ จนความเพลิดเพลินของพระราชาถูกรบกวนและไม่อาจแก้ไขอะไรได้

ในเรือลำนั้นบังเอิญมีนักปราชญ์อยู่ผู้หนึ่ง เขาได้กล่าวขึ้นว่า “หากพระองค์ทรงบัญชา ข้าพระองค์จะทำให้เขาเงียบเอง”

พระราชาทรงตอบว่า “มันจะเป็นการกระทำที่ดีมากทีเดียว”

นักปราชญ์จึงออกคำสั่งให้เหวี่ยงเด็กชายคนนั้นลงไปในน้ำ หลังจากจมน้ำลงไปหลายครั้ง เด็กชายผู้นั้นก็ถูกจับผมดึงมาที่เรือ เขาเอามือทั้งสองเกาะท้ายเรือไว้แน่น เมื่อขึ้นมาจากน้ำได้แล้วเขาก็นั่งลงที่มุมหนึ่งอย่างเงียบเชียบ

พระราชาทรงพอพระทัย จึงได้ตรัสถามขึ้นว่าเป็นไปได้อย่างไร

นักปราชญ์ก็ตอบว่า “ตอนแรกเขาไม่เคยรู้ถึงอันตรายของการจมน้ำ เขาจึงไม่เข้าใจถึงความปลอดภัยที่ในเรือ ในทำนองเดียวกัน เขาไม่ทราบถึงคุณค่าของความรุ่งเรืองเพราะเขาเคยมีแต่ความยากแค้นขาดแคลน โอ้ผู้ที่มีอาหารบรรเทาความหิวโหยเอ๋ย! สำหรับท่านขนมปังข้าวบาร์เลย์นั้นเป็นสิ่งน้อยนิดสำหรับท่าน แต่สิ่งที่ในสายตาของท่านดูผิดรูปผิดร่างนั้น ฉันอาจจะเห็นเป็นความงามน่ารักก็ได้”

สำหรับนางไม้ในสวรรค์นั้นที่ชำระบาปก็เหมือนกับนรก ลองถามชาวนรกดูซิว่า สถานที่ชำระบาปมิใช่สวรรค์ดอกหรือ? ผู้ที่โอบกอดนางบำเรอของเขาไว้ในอ้อมแขนกับเขาผู้ซึ่งสายตาจับจ้องอยู่ที่ประตูคอยมองหาเธอย่อมมีความแตกต่างกัน

 

กุลิสตาน เรื่องที่ 8

พระราชาฮอร์มุซ (กษัตริย์ในราชวงศ์ซัสสานียะฮ์ไม่ต่ำกว่าห้าพระองค์ใช้ชื่อนี้) ถูกถามว่า “บรรดาเสนาบดีของพระราชบิดาของพระองค์ได้กระทำผิดอันใด พระองค์จึงทรงจำขังพวกเขาไว้?”

พระองค์ตอบว่า “ข้าไม่พบความผิดอะไรแต่ข้าเข้าใจว่าในหัวใจของพวกเขานั้นหวาดกลัวข้าอย่างเหลือเกิน พวกเขาไม่มีความวางใจอย่างเต็มที่ในคำสัญญาของข้า ข้าจึงหวาดกลัวเกรงว่าด้วยความหวาดกลัวในเรื่องความปลอดภัยของพวกเขาเอง พวกเขาอาจจะพยายามเอาชีวิตข้าได้ เพราะฉะนั้นข้าจึงได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของปวงปราชญ์ผู้กล่าวว่า

“จงกลัวผู้ที่กลัวท่านเถิด ถึงแม้ว่าท่านจะสามารถจัดการกับคนเช่นนี้นับร้อยได้ แต่ท่านไม่เห็นดอกหรือว่าเมื่อแมวจนตรอกนั้นมันจะเอาเล็บข่วนลูกตาเสือได้? งูพิษแว้งกัดตีนของชาวบ้านนอกก็เพราะมันกลัวว่าเขาจะทุบหัวมันด้วยก้อนหิน”

 

กุลิสตาน เรื่องที่ 9

พระราชาอาหรับองค์หนึ่งทรงประชวรในขณะที่ทรงชราภาพไม่อาจหวังว่าจะหายได้ ทหารม้าผู้หนึ่งได้เข้าประตูมาพร้อมข่าวดีว่า “ด้วยบารมีของพระองค์ ข้าพระองค์ได้ตีป้อมปราการนั้นแตกแล้วพระเจ้าข้า ทหารของศัตรูก็ถูกจับเป็นเชลย และพสกนิกรทั้งหมดของท้องถิ่นนั้นก็กลับมาอ่อนน้อมต่อรัฐบาลของพระองค์อีก”

พระราชาถอนใจลึกและตรัสว่า “ข่าวนี้ไม่ใช่เกี่ยวกับข้าแต่เกี่ยวกับศัตรูของข้า นั่นคือผู้ที่จะสืบต่ออาณาจักรของข้า ข้าได้ใช้ชีวิตอันมีค่าไปอย่างเปล่าประโยชน์ด้วยความหวังที่จะบรรลุความปรารถนาของข้า แต่จะมีประโยชน์อันใดเล่าในเมื่อไม่มีความหวังว่าชีวิตในอดีตของข้าจะกลับคืนมา”

“หัตถ์แห่งชะตากรรมได้ลั่นกลองของมันไปแล้ว โอ้อนิจจา! ดวงตาทั้งสองของข้าจงลั่นกลองของมันไปแล้ว โอ้อนิจจา! ดวงตาทั้งสองของข้าจงร่ำลาศีรษะเสียเถิด โอ้มือ ข้อมือและแขนของข้าจงกล่าวอำลากันและกันเถิด มรณภาพอันเป็นศัตรูแห่งความปรารถนาของข้าได้ตามทันข้าแล้ว เนื่องจากวาระสุดท้ายได้มาอยู่ต่อหน้าข้าแล้ว มิตรทั้งหลาย ชีวิตของเขาได้ล่วงเลยไปด้วยความเขลา ข้าไม่ได้ทำหน้าที่ของข้าเลย”

“พวกเจ้าจงอย่าทำตามตัวอย่างของข้าเลย”

 

กุลิสตาน เรื่องที่ 10

ในปีหนึ่งฉันกำลังนั่งพักสวดภาวนาที่หัวหลุมศพท่านศาสดายะห์ยา (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน) ในมัสยิดใหญ่แห่งนครดามัสกัส ก็พอดีพระราชาอาหรับองค์หนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงในทางร้ายเนื่องมาจากความอยุติธรรมของพระองค์เดินทางมาแสวงบุญและเมื่อได้สวดวิงวอนเสร็จแล้วพระองค์ก็ได้ตรัสว่า “ทั้งคนยากจนและร่ำรวยต่างก็เป็นทาสบนพื้นธรณีนี้ และผู้มั่งคั่งที่สุดก็คือผู้ที่มีความขาดแคลนที่สุด”

แล้วพระองค์ก็ทอดพระเนตรมาที่ฉันแล้วตรัสแก่ฉันว่า “ดาร์วิชนั้นมีความอุตสาหะและจริงใจในการติดต่อกับสวรรค์ จงมารวมคำสวดของข้ากับของท่านเข้าด้วยเถิด (หมายความว่ารวมการวิงวอนของท่านกับของฉันเข้าด้วยกัน) เพราะว่าข้าหวั่นหวาดต่อศัตรูผู้มีอำนาจ”

ฉันได้ตอบว่า “ขอพระองค์ทรงมีความเมตตาต่อชาวไร่ชาวนาที่อ่อนแอเถิด เพื่อว่าพระองค์จักได้ไม่ต้องเดือดร้อนจากศัตรูที่แข็งแรง

“การบดขยี้คนยากจน และพสกนิกรที่ไม่อาจป้องกันตัวได้นั้นเป็นบาป”

“ผู้ที่มิได้เป็นมิตรกับคนยากจนย่อมมีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดหวั่น เพราะหากว่าเท้าของเขาลื่นล้มลง ก็จะไม่มีใครช่วยจับมือเขาให้ลุกขึ้น”

“ผู้ใดก็ตามหว่านเมล็ดพืชที่เลวลงไป แต่มองหาผลไม้ที่ดีนั้นทรมานสมองของตนเองเปล่าๆ ด้วยการตัดสินสิ่งต่างๆ อย่างเป็นเท็จ”

“จงเอาสำลีอุดพระกรรณพระองค์ออกเสียเถิด และจงให้ความยุติธรรมแก่มนุษยชาติ เพราะหากพระองค์ปฏิเสธความยุติธรรมย่อมต้องมีวันแห่งการทดแทน”

“บุตรหลานของอาดัมคือแขนขาของกันและกันและล้วนแต่ถูกสร้างจากธาตุอันเดียวกันนั้น เมื่อโลกให้ความเจ็บปวดแก่สมาชิกคนหนึ่ง คนอื่นๆ ก็ย่อมเจ็บปวดไปด้วย ถ้าพระองค์ไม่เห็นใจในความทุกข์ของคนอื่น พระองค์ก็ไม่สมควรแก่การถูกเรียกว่าเป็นมนุษย์”

 

กุลิสตาน เรื่องที่ 11

ดาร์วิชผู้หนึ่งซึ่งการสวดภาวนาของเขาไม่เคยเป็นไปอย่างเปล่าประโยชน์ได้ปรากฏตัวขึ้นในกรุงแบกแดด

โฮยาซ ยูซุฟ (ชื่อของผู้ครองนครผู้เลวร้าย) ตามเขามา และกล่าวว่า “โอ้พระผู้เป็นเจ้าจงเอาชีวิตข้าด้วยเถิด นี่เป็นการสวดแบบไหนกันน่ะ?”

ดาร์วิชตอบว่า “มันเป็นการแสดงเจตนาดีสำหรับท่าน และสำหรับชาวมุสลิมทั้งหลาย โอ้ทรราชผู้มีพลังซึ่งกดขี่ผู้อ่อนแอ ความรุนแรงเช่นนี้จะดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหนกัน? การปกครองของท่านนั้นมีประโยชน์อันใดเล่า?”

“สำหรับท่านนั้นตายเสียจะดีกว่า เพราะท่านกดขี่มนุษยชาติ”

 

กุลิสตาน เรื่องที่ 12

พระราชาผู้เป็นทรราชองค์หนึ่งได้ตรัสถามนักการศาสนาผู้หนึ่งว่า “การสักการะแบบไหนจะดีที่สุดที่ข้าควรจะทำ?”

เขาตอบว่า “สำหรับพระองค์นั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือการบรรทมหลับในตอนเที่ยง เพราะในตอนนั้นพระองค์จะได้ไม่กดขี่มนุษย์”

เมื่อฉันเห็นทรราชนอนหลับในตอนเที่ยง ฉันมักพูดว่า “เขาคือทรราช ถ้าเขาหลับไปก็เป็นการดีที่สุด”

“ผู้ที่เห็นการหลับของเขาดีกว่าการตื่นนั้น เพราะหากตายลงย่อมดีกว่าที่จะมีชีวิตอยู่อย่างเลวทราม”