ถ่ายหนังในตึกร้าง เครื่องรางก็ต้องมา!!

นี่ถ้าเจ้าของตึกสาทรยูนิคไม่อนุญาตให้ จิม โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ ขึ้นไปถ่ายทำ ผู้กำกับหนัง “เพื่อน…ที่ระลึก” ที่กำลังทำรายได้ และกลายเป็นที่กล่าวขวัญอยู่ขณะนี้ก็ว่า “เราต้องเปลี่ยนเรื่องถึง 40%”

เหตุผลนั้นก็เพราะ “เราหลงรักตึกตึกนี้ไปแล้ว เราเขียนเรื่องมาจากตึกเยอะ”

แถมยังวางไว้ถึงขั้นนักแสดงต้องเดินมาที่มุมนี้ ในชั้นนี้

“บทมันถูกวางเพื่อตึกนี้หมดแล้ว”

แต่โชคดีที่เจ้าของอนุญาต “เพื่อน…ที่ระลึก” เรื่องราวของ 2 เพื่อนสนิทที่นัดกันจะฆ่าตัวตาย แต่รายหนึ่งเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน จนวันหนึ่งเพื่อนก็กลับมาทวงสัญญา จึงออกมาอย่างที่เห็น

เขายังเล่าด้วยว่า เหตุที่ต้องเป็นตึกนี้ ก็เพราะต้นเหตุที่ทำให้เกิดหนังมาจากไอเดียของ เก้ง จิระ มะลิกุล ที่ไปเห็นข่าวของตึกดังกล่าวซึ่งฝรั่งตั้งฉายา “บางกอกโกสต์ทาวเวอร์” ซึ่งถูกทิ้งร้างมา 20 ปี ด้วยพิษเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ปี 2540 ซึ่งเมื่อเอามารวมกับเรื่องของเพื่อนที่สัญญากันว่าจะฆ่าตัวตายที่เขาเคยอ่านเจอในโลกออนไลน์ ก็คิดว่าน่าสนใจ

จากนั้นก็ค่อยๆ วางพล็อต และเขียนบทร่วมกับทีมงาน ซึ่งใช้เวลาในการนี้ถึง 1 ปีครึ่ง

จึงกังวลนักในขั้นตอนติดต่อขอใช้ตึก

ขอบคุณภาพจากเพจ “เพื่อนที่ระลึก”

“การทำหนังผีที่พูดถึงตึกเขา ถ้าเจ้าของไม่เข้าใจ เขาก็ไม่ให้ ผมเคยทำหนัง ไปขอสถานที่ พอบอกว่าเป็นหนังผี เขาไม่ให้เลย เขากังวล แต่โชคดีที่เราได้ตึกนี้จริง คือเขาพูดมาเลยว่าถ้าเป็น gdh เขาโอเค คือมีคนมาขอหลายเรื่องมาก แต่เขาไม่ให้ พอเป็น gdh เขาเชื่อว่าเราจะพาหนังไปสู่ภาพที่ดี นำเสนอออกมาได้ดี”

เล่าอีกว่า พอได้รับอนุมัติ ก่อนถ่ายจริง เขาก็ไปสำรวจ

“ตอนแรกก็เป็นห่วงมาก ด้วยความที่ตึกค่อนข้างแข็งแรง แต่ด้วยความที่ยังสร้างไม่เสร็จ เลยจะมีช่องว่างต่างๆ อยู่ ถ้าใครไม่รู้ทางอาจเกิดอุบัติเหตุได้”

ขอบคุณภาพจากเพจ “เพื่อนที่ระลึก”

สำรวจเสร็จปุ๊บก็กลับมาวางแผน พร้อมร่างข้อห้าม

“โชคดีวันที่ไป ไปเจอบริษัทโฆษณา ก็ถามเขาเลยว่าจะจั๊มพ์ไฟยังไง ขนของยังไง ก็เลยได้ลิฟต์ขนของขึ้นไปชั้น 46” ของตึกที่มีทั้งหมด 47 ชั้น

“แล้วก็คิดว่า หรือเวลาเราไปถ่าย พวกเราจะขึ้นลิฟต์ไปด้วย แต่จากสภาพลิฟต์แล้ว ผมว่าเดินดีกว่า” จิมเล่า

เปล่า, ไม่ได้ห่วงเรื่องความแข็งแรง เพราะลิฟต์นั้นมั่นคงและแข็งแรงดี ติดก็แต่เรื่องช่องว่าง ช่วงห่างระหว่างตัวลิฟต์กับตัวตึก ที่ห่างกันราว 1 ฟุต ซึ่ง “ข้างล่างไม่มีอะไรเลย มองลงไปเป็นพื้นล่างสุด ทำให้ทุกคนไม่มีใครกล้า”

แล้วเลือกที่จะเดินขึ้นลง 47 ชั้น ในทุกวันที่ไปถ่าย

ซึ่งนักแสดงและทีมงานส่วนใหญ่พอเดินไปสัก 5 ชั้นก็จะพักเหนื่อย ยกเว้นนางเอก บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ ที่ฟิต ชนิดเดินไป 15-20 ชั้น จึงจะพักสักครั้งหนึ่ง จึงมักจะไปถึงก่อนคนอื่นๆ เสมอ

ขอบคุณภาพจากเพจ “เพื่อนที่ระลึก”

“แล้วที่ชั้น 46 จะมีทุกอย่าง ทั้งเต็นท์แอร์ไว้แต่งหน้านักแสดง ห้องน้ำไว้ถ่ายหนัก ถ่ายเบา เพื่อทั้งนักแสดงและทีมงานจะได้ไม่ต้องเดินลงมาข้างล่างอีก และการถ่ายหนักจะเหมือนตอนบ้านน้ำท่วมเลยครับ คือเราจะแจกถุงดำให้ทุกคน เวลาใครถ่ายจะต้องเก็บถุงของตัวเองไว้ รับผิดชอบ และเราจะไม่มีขยะที่ทิ้งไว้ข้างบนเลย ซึ่งทุกคนก็จะพยายามไม่ถ่ายหนักข้างบน แต่ก็มีบางคนที่ไม่รอด”

เขาบอกพลางยิ้ม

แล้วว่า และเพราะตึกยังสร้างไม่เสร็จ บางชั้นยังไม่มีขอบระเบียง บันไดบางจุดก็จะมีช่องที่ใหญ่มาก ถ้าตกก็จะร่วงถึงชั้นล่างเลยทีเดียว เขาจึงวางกฎและข้อห้ามในการทำงานไว้หลายๆ อย่าง ทั้งจุดห้ามเข้า การห้ามเล่น ห้ามแกล้งกัน และที่สำคัญคือห้ามวิ่ง

“ทุกกองถ่ายจะต้องมีความรีบ รีบทำงานให้ทันกับแสง แต่ต่อให้รีบแค่ไหน ก็ห้ามวิ่ง เพราะอาจไปสะดุดหรือเกิดอุบัติเหตุได้”

ขณะเดียวกัน ในความเป็นตึกร้าง แถมยังผ่านเรื่องราวต่างๆ จนได้รับการขนานนาม “บางกอกโกสต์ทาวเวอร์” ผู้กำกับฯ จึงว่า

“พวกเราก็ทำใจไว้บ้าง”

“จะมีทีมงานดูแลเรื่องความปลอดภัย ดูเรื่องเล่าต่างๆ ทำการบ้านกัน”

ขอบคุณภาพจากเพจ “เพื่อนที่ระลึก”

อีกทั้ง “ในการเข้าไปแต่ละครั้ง เราจะมีการไหว้ทุกครั้ง เพราะเราเชื่อว่ามันเป็นตึกร้าง ไม่มีคนอยู่ อาจจะมีสิ่งที่เรามองไม่เห็น อะไรต่างๆ ก็จะมีการไหว้ บอกกล่าวก่อนจะเข้าไปถ่าย หรือเข้าไปในทุกๆ ครั้ง”

“หรือบางครั้งก็อาจจะมีการแจกเครื่องรางของขลังบ้าง ซึ่งหลักๆ เลยเมื่อเราทำแบบนี้ ทีมงานก็มีความสบายใจ มี ไม่มี ไม่รู้ แต่เราทำไว้ก่อน อย่างน้อยเราก็มีอะไรบางอย่างปกป้องไว้”

“ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เราจะดูแลเป็นพิเศษ” ผู้กำกับหนังผีคนดัง ว่าอย่างนั้น