ภ.1 ตำบลกระสุนตก โป๊ะแตกคดีแตงโม แปลสัญญาณ ‘เงียบ’ ผบ.ตร. ‘พลาดไปแล้วจะเอามันไปฆ่าหรือ?’/โล่เงิน

โล่เงิน

 

ภ.1 ตำบลกระสุนตก โป๊ะแตกคดีแตงโม

แปลสัญญาณ ‘เงียบ’ ผบ.ตร.

‘พลาดไปแล้วจะเอามันไปฆ่าหรือ?’

 

กลายมาเป็นประเด็นอีกจนได้ หลัง “บิ๊กอุ้ย” พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 นำทีมแถลงปิดคดีแตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ดาราสาว พลัดตกเรือสปีดโบ๊ตจมแม่น้ำเจ้าพระยา อ.เมืองนนทบุรี เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านว่า เกิดจากความประมาทของคนบนเรือ ไม่ใช่การฆาตกรรม ก่อนนำสำนวนคดีพร้อมผู้ต้องหา 5 คนบนเรือ และนายภีม หรือเอ็ม ธรรมธีรศรี กุนซือที่ให้คำแนะนำคดี นำส่งอัยการนนทบุรี ตั้งคณะทำงานตรวจสำนวนคดีและนัดฟังคำสั่งวันที่ 27 พฤษภาคมนี้

กรณีวีดิทัศน์จำลองเหตุการณ์ ที่ทีมสืบสวนได้จัดทำขึ้นมาเพื่อให้เข้าใจคดี ความยาว 25 นาที โดยเฉพาะในลักษณะสภาพบาดแผลต้นขาขวาด้านในดาราสาวที่เกิดจากใบพัดเรือบาด มีการอ้างอิงและเปรียบเทียบกับคดีในต่างประเทศที่ระบุว่ามีผู้เคราะห์ร้ายถูกใบพัดเรือชนิดเดียวกันปั่นขาเหมือนกัน เย็บแล้วเว้าโค้งเหมือนกัน

แต่ต่อมาโป๊ะแตก เมื่อชาวโซเชียลได้นำภาพที่ตำรวจนำมาเปรียบเทียบในวีดิทัศน์ไปค้นหา พบว่าภาพดังกล่าวเป็นข่าวต่างประเทศ จากเว็บไซต์ The Sun ที่รายงานว่า นักศึกษาสาววัย 21 เคยได้รับบาดแผลดังกล่าวจากงานสังสรรค์ปี 2562 โดยถูกของมีคมกรีดขาขวา ลึก 30 ซ.ม. ไม่ได้มีการกล่าวถึงใบพัดเรือตามที่มีการอ้างอิงในคลิปการแถลงของตำรวจ

กลายเป็นประเด็นร้อนดิสเครดิตความน่าเชื่อถือของ ภ.1 จนสื่อมวลชนตามหาผู้เกี่ยวข้องกันให้ควั่กเพื่อให้ออกมาอรรถาธิบาย จน “บิ๊กอุ้ย” ต้องนำคณะทีมสอบสวนมาแถลงอีกรอบ

พ.ต.อ.วรชาติ แสนคำ รอง ผบก.สส.ภ.1 หัวหน้าชุดในคณะทำงาน ทำหน้าที่รวบรวมหลักฐานคดีนี้ ชี้แจงว่า ภาพที่เกิดปัญหานั้น หยิบยกมาอธิบายลักษณะของบาดแผลที่มีลักษณะการโค้งเว้า ซึ่งในวีดิทัศน์ที่แถลงข่าว ใช้คำว่า “บาดแผลที่มีการโค้งเว้า ลักษณะเช่นเดียวกัน” ในกรณีนี้ ตำรวจไม่สามารถแสดงภาพบาดแผลจากศพมานำเสนอได้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดทางกฎหมาย ซึ่งบาดแผลจากศพหลังจากการเย็บแล้ว มีลักษณะโค้งเว้าเป็นตัว S จึงได้นำภาพ (เว็บไซต์ The Sun) หยิบยกลักษณะที่คล้ายกันมาให้ดูเป็นตัวอย่าง และนำรูปบาดแผลดังกล่าวที่มีลักษณะความโค้งเว้ามาเปรียบเทียบกับรอยใบพัดบนดินน้ำมันให้เห็น

แต่เมื่อตัดกลับไปดูวีดิทัศน์ ปรากฏคำบรรยายว่า “มีข้อมูลอ้างอิงจากต่างประเทศ มีคนถูกใบพัดเรือชนิดเดียวกัน ฟันขาบาดแผลเหมือนกัน เย็บแล้วเว้าโค้งเหมือนกัน”

จึงเป็นหลักฐานที่เห็นกันจะจะมัดแน่นว่า เป็นคนละกรณีกัน ไม่มีการตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจนถึงที่มาของภาพ

ต่อมา พ.ต.อ.วรชาติได้ขออภัยที่ทำให้การบรรยายภาพสื่อสารให้ผู้รับชมเกิดความกำกวม และยืนยันว่าไม่ได้มีผลทำให้สาระสำคัญคดีนี้เปลี่ยนไป

ผู้สื่อข่าวถามเจ้าตัวว่า ภาพดังกล่าวเป็นข้อมูลจากต่างประเทศ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับใบพัดเรือ กังวลใจหรือไม่ ว่าจะถูกดำเนินคดีในเรื่องการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ปรากฏว่า พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 ตอบสั้นๆ ว่า ขออภัยในความผิดพลาด กรณีที่นำภาพดังกล่าวขึ้นมา จุดประสงค์เพื่อให้สื่อเห็นว่าลักษณะบาดแผลเป็นอย่างไร ไม่มีเจตนาอื่น เนื่องจากไม่สามารถนำภาพศพจริงมานำเสนอได้ ขออภัยในความไม่รอบคอบ

ปรากฏว่ากระแสความไม่เชื่อมั่น และไม่พอใจของชาวเน็ต รวมถึงคนบันเทิงต่างวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจกันกระหึ่ม

ดูเหมือน “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร. ที่ลงมาคุมการทำงานของชุดคลี่คลายคดีด้วยตัวเอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมรับรู้อารมณ์สาธารณชนได้อย่างดี

“…คนส่วนหนึ่งไม่เชื่อในกระบวนการยุติธรรม เราก็ต้องดูว่า เราทำตัวไม่น่าเชื่อถือตรงไหน ก็ต้องหาวิธีแก้ มองว่าเป็นโอกาสดี ที่แสดงให้เห็นว่าระบบที่เราอยู่ทุกวันนี้เป็นอย่างไร ถ้าไม่เชื่อในระบบ ประเทศก็เดินไม่ได้” พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าว

ตามมาด้วยการให้ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.แถลงว่า ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.จิรพัฒน์รายงานชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบโดยด่วนแล้ว พร้อมทั้งโฆษกได้ยืนยันคำของ ผบช.ภ.1 ว่า วีดิทัศน์ที่มีการนำภาพผิดมาใช้ประกอบนี้ ไม่ได้อยู่ในสำนวนการสอบสวนที่ส่งมอบให้กับพนักงานอัยการ แต่การจัดทำวีดิทัศน์นี้ทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการแถลงข่าว เพื่อให้ประชาชนเข้าใจได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

ต่อมามีข่าววงใน “บิ๊กอุ้ย” ได้รายงานให้ “ผบ.ปั๊ด” ทราบแล้ว

โดยงานนี้มีเล็ดลอดออกมาว่า พล.ต.ต.วสันต์ขอรับผิดชอบคนเดียว ไม่โทษลูกน้องที่ทำอะไรแบบเอาง่ายเข้าไว้

ขณะที่ผู้บังคับบัญชาสูงสุดอาณาจักรโล่เงินนั้นแสดงออกด้วยท่าทีขรึมและเงียบมาก คนแวดล้อมรับรู้ได้ทันที นั่นแสดงว่า “เครียดหนัก” กับเหตุการณ์ครั้งนี้ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานไม่รอบคอบ อีกทั้งเมื่อเช็กกระแสสังคมพบว่าคนไม่เชื่อมั่นตำรวจหนักเข้าไปอีก

แต่คำพูดที่แสดงออกให้คนรอบข้างเห็น แค่เอ่ยว่า “คนทำงาน เมื่อพลาดไปแล้ว แล้วรับสารภาพผิด ขอโทษ จะให้ทำอย่างไร เอามันไปฆ่าหรือ” ถือเป็นบุคลิกที่ชินตาของ ผบ.ตร.คนที่ 12 เข้าใจว่าคนทำงานผิดพลาดกันได้ ที่สำคัญไม่ประจานลูกน้องออกสื่อ

ดังนั้น ท่าทีภาษากายที่สื่อสารออกมา “เงียบ” ให้พึงสังวรณ์ไว้ว่า นั่นคือ “การด่า” แล้ว

 

ถัดมาไม่กี่วัน ภ.1 กลายเป็นตำบลกระสุนตกอีกครั้ง เมื่อมีนักร้องเรียนมายื่นให้ ผบ.ตร.มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วสันต์, พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.จ.นนทบุรี และ พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมทั้งเสนอให้ย้ายทั้งหมดมาประจำ ศปก.ตร. โดยกล่าวหาบกพร่องต่อหน้าที่ และใช้หลักฐานเท็จคดีแตงโม

งานนี้ถือว่า ล้ำเส้น ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ย่ำยีเกียรติยศศักดิ์ศรี “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”

เจ้าของรหัส ‘เอราวัณ 1’ ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

ที่สำคัญได้รับไฟเขียว “กรมปทุมวัน” ให้มีการแจ้งความดำเนินคดีนักร้องเรียนผู้นี้แล้ว